วันที่ ๒๐ ตุลาคม พ.ศ. ๒๔๘๑ ดร

บ้านซินนามอน ปีนัง

วันที่ ๒๐ ตุลาคม พุทธศักราช ๒๔๘๑

ทูล สมเด็จกรมพระนริศฯ

หม่อมฉันได้รับลายพระหัตถ์ฉบับลงวันที่ ๑๕ ตุลาคม แลหมายกำหนดงานฉลองพระเดชพระคุณ สมเด็จพระพุทธเจ้าหลวง ประจำปีนี้กับทั้งที่ทรงย่อเรื่องปันหยีสะมิรัง ซึ่งทูลกระหม่อมชายทรงแปลจากภาษามลายูประทานมานั้นแล้ว

เรื่องปันหยีสะมิรังนั้นเมื่อหม่อมฉันไปชวา ทูลกระหม่อมชายท่านก็ประทานให้อ่าน แต่เวลานั้นยังทรงแปลไม่หมด เมื่อหญิงจงกลับมาได้ฝากประทานมาอีกตอน ๑ หม่อมฉันรู้สึกยินดีที่ทูลกระหม่อมทรงเล่นวรรณคดีเพิ่มขึ้น เพราะจะเป็นอุบายแก้รำคาญได้ดีอีกอย่างหนึ่งเหมือนเช่นตัวหม่อมฉัน ถ้าไม่มีเรื่องอะไรทำสำหรับค้นหรือเขียนอ่านก็เห็นจะเดือดร้อน เพราะไม่สนุกในการดูกีฬา หรือแม้แต่หนังฉาย ต่อมีเรื่องที่เป็นแก่นสารจึงไปดู นานๆ จะได้ไปสักครั้งหนึ่งเพราะมันมีเรื่องปลุกกามกิเสสเป็นพื้น

จะเลยประสมทูลถึงความรู้เรื่องละครพม่าที่ได้มาใหม่ ด้วยพระไพรสณฑ์สาลารักษ์ (อองเทียน) ที่อยู่เมืองตองอูเขาส่งสมุดว่าด้วยละครพม่ามาให้เล่มหนึ่ง ผู้แต่งเป็นนักเรียนสมัยใหม่ซึ่งออกไปเรียนอยู่ ณ ประเทศอังกฤษ แต่งหนังสือนั้นเป็นเครื่องพิสูจน์ความรู้สำหรับจะรับปริญญาเป็น “ดอกเตอร ออฟ ฟิโลโซฟี” (อย่างกรมหมื่นสรรควิสัย) พิเคราะห์ดูแกไม่มีความรู้วิชาละครเท่าใดนัก เป็นแต่รู้มากกว่าฝรั่งพวกผู้สอบวิชาเท่านั้น ถึงกระนั้นเมื่ออ่านจับเพียงหัวข้อก็ได้ความทางโบราณคดีเป็นประโยชน์แก่เราอยู่บ้าง คือว่าแต่ก่อนมาพม่ามีแต่พวกร้องรำ (เห็นจะตรงกับพวกเล่นเพลง) อย่าง ๑ กับพวกที่เที่ยวเล่นละครเรื่องชาดกให้คนดู (ตรงกับโนห์รา) อย่าง ๑ ต่อเมื่อตีพระนครศรีอยุธยาได้ครั้งหลังได้เชลยไทยไปมาก จึงเกิดมีละครหลวง เพราะพวกเชลยชาวพระนครศรีอยุธยาพาแบบละครไทยไปสอนให้เล่น ๓ เรื่อง คือรามเกียรติ์เรื่อง ๑ และอิเหนาเรื่อง ๑ ที่ว่านี้ฟังเป็นหลักได้ด้วยตรงกับบทละคร ๓ เรื่องนั้นพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกโปรดให้รวบรวมบทเดิมที่ยังเหลืออยู่แต่งเป็น “พระราชนิพนธ์” ขึ้นไว้สำหรับพระนคร เมื่อมีละครหลวง Court Theatre เกิดขึ้นในเมืองพม่าแล้วพวกกวีพม่าจึงแต่งบทละครกันในพื้นเมือง (คือเอาแบบละครหลวงกับโนห์ราประสมกันเป็น “ละครนอก”) มักเอาเรื่องชาดกมาแต่ง คือ เรื่องเวสสันดร เรื่องมโหสถ และเรื่องภูริทัต เป็นต้น ที่คิดเรื่องขึ้นใหม่มีน้อย เล่นมาอย่างนี้ (ถ้าเทียบสมัยพงศาวดารไทย มาจนรัชกาลที่ ๓ กรุงรัตนโกสินทร์) ครั้นเสียเมืองพม่าฝ่ายใต้แก่อังกฤษ ๆ ตั้งเมืองร่างกุ้งเป็นเมืองหลวง พวกฝรั่งนำแบบละครฝรั่งเข้าไปเล่น เป็นเหตุให้ละครพม่าดัดแปลงไปเอาอย่างฝรั่ง เช่นเล่นบนเวทีแทนพื้นแผ่นดินเป็นต้น มากขึ้นเป็นลำดับมาจนทุกวันนี้

หมู่นี้หม่อมฉันจะได้รับแขกหลายราย พวกบ้านหม่อมฉันจะพาพระดุษฎีดิศหลานชายออกมาให้หม่อมฉันได้ชมชายผ้าเหลือง หลานจะมาถึงวันที่ ๒๐ ตุลาคม จะจัดให้ไปอยู่กับพระธรรมยุติด้วยกันที่วัดศรีสว่างอารมณ์ ดูเหมือนจะกลับวันที่ ๒๔ ต่อไปถึงวันที่ ๒๙ พระองค์หญิงของทูลกระหม่อมชาย ๓ องค์จะออกมา พระองค์หญิงใหญ่กับพระองค์หญิงกลาง จะมาพักที่ซินนามอนฮอลกับหม่อมฉัน แต่พระองค์หญิงเล็กกับเจ้าชายสามีของเธอจะไปพักที่บ้านพันธทิพ ส่วนพระองค์ทูลกระหม่อมชายนั้นกำหนดจะเสด็จมาถึงปีนังวันที่ ๓๐ หรือ ๓๑ ยังไม่แน่ หม่อมฉันอยากจะเชิญเสด็จมาเสวยกลางวันที่ซินนามอนฮอล แต่ยังไม่ทราบกำหนดเวลาว่าเรือที่เสด็จมาเขาจะหยุดอยู่ที่ปีนังช้าหรือเร็วเท่าใดยังรอฟังอยู่ หญิงประสงค์สมก็จะตามเสด็จทูลกระหม่อมชายถึงปีนัง จะมาพักรอกำหนดรถไฟอยู่ที่ซินนามอน และจะเข้าไปกรุงเทพฯ ด้วยกันกับหญิงจง พันธทิพ และพระองค์หญิงเล็กกับเจ้าสามีของเธอ ส่วนพระองค์จุมภฏนั้น จะอยู่เป็นเพื่อนกรมหลวงทิพยรัตนและพระองค์เหมวดีที่บันดุง จนทูลกระหม่อมชายเสด็จกลับแล้วจึงตามลูกเมียมา

นานมาแล้วพระยาอินทรมนตรีเขียนคำถามในโบราณคดีมายังหม่อมฉันรวม ๑๐ ข้อด้วยกัน หม่อมฉันได้ส่งสำเนาคำตอบไปถวายให้ท่านทรงอ่านกับจดหมายเวรทุกครั้ง บางข้อก็ได้โปรดทรงช่วยแก้ไขบ้าง ต่อมาพระยาอินทรมนตรีมีจดหมายมายังหม่อมฉัน ว่าชอบคำตอบเหล่านั้น จะขอรวมพิมพ์แจกเพื่อนฝูงให้ได้อ่านด้วย หม่อมฉันก็รู้สึกลำบากใจขึ้น ด้วยคำตอบที่เขียนให้ไปเป็นอย่างรีบเขียนหรืออย่างเราเรียกกันว่า “พุ่ง” ถ้าเป็นแต่จดหมาย เมื่อรู้ว่าผิดแห่งใดเขียนบอกแก้ไขได้ง่าย ถ้าพิมพ์เป็นของแจกแพร่หลายตายตัวแล้วแก้ยาก หม่อมฉันจึงเขียนตอบไปว่าถ้าจะพิมพ์ขอตรวจตราให้ดีก่อน หม่อมฉันตรวจอยู่นาน ได้เพิ่มข้อที่ท่านทรงแก้ไขลงในนั้นด้วย คำตอบบางข้อก็แต่งใหม่จนครบทั้ง ๑๐ ข้อส่งไปให้พระยาอินทรมนตรีแล้ว หม่อมฉันเลือกคำตอบที่แต่งใหม่ว่าด้วยยศเจ้าพระยา ถวายมากับจดหมายฉบับนี้พอทรงอ่านเล่นข้อ ๑

อนึ่ง สุลต่านเมืองแปะระ Perak สิ้นชีพเมื่อเร็วๆนี้ หนังสือพิมพ์เขาลงรูปฉายงานศพดูแปลกอยู่ หม่อมฉันจึงตัดส่งมาถวายทอดพระเนตร ขอให้ทรงสังเกตรูปแห่ศพ มีลูกเสือถือเส้นเชือกขึงเป็นแนวกระบวนเหมือนกระบวนแห่ของไทยแต่โบราณ แต่แรกเราเคยคิดกันว่าใช้แต่กระบวนแห่โส่กันต์เพราะจะให้เด็กๆ เดินได้ระยะและตรงเป็นแนวกัน ต่อมาเมื่อพิจารณาทำเนียบขุนนางเห็นมีตำแหน่งหุ้มแพรเรียกว่า “ต้นเชือก” และ “ปลายเชือก” จึงเข้าใจว่าแห่เสด็จพระราชดำเนินกระบวนพยุหยาตราแต่ก่อนก็ถือเส้นเชือกเหมือนกัน มาเกิดความคิดขึ้นเมื่อเห็นรูปแห่ศพสุลต่านแปะระ ว่าการที่ให้กระบวนแห่ถือเส้นเชือกนั้น ยังมีประโยชน์อีกอย่างหนึ่งนอกจากรักษาถ่องแถวกระบวนแห่ คือเป็นเครื่องกันมิให้คนร้ายวิ่งถลันลอดช่องกระบวนแห่เข้าไปได้ ข้อนี้เห็นจะเป็นตัวมูลเหตุที่ใช้เส้นเชือกในกระบวนแห่ด้วยซ้ำไป

มีเรื่องแม้ในยุโรปเมื่อไม่ช้านักที่จะยกมาเป็นนิทัศน์อุทาหรณ์ เมื่อพระเจ้าอเล็กซานเดอร์ กรุงยุโกสลาเวีย เสด็จไปเยี่ยมประเทศฝรั่งเศส เสด็จขึ้นบกที่เมืองมาเซทรงรถยนต์กระบวนทหารม้าแห่หน้าหลังอย่างแบบเก่า มีคนร้ายวิ่งถลันหลีกกระบวนเข้าไปปีนคั่นข้างรถยิงพระเจ้าอาเล็กซานเดอรสิ้นพระชนม์ ด้วยกันกับเสนาบดีกระทรวงการต่างประเทศฝรั่งเศสซึ่งนั่งไปด้วย ครั้นถึงคราวพระเจ้ายอร์ชที่ ๖ ประเทศอังกฤษเสด็จไปเยี่ยมประเทศฝรั่งเศสเมื่อต้นปีนี้ ดูรูปภาพในหนังสือพิมพ์เห็นจัดการป้องกันอย่างกวดขัน มีแถวทหารราบยืนชิดกันริมถนนทั้ง ๒ ข้างตลอดทางรถยนต์ที่นั่งกับทั้งรถมเหสีมีทหารม้าเดินชิดกันล้อมทั้ง ๔ ด้าน และยังมีกระบวนรถยนต์อย่างกระจายโปลิศแซงระหว่างทหารม้ากับทหารแถวริมทาง (มิใช่รายทาง) ต่างหาก พอเห็นรูปก็รู้สึกว่าตรงกับคำ “ล้อมวง” อย่างแท้จริง แต่หม่อมฉันยังฉงนอยู่อย่าง ๑ ที่มีรถทรงทั้ง ๒ หลังเป็นรถเปิด แต่มีฝากระจกตั้งเหมือนอย่างรถเก๋งทุกด้าน คิดไม่เห็นเหตุอยู่นานจนได้เห็นหนังสือพิมพ์ฉบับ ๑ บอกอธิบายว่ากระจกนั้นเป็นชนิดอย่างกระสุนปืนยิงไม่ทะลุ Bullet Proof ก็ต้องยอมว่าเขาป้องกันกวดขันอย่างที่สุดซึ่งจะทำได้ ถ้าจะให้มั่นคงยิ่งกว่านั้นก็ได้แต่ไม่เสด็จไปเสียทีเดียวเท่านั้น

เรื่องพระเทพบิดร ซึ่งหม่อมฉันทูลไปในจดหมายฉบับลงวันที่ ๑๓ ตุลาคม ยังขาดอธิบายเหตุที่ว่ากรมหลวงเทพพลภักดิ์แปลงเทวรูปพระเทพบิดรที่อยู่ ณ วัดพุทไธสวรรย์เป็นพระพุทธรูปนั้น หม่อมฉันสันนิษฐานว่าชรอยเมื่อเชิญองค์พระเทพบิดรมาแล้ว ชาวกรุงศรีอยุธยาจะเลื่องลือกันอย่างอุตริ เช่นว่าผีพระเจ้าอู่ทองยังอยู่และดุร้ายขึ้น หรือมิฉะนั้นจะยังมีคนไปเส้นสรวงกันอยู่ไม่ขาด จึงมีรับสั่งให้กรมหลวงเทพพลภักดิ์ทำรูปพระเทพบิดรขึ้นไว้ที่วัดพุทไธสวรรย์แทนองค์เดิม แต่ให้แปลงพระพุทธรูปเช่นเดียวกับองค์กรุงเทพฯ จึงยังปรากฏและคนยังไปบนบวงสืบมา

ควรมิควรแล้วแต่จะโปรด

สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ

แชร์ชวนกันอ่าน

แจ้งคำสะกดผิดและข้อผิดพลาด หรือคำแนะนำต่างๆ ได้ ที่นี่ค่ะ