วันที่ ๓๐ มีนาคม พ.ศ. ๒๔๘๑ ดร

บ้านซินนามอน ปีนัง

วันที่ ๓๐ มีนาคม พุทธศักราช ๒๔๘๑

ทูล สมเด็จกรมพระนริศฯ

ลายพระหัตถ์เวร ฉบับลงวันที่ ๒๕ มีนาคม หม่อมฉันได้รับแล้ว

อ่านลายพระหัตถ์ฉบับนี้รู้สึกว่าเรื่องกลองหม่อมฉันทูลผิดไป ว่ากลองอย่าง ๑ เรียกว่าชัยเภรีที่มีอยู่หลายใบในพิพิธภัณฑ์สถาน ที่จริงหมายจะเรียกว่าอินทเภรีแต่ลืมแล้วเลยหลงไป และมานึกขึ้นได้ต่อไปว่า กลองอินทเภรีนั้นสำหรับตีทำไม ด้วยชื่อว่าอินทเภรีเข้ากับความว่าเป็นกลองของแม่ทัพสำหรับตีเป็นสัญญาให้ยกพล เหมือนอย่างแตรเดี่ยวที่ทหารเป่าสัญญาเรียกคนเข้ากระบวน ที่กลองอินทเภรีมีอยู่ในวังหน้าหลายใบนั้นก็พอสันนิษฐานเหตุได้ ด้วยเมื่อกรมศักดิ์เสด็จยกกองทัพไปตีเมืองเวียงจันท์ยกไปหลายทัพหลายทาง นายทัพแต่ละคนคงมีกลองอินทเภรีไปด้วยใบ ๑ ชื่อกลองอินทเภรีที่ว่าเรียกตามเรื่องแสนปมนั้น หม่อมฉันเห็นว่าเป็นการเดาของผู้ไม่รู้เรื่อง เช่น เรียกตำบลสามแสนและเมืองสองพันบุรี กลองอนันทเภรีในเทศน์มหาชาติของสมเด็จพระปรมานุชิต ความก็ส่อว่าเป็นกลองสัญญาเรียกคนให้มาพร้อมกันอย่างกลองอินทเภรีนั้นเอง แต่อาจจะเป็นสำหรับการในเมือง เรื่องตีฆ้องร้องนำนั้นหม่อมฉันได้เห็นครั้ง ๑ เมื่อยังเป็นเด็ก แต่เป็นในการอัปมงคล คือ เมื่อจะเอานักโทษไปประหารชีวิต เอาเดินเที่ยวตระเวนไปตามถนนก่อน ดูเหมือนจะมีกฎหมายหรือเป็นคำที่พูดกันว่า ตระเวนบก ๓ วัน ตระเวนเรือ ๓ วัน ที่หม่อมฉันได้เห็นนั้นมีคนตีฆ้องหม่องนำหน้า แล้วมีพวกพะทำมะรงเดินห้อมล้อมตัวนักโทษ ไปถึงตรงไหนที่มีคนประชุมกันหยุดยืนตีฆ้องม็องๆ ม็องๆ แล้วให้ตัวนักโทษร้องประกาศโทษของตน ผู้ที่เขาได้ยินเขามาเล่าว่าประกาศขึ้นคำว่า “เจ้าข้าเอ๋ยอย่าดูเยี่ยงข้า ข้าได้ทำผิดอย่างนั้นๆ ต้องถูกประหารชีวิต” ดังนี้ เคยเห็นครั้งเดียว แต่ได้เห็นหนังสือทางเมืองพม่าว่าเวลาประกาศราชการ ก็ให้คนเที่ยวตีฆ้องประกาศอย่างเดียวกับตระเวนนักโทษ ขันอยู่ที่ฝรั่งก็ใช้ประเพณีคล้ายกัน ตามเมืองต้องมีตำแหน่งคนสำหรับประกาศไว้คน ๑ เวลาเลือกต้องให้มาประกวดเสียงกัน เลือกกันที่เสียงดังกว่าคนอื่น แต่ใช้กระดิ่งขนาดใหญ่ที่เราเรียกกันว่าตะแกงๆ แทนฆ้อง เวลาจะประกาศไปด้วยกันกับพวกสมพักนักการ ไปยืนตามที่ประชุมชน เช่นทางสี่แพร่งหรือหน้าศาลาที่ประชุมชนเป็นต้น แกว่งกระดิ่งเรียกคนแล้วประกาศป่าวร้อง ทำเช่นนั้นไปจนทั่วเขตเมือง ยังประหลาดต่อไปที่เวลาพระเจ้าแผ่นดินได้ผ่านพิภพก็มีการป่าวร้องเช่นนั้นใช้ “แตรฝรั่ง” เป่าแทนกระดิ่ง และมีขุนนางผู้ใหญ่เป็นสมพักนักการไปป่าวร้อง ทำพอเป็นพิธี ที่เมืองลอนดอนดูเหมือนทำ ๒ แห่งเท่านั้น

ศัพท์เรียกเจ้าเมืองเขมรที่มีในหนังสือแจกงานพระศพพระองค์หญิงอาภานั้น หม่อมฉันยังไม่ได้อ่านหนังสือนั้น ด้วยกำลังแต่งหนังสือประวัติขลุกขลุ่ยอยู่ เมื่อได้อ่านแล้วจึงจะทูลวินิจฉัย ทูลได้ในเวลานี้แต่เรื่องเมืองละแวกเป็นราชธานีสำหรับอาศัยเมื่อเสียนครธมแก่ไทยแล้ว เจ้าเขมรหนีลงไปตั้งราชธานีข้างใต้อยู่ในระหว่างเมืองพระตะบองกับเมืองพนมเพ็ญ ดูเหมือนจะไม่ห่างกับเมืองอุดงนัก เขาบอกหม่อมฉันว่าไม่มีอะไรก็ไม่ได้ไปถึง หรือได้ผ่านรถไปในเขตแขวงเมืองละแวกจำไม่ได้แน่ แต่ข้อที่ไม่มีโบราณวัตถุถึงชั้นขอมนั้น พวกที่เมืองเขมรเขาบอกหม่อมฉันเป็นแน่นอน

ที่ปีนังสัปดาหะนี้ หม่อมฉันได้พบกับพระองค์หนู และหม่อมพระองค์อาภัส และพระองค์พีระกับหม่อม เธอมาถึงเมื่อวันอาทิตย์ที่ ๒๖ เช้าวันที่ ๒๗ เธอมาหา ในบ่ายวันที่ ๒๗ นั้นหม่อมฉันไปส่งลงเรือเกดะไปสิงคโปร์ มีคุณหญิงอนิรุธตามมาส่ง ว่าจะไปส่งเพียงสิงคโปร์ด้วยอีกคน ๑ เธอตรัสบอกว่าจะไปลงเรือเมล์อิตาเลียนชื่อ วิกตอเรีย ที่สิงคโปร์ไปยุโรป แล้วจะกลับมาอีกราวเดือนตุลาคม

หญิงพิลัยได้รับจดหมายหญิงอามบอกว่าส้มจัฟฟาไปถึงแล้วโดยเรียบร้อย ถ้ายังไม่สิ้นฤดูจะฝากใครได้หม่อมฉันจะส่งไปถวายอีก.

ควรมิควรแล้วแต่จะโปรด

สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ

แชร์ชวนกันอ่าน

แจ้งคำสะกดผิดและข้อผิดพลาด หรือคำแนะนำต่างๆ ได้ ที่นี่ค่ะ