วันที่ ๑๒ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๔๘๑ ดร

บ้านซินนามอน ปีนัง

วันที่ ๑๒ พฤษภาคม พุทธศักราช ๒๔๘๑

ทูล สมเด็จกรมพระนริศ ฯ

หม่อมฉันได้รับลายพระหัตถ์ฉบับลงวันที่ ๗ พฤษภาคม แล้ว จะทูลตอบเล่าเรื่องเบ็ดเตล็ดถวายในจดหมายฉบับนี้

หญิงสิบพันกลับจากแคมารอนฮิลเมื่อวันที่ ๘ พฤษภาคมนี้ มาพักแรมอยู่ที่ซินนามอนฮอลคืน ๑ รุ่งขึ้นวันจันทร์ที่ ๙ กลับไปกรุงเทพฯ เธอบอกว่าชอบที่แคมารอนฮิล สังเกตดูผิวพรรณก็เปล่งปลั่งดีขึ้นกว่าเมื่อตอนไป เมื่อเธอกลับหม่อมฉันข้ามไปส่งถึงสถานีรถไฟไปได้รับความลำบากขึ้นใหม่อีก เมื่อแรกหม่อมฉันมาอยู่ปีนัง ข้ามส่งหญิงจงฯ ครั้ง ๑ พอรถออกโบกมือส่งแล้วจะมาลงเรือข้ามฟากกลับปีนัง เดินมายังไม่ทันถึงท่า เรือชิงออกเสียต่อหน้าต่อตา ทั้งหม่อมฉันได้ซื้อตั๋วโดยสารขากลับแล้ว ต้องลงเรือจ้างแจวข้ามฟากลำน้ำไปรมาขึ้นรถลากมาลงเรือที่สำหรับรถยนต์ข้ามฟากที่ท่าบัตเตอรเวิท หม่อมฉันขัดใจกลับมาร้องทุกข์กับพวกกรมการ จะเป็นด้วยเขาไปช่วยว่ากล่าวหรืออย่างไรต่อมาไม่ช้าเรือที่รับคนไปส่งรถไฟขยายเวลากลับออกไปสัก ๑๕ นาทีก็เป็นอันเรียบร้อยไปครั้ง ๑ ต่อมากรมรถไฟเปลี่ยนเวลาเรือออกจากปีนัง ไปรับคนมาจากเมืองไทย ซึ่งเดิมออกบ่าย ๕ โมงเลื่อนเข้ามาเป็นบ่าย ๔ โมง ถ้าจะไปรับใครต้องไปคอยที่สถานีไปรราว ๒ ชั่วโมง แต่นั้นหม่อมฉันไปรับใครก็รับแต่ปลายตะพานไม่ข้ามไปรับถึงสถานีไปร เมื่อไปส่งหญิงสิบพันคราวนี้ไปได้ความว่าเขาเปลี่ยนเวลาเรือกลับปีนังตอนเช้าเป็น ๕ โมง คิดว่าส่งแล้วจะต้องนั่งรออยู่ที่สถานีไปรชั่วโมง ๑ จึงจะได้กลับ หม่อมฉันก็ปฏิญาณเลิกไม่ส่งใครถึงรถไฟอีก แต่นี้ไปจะรับส่งแต่เพียงปลายตะพานเท่านั้น

ลืมทูลเรื่องที่ควรทูลสัก ๒ คราวเมล์มาแล้วเรื่อง ๑ คือนายฟิโรจีช่างปั้นกับภรรยาแลเด็กลูกชายจะไปยุโรปแวะมาลาหม่อมฉัน ได้พูดกันถึงเรื่องโรงเรียนช่าง น่าชมว่าแกตั้งใจจะจัดให้เป็นประโยชน์แก่เมืองไทยจริงๆ เป็นต้นแต่แกเห็นว่านักเรียนควรมีจำนวนน้อยแต่กวดขันทางความรู้และฝีมือกับความคิดให้ดีจริงๆ เป็นสำคัญ เพราะถ้าคนมากไปฝีมือก็จะเลวลง และเมื่อออกจากโรงเรียนไปก็จะไปแย่งกันหางานทำยากด้วย

เมื่อ ๒ สัปดาหะมานี้ หม่อมฉันได้รับจดหมายพระยาศรีสุรสงครามส่งสมุดแถลงรายการเรื่องหล่อพระรูปสมเด็จพระสังฆราชเจ้ากับทั้งเสมา ๑ อันและแหวนมงคล ๙ ซึ่งหล่อเนื่องกับงานหล่อพระรูปนั้นมาให้ด้วย หม่อมฉันเข้าใจว่าเขาคงถวายท่านเหมือนกัน สังเกตดูพระรูปสมเด็จพระสังฆราชเจ้า (แม้เห็นแต่รูปฉายในสมุด) ดูปั้นหุ่นดีกว่าคาด ใครปั้นทรงทราบหรือไม่ พิเคราะห์ความที่พิมพ์ในหนังสือแถลงการ ดูก็จะเป็นงานพรักพร้อมผู้คนมาก แปลกอยู่แต่ที่แสดงความมหัศจรรย์ต่างๆ และสังเกตดูชื่อพระที่นิมนต์มีพวกอาจารย์วิปัสนาหลายองค์ ชวนให้เข้าใจว่าความเลื่อมใสทางวิทยาคมดูจะเฟื่องฟูขึ้น

หม่อมฉันเล่าถวายไปในจดหมายฉบับก่อน ถึงเรื่องจีนตั้งสมาคม “ญาโณทัย” และขอพระธรรมยุติออกมาอยู่ที่วัดศรีสว่างอารมณ์ หม่อมฉันได้ไปเยี่ยมพระที่ออกมา ๒ ครั้ง และพบพวกกรรมการของสมาคม ดูเป็นคนเรียบร้อยและมีอันจะกินทั้งนั้น เจ้าของ (ผู้สร้าง) วัดศรีสว่างอารมณ์ อายุราวสัก ๖๐ เศษ ดูเลื่อมใสศรัทธามาก ถวายวัดนั้นให้พระธรรมยุติปกครองโดยลำพังทั้งวัด มีเสนาสนะอยู่พอสบายและเขาเลี้ยงดูไม่อัตคัดอย่างหนึ่งอย่างใด ยังลำบากแต่เรื่องภาษาแต่ชื่อสมาคม (ซึ่งหม่อมฉันเข้าใจว่าสมเด็จพระวชิรญาณขนาน) นั้น เมื่อเขียนด้วยตัวอักษรโรมันที่นี่ไม่มีตัว ñ ซึ่งสำหรับใช้แทนตัว “ญ” เขียนเป็น Nanodaya Buddhist Association เขาจะเริ่มทำพิธีวิสาขะบูชา ออกใบปลิวชักชวนพุทธศาสนิกชนดังหม่อมฉันถวายมากับจดหมายนี้ฉบับ ๑ พวกหม่อมฉันก็จะไปช่วยด้วย นายประสิทธิ์ กงซุล ก็เลื่อมใสอย่างคนสมัยเก่าอีกคน ๑ ได้ยินว่าไปที่วัดนั้นทุกวันอาทิตย์ หม่อมฉันได้แนะนำพระมหาภุชงค์กับพระมหามุกด์ว่า ในชั้นนี้ควรตั้งหน้าศึกษาให้ทราบประเพณีของพุทธศาสนิกชนชาวปีนัง และบำเพ็ญวัตรปฏิบัติให้เขาเห็นว่าเป็นพระดีน่าเลื่อมใสศรัทธาเสียก่อน นอกจากนั้นก็พยายามเรียนภาษาอังกฤษให้พอพูดกับพวกกรรมการได้เอง อย่าให้ต้องมีล่าม อย่าแสดงความรังเกียจพระมหานิกายให้ปรากฏ เพราะที่ปีนังคนเคยทำบุญแต่กับพระมหานิกายถ้าแสดงความรังเกียจให้ปรากฏขึ้น พุทธศาสนิกชนที่นับถือพระไทยก็จะแตกกันเป็น ๒ พวก ขาดประโยชน์ด้วยกัน ถ้าทำให้เขาเห็นว่าเธอทั้ง ๒ ประพฤติดีกว่า รู้มากกว่า และอาจจะสั่งสอนพระศาสนาดีกว่าพระที่มีอยู่แต่เดิม ก็จะพากันมาเลื่อมใสในพระธรรมยุติแพร่หลายไปเอง ไม่ต้องวิวาทขาดไมตรีจิตกับใคร ดูเหมือนทั้ง ๒ องค์นั้นก็ประพฤติตามคำแนะนำนั้น ได้ยินว่าเมื่อเร็วๆ นี้พวกลังกา ห้างเดอสิลวา ที่ขายเครื่องมหรรฆภัณฑ์นิมนต์ไปฉันที่ห้าง แต่เขาเลี้ยงด้วยอาหารอย่างลังกา กลับมาท้องเสียแต่ไม่เป็นอะไรนัก

หม่อมฉันตั้งต้นเตรียมการไปชวา ค้นหาหนังสือนำเที่ยวซึ่งได้รวบรวมไว้มากแล้ว พบหนังสือเรื่อง Monumental Java ที่ท่านเอามาประทานเป็นของฝากครั้งเสด็จไปชวา เหมาะดีทีเดียว เพราะเป็นหนังสือซึ่งเขาแต่งสำหรับนักโบราณคดี ผิดกับพวกหนังสือนำเที่ยวซึ่งแต่งสำหรับพวกคนท่องเที่ยวสามัญ หม่อมฉันจะได้อาศัยหนังสือเล่มที่ประทาน ขอขอบพระคุณอีกครั้ง ๑

เรื่องการจับช้างที่เมืองลพบุรีนั้นพิจารณาในโปรแกรมเทียบกับที่รู้เห็นมาด้วยตนเองแต่ก่อน เป็นอันอ้นอั้นตันปัญญาคิดไม่เห็นทีเดียวว่าจะทำกันอย่างไรในคราวนี้ สังเกตได้อย่างเดียวแต่วันจับช้างพ้องกับวันวิสาขบูชา จะต้องรอดูข่าวที่เขาลงหนังสือพิมพ์ต่อไป แต่เมื่อหวนคิดถึงวิธีจับช้างอย่างโบราณเห็นเป็นเรื่องสำคัญอันหนึ่งในโบราณคดีซึ่งน่าวิจารณ์แต่เขียนมาเพียงนี้ถึงวันพฤหัสบดีกำหนดส่งเมล์เสียแล้ว จะทูลต่อคราวเมล์อื่นต่อไป

สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ

แชร์ชวนกันอ่าน

แจ้งคำสะกดผิดและข้อผิดพลาด หรือคำแนะนำต่างๆ ได้ ที่นี่ค่ะ