วันที่ ๑๒ มกราคม พ.ศ. ๒๔๘๑ ดร

บ้านซินนามอน ปีนัง

วันที่ ๑๒ มกราคม พุทธศักราช ๒๔๘๑

ทูล สมเด็จกรมพระนริศฯ

หม่อมฉันได้รับลายพระหัตถ์เวรฉบับลงวันที่ ๗ มกราคมแล้ว

เรื่องแม่น้ำเก่าที่ทรงปรารภนั้น ตั้งแต่มณฑลนครสวรรค์และมณฑลพิษณุโลกลงมามีแม่น้ำเก่าอยู่ทั้ง ๒ ฟากแม่น้ำ เดี๋ยวนี้มากไม่รู้ว่าสักกี่สาย ยิ่งลงมาถึงมณฑลอยุธยา ยิ่งมีมากและแนวน้ำยิ่งยุ่งขึ้น ดังคลองบ้านสายแขวงจังหวัดอ่างทองที่ตรัสมานั้น มูลเหตุความผันแปรของลำแม่น้ำคงเป็นด้วยเหตุ ๒ อย่าง อย่างที่ ๑ เพราะน้ำฝนพาดินทรายไหลลงมาจากบนบก ตกเพิ่มพื้นท้องน้ำทำให้สูงขึ้นเป็นหาด หาดกันให้สายน้ำไหลแปรไปกัดตลิ่งทางฟากโน้นให้พังลง อันนี้เป็นเหตุให้ลำน้ำคดค้อมเปลี่ยนแปรไปโดยลำดับ อย่างที่ ๒ เมื่อลำน้ำคดค้อมหนักเข้า คนก็ขุดตรงกิ่วให้เป็นคลองลัดสำหรับใช้เรือไปมาได้เร็วขึ้น นานมาสายน้ำไปเดินเสียทางคลองลัดกัดคลองให้กว้างออกไปจนเป็นแม่น้ำ น้ำมาไหลเสียทางใหม่ทางน้ำเดิมก็ตื้นเขิน เหลือแต่เป็นห้วงเป็นดอนหรือเป็นแต่ท้องร่องดังคลองบ้านสายที่ทรงปรารภ

การขุดคลองลัดนั้นดูเหมือนจะทำให้แม่น้ำเดิมเสียยิ่งกว่าเหตุอย่างอื่น และบางทีอาจเกิดโทษ หม่อมฉันเองได้เคยทำบุญแต่มีผลกลายเป็นบาปในเรื่องนี้ครั้งหนึ่ง ยังนึกละอายอยู่ไม่หาย เมื่อปีแรกหม่อมฉันเป็นเสนาบดีกระทรวงมหาดไทยใน พ.ศ. ๒๔๓๕ ขึ้นไปตรวจราชการหัวเมืองเหนือเมื่อฤดูน้ำ ได้พระราชทานกฐินหลวงไปทอดที่วัดธรรมามูลด้วย หม่อมฉันไปพักแรมอยู่ที่เมืองชัยนาท รุ่งเช้าออกจากเมืองชัยนาทขึ้นไปเขาธรรมามูล เวลานั้นน้ำกำลังไหลเชี่ยว เรือหม่อมฉันพ่วงเรือไฟไปถึง ๒ ชั่วโมจึงถึง แต่เมื่อไปถึงเขาธรรมามูล เห็นพวกกรมการเมืองชัยนาทซึ่งมาส่งหม่อมฉันเมื่อออกเรือ เขาไปคอยรับอยู่ที่ท่าขึ้นวัดแล้วก็ประหลาดใจ ว่าเขามีแต่เรือแจวพายทำไมจึงสามารถแข่งเรือไฟขึ้นไปถึงก่อนได้ เขาบอกว่ามีทางลัดแห่งหนึ่ง เวลาฤดูน้ำเรือเล็กๆ ลัดไปได้ เขาไปทางคลองลัดนั้นจึงไปถึงก่อน เมื่อขากลับน้ำลดแล้วหม่อมฉันมาเรือแม่ปะ เมื่อถึงคลองลัดเห็นท้องคลองสูงกว่าระดับแม่น้ำสัก ๕ ศอก หม่อมฉันก็ขึ้นเดินดูคลองลัด ส่งให้เรือล่องลงมารับที่ปากคลองข้างใต้ หม่อมฉันต้องมานั่งรออยู่เกือบชั่วโมงหนึ่งเรือจึงลงมาถึง ก็เกิดเลื่อมใสเห็นว่าถ้าขุดคลองลัดนั้นให้เรือใหญ่ที่บรรทุกสินค้าไปมาได้ ก็จะเป็นประโยชน์มาก เมื่อกลับจากตรวจราชการคราวนั้นแล้วต่อมาเผอิญลูกชาย (กลาง) อิทธิดำรง ซึ่งได้ติดตามหม่อมฉันขึ้นไปด้วยในคราวนั้น ตายลง หม่อมฉันทำบุญอุทิศให้เธอนึกขึ้นถึงคลองลัดที่เมืองชัยนาท จึงมอบเงิน ๑๐ ชั่งให้กรมการจีนคน ๑ (เป็นที่หลวงอะไรลืมเสียแล้ว) ไปคิดอ่านขุดขยายคลองลัดนั้น เมื่อเขาทำสำเร็จหม่อมฉันจึงขนานนามคลองให้เรียกว่า “ลัดเสนาบดี” จำเนียรกาลต่อมาได้ยินเขาเล่าว่า ลัดเสนาบดีกว้างออกจนเรือค้าขายไปเดินทางนั้นหมด ก็ยินดีด้วยสมกับเจตนา ครั้นต่อมาสัก ๒๐ ปี หม่อมฉันขึ้นไปเที่ยวเมืองเหนือในรัชกาลที่ ๖ ล่องลงมาทางนั้นอีกครั้ง ๑ มาถึงจังหวัดชัยนาทเห็น “ลัดเสนาบดี” ก็ตกใจและเกิดความเสียใจด้วยกันทั้ง ๒ สถาน เพราะคลองลัดเสนาบดีกว้างใหญ่กลายเป็นลำแม่น้ำ แต่ลำแม่น้ำทางอ้อมเดิมตื้นกลายเป็นแต่ร่องน้ำ ทำให้วัดวาบ้านช่องที่เคยอยู่ริมแม่น้ำแต่ก่อน กลายเป็นวัดดอนบ้านดอนห่างลำน้ำเห็นแต่หลังคาลิบๆ การทำบุญขุดคลองลัดเสนาบดีออกจะกลายเป็นบาป รอดแต่ที่เป็นเพราะโง่เขลา มิได้มีเจตนาจะให้เสียหายแก่ผู้อื่น และมีท่านผู้อื่นแม้จนพระเจ้าอยู่หัวแต่ปางก่อน ก็ได้เคยทรงสำคัญผิดอย่างเดียวกัน ยกตัวอย่างดังเช่น คลองเตร็ดน้อยที่เมืองนนทบุรี เดี๋ยวนี้ก็กลายเป็นแม่น้ำ ทำให้แม่น้ำเดิมทางบางบัวทองตื้นมากอยู่แล้ว

ยังมีกรณีในเรื่องขุดคลองลัดที่น่าคิดวินิจฉัย หม่อมฉันได้เคยคิดจะชวนให้ท่านทรงพิจารณามานานแล้ว แต่ลืมไปเสียจึงยังมิได้เขียน

คือแม่น้ำตอนหน้าพระบรมมหาราชวัง หรือว่าอีกอย่างหนึ่งตั้งแต่ปากคลองบางกอกใหญ่ขึ้นไปจนปากคลองบางกอกน้อยนั้น มีหลักฐานในพงศาวดารว่า ขุดในรัชกาลสมเด็จพระชัยราชา “ที่ตำบลบางกอก” คำ “บาง” หมายความว่าคลองด้วน จึงมีปัญหาว่าบางกอกนั้นอยู่ตรงไหน และแนวลำน้ำบางกอกนั้นไปทางไหน ลำคลองที่เรียกกันเดี๋ยวนี้ว่าบางกอกใหญ่และบางกอกน้อยนั้นเป็นตัวแม่น้ำเดิม เพิ่งมาเรียกว่าคลองเมื่อคลองลัดบางกอกกลายเป็นแม่น้ำไปแล้ว หม่อมฉันพิจารณาเห็นเพียงว่า “บางกอกเดิม” คงอยู่ในระหว่างคลองบางกอกใหญ่กับคลองบางกอกน้อย อธิบายต่อนั้นยังมืด ยังมี “บาง (ล) ว้า” อยู่ใกล้ๆ กันกับบางกอกอีกตำบลหนึ่ง มีหลักคาดได้เพียงว่าลำน้ำบางว้า คงผ่านไปไม่ห่างวัดระฆังกับวัดอมรินทร์ จึงเรียกชื่อวัดบางว้าใหญ่และวัดบางว้าน้อย แต่ลำน้ำบางว้าจะไปทางไหนก็ยังมืดเหมือนกัน

คำเรียกชื่อว่า น้ำกก น้ำเลา หม่อมฉันคิดเห็นว่าจะหมายเอาป่าต้นกกและต้นเลาที่มีมากในท้องที่นั้นไปพ้องกันเข้า เพราะเมืองเชียงรายอยู่สุดหล้าฟ้าเขียวห่างกับคลองบางกอกมากนักไม่แลเห็นเหตุอันใดอื่นที่จะทำให้ชื่อพ้องกันได้

ขอช่วยตรัสบอกคุณโตว่าหม่อมฉันยินดีด้วยที่ได้รับพระราชทานเหรียญรัตนาภรณ์

หมู่นี้กำลังหม่อมฉันต้องแต่งหนังสือ สำหรับแจกงานเมรุให้เจ้าภาพบางราย อยู่ข้างพัวพันอยู่ หนังสือเวรจะต้องสั้นลงบ้างสัก ๒ สัปดาหะ

ควรมิควรแล้วแต่จะโปรด

สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ

แชร์ชวนกันอ่าน

แจ้งคำสะกดผิดและข้อผิดพลาด หรือคำแนะนำต่างๆ ได้ ที่นี่ค่ะ