วันที่ ๑๑ มิถุนายน พ.ศ. ๒๔๘๑ น

ตำหนักปลายเนิน คลองเตย

วันที่ ๑๑ มิถุนายน ๒๔๘๑

กราบทูล สมเด็จกรมพระยาดำรงฯ ทราบฝ่าพระบาท

ได้รับลายพระหัตถ์ลงวันที่ ๒ มิถุนายน ซึ่งทรงพระอุตสาหะเขียนร่างมาตั้งแต่ประทับอยู่ที่สิงคโปร์ตลอดจนในเรือตามทางที่เสด็จกลับนั้นแล้ว เห็นเป็นมีพระหฤทัยผูกถึงอยู่มากมาย ที่จริงไม่จำเป็นเลย เมื่อมีกิจที่พึงเสด็จไปก็ควรงดเว้นได้ เกล้ากระหม่อมก็ไม่ได้หวังเลยที่จะได้รับลายพระหัตถ์ในคราวเมล์ที่แล้วมานั้นเพราะวันเสด็จกลับถึงก็เป็นวันที่รถไฟออกทีเดียว

เมื่อได้รับลายพระหัตถ์ก็นึกถึง ลับเบ เดอะ ซัวซี เป็นบาดหลวงซึ่งเตรียมส่งมาจะให้เป็นผู้ถวายศีลแด่สมเด็จพระนารายณ์เมื่อเสด็จเข้าศาสนาคริสตัง ซึ่งมาเมืองไทยกับมองซิเออ เดอะชัวมองค์ ราชทูตฝรั่งเศสครั้งพระเจ้าหลุยส์ที่ ๑๔ มาด้วยเรือใบอีโต้งอีเต้ง อ้อม เคป ออฟ กูดโฮป มา ท่านสัญญากับเพื่อนของท่าน ซึ่งเป็นบาดหลวงด้วยกันว่าจะเขียนหนังสือถึงทุกวันแล้วก็เขียนวันหนึ่งสั้นบ้างยาวบ้าง เป็นสาระบ้าง ไม่เป็นสาระบ้าง หม่อมเจ้าดำรัสดำรงเก็บเอามาแปลจากที่เขา รวบรวมลงพิมพ์ไว้แล้ว หนังสือพิมพ์ฉวยเอาไปลงอีกต่อหนึ่ง หนังสือที่ท่านบาดหลวงเขียนนั้นจะได้ส่งไปถึงเพื่อนของท่านอย่างไรไม่ปรากฏ คงจะเป็นเมื่อถึงเมืองอะไรเข้าที่พอจะส่งฝากไปได้ฝากส่งไป อ่านแล้วก็ชอบใจในการที่ท่านทำเช่นนั้น เมื่อมาได้รับลายพระหัตถ์ตรัสเล่าถึงทรงเขียนหนังสือมาตามทาง ดูก็เข้าลักษณะนั้น จึ่งเว้นเสียไม่ได้ที่จะกราบทูลด้วยความจับใจ

ตรัสถึงฝนสิงคโปร์ ที่บางกอกก็เต็มที หมู่นี้ตกพร่ำเพรื่อห้าวันห้าคืนมาแล้ว ไม่แลเห็นแสงแดดเลย

มิสเตอร์มาเกรตคุยอยู่ ว่าเครื่องถมของแกขายดี ทั้งที่ห้างในกรุงเทพฯ และห้างที่สิงคโปร์และปีนัง เกล้ากระหม่อมได้นึกประหลาดใจ ว่าได้ตั้งห้างขายของที่สิงคโปร์ปีนังด้วยเจียวหนอ เพิ่งจะได้ทราบชัดที่ตรัสเล่าว่าเป็นแต่เอามาฝากขาย ก็นึกชมว่าฝรั่งเขาเข้าใจหากิน ควรที่จะฝากห้างโฮเต็ลขายได้ก็ฝาก เป็นทางให้คืบหน้าไปได้ แม้ว่าตั้งห้างขายเองสำหรับของอันมีอยู่ยี่สิบสามสิบชิ้นเห็นจะเต็มที จะต้องขาดทุนฉิบหายเป็นแน่นอน

สมเด็จพระพันวัสสานั้น สังเกตว่าทรงประชวรไปแต่ในเรือก่อนถึงชวาแล้วนั่นเอง แม้พระอาการจะไม่มากมายก็ทำพระกำลังให้อ่อนไป ที่ถูกการรับรองที่ยกยาเข้านั้น กรมขุนชัยนาทบ่นอู้ทีเดียว ว่านึกว่าจะเสด็จกลับราว ๒ ทุ่ม เป็นเสด็จกลับ ๕ ทุ่มถูกเข้าไปเกือบ ๕ ชั่วโมงจะทนที่ไหนไหว ทูลกระหม่อมชายท่านทรงระวังมาก ตั้งแต่ครั้งเกล้ากระหม่อมไปและไปเจ็บลงนั้นแล้ว ท่านตรัสว่าถ้าไปเพียงเวลาราวชั่วโมงเศษๆ จะไม่เป็นอะไรเลย ตรัสโทษว่าเพราะเกล้ากระหม่อมเที่ยวดูอะไรแล้วก็เพลินไปจนเกินเวลาที่สมควรมากจึ่งได้เจ็บ ความผิดที่ดูเพลินเป็นเวลานานเกินไปนั้นจริงของท่าน แต่ที่เจ็บนั้นเกล้ากระหม่อมคิดว่าเป็นด้วยถูกอากาศหนาว แก่แล้วเลือดฝาดน้อยต่อสู้กับความหนาวไม่ไหว ที่เมืองยกยาฝรั่งเขาว่าเป็นเมืองร้อน จนกระทั่งในโฮเต็ลเขาก็ไม่จ่ายผ้าห่มให้ แต่เกล้ากระหม่อมรู้สึกหนาวพอใช้

ในการรับสมเด็จพระพันวัสสาเสด็จกลับถึงกรุงเทพฯ นั้น ชายดิศเธอเอื้อเฟื้อเต็มที่ มีจดหมายบอกมาถึงหญิงอามอีกว่า เรือลาลันเดียจะมาถึงท่าวัดพระยาไกร ๓ โมงเช้า ทั้งนี้ก็เพราะที่เธอบอกมาก่อนยังไม่เป็นเวลาอันแน่นอน เมื่อจวนเวลาเกล้ากระหม่อมก็ไปคอยรับเสด็จที่ท่า พอ ๙ นาฬิกาก็เห็นเรือมา พอเข้าเทียบท่าเสร็จเกล้ากระหม่อมลงไปในเรือ ได้พบใครต่อใครที่ตามเสด็จมาบอกว่ายังไม่บรรทมตื่น จึงนั่งคอยกันอยู่ในเรือ ในการเชิญเสด็จขึ้นบกนั้นพระยาดำรงแพทยาคุณเป็นธุระ จัดรถพยาบาลและแคร่คนหามไปเตรียมไว้ ตัวเองถือร่มปีกค้างคาวคอยเอางานถวาย นั่งคอยกันอยู่จนเวลาจวน ๕ โมงเช้า เห็นเขายกแคร่เข้าไปทางห้องที่ประทับจึ่งได้รู้ว่าบรรทมตื่นแล้วจวนเสด็จขึ้น จึ่งไปยืนเตรียมตัวคอยเฝ้าริมทางซึ่งเขาจะเชิญเสด็จผ่านไป อีกครู่หนึ่งก็มีคนหามแคร่ออกมา พระองค์ทรงบรรทมอยู่บนแคร่ มีผ้าคลุมบรรทมไว้ครึ่งพระองค์ ทรงประนมพระหัตถ์ เห็นจะตั้งพระทัยหมายเคารพต่อผู้ซึ่งไปรับเสด็จ มีคณะนายเรือเดินนำแคร่เป็นสองแถวดุจกระบวนแห่ ไปสู่สะพานอันพาดลงจากเรือ เมื่อลงสะพานอันทอดจากเรือลงสะพานท่านั้น พวกคณะนายเรือเข้าเชิญแคร่ถึง ๕ คน สี่คนเชิญสี่มุมแคร่ อีกคนหนึ่งย่อตัวยันใต้แคร่ ทั้งนี้เพื่อระวังมิให้มีอันตราย ด้วยสะพานทางลงจากเรือนั้นชันมาก ฝ่ายทางสำนักพระราชวังจัดพระกลดระบายอย่างกันฝนให้ภูษามาลาไปเอางานถวายเวลาเสด็จลงจากเรือ แล้วเชิญเสด็จเข้าในรถพยาบาลอันจอดอยู่เชิงสะพานที่ลงจากเรือนั้น ออกเดินไปสู่วังสระปทุม เป็นการเรียบร้อยงดงามดี สังเกตพระฉวีวรรณไม่สู้บุบสลายไปมากนัก

ล่วงไปสองวันได้ไปฟังพระอาการที่วัง ได้ความว่าเสด็จกลับมาถึงวังมีพระอาการดีขึ้นกว่าประทับอยู่ในเรือ แล้วต่อมาก็มีพระอาการดีขึ้นโดยลำดับ รายงานพระอาการซึ่งหมอออกประกาศมีถึงวันที่ ๙ ว่าดั่งนี้

“ตั้งแต่เวลา ๑๔ นาฬิกาวันที่ ๘ ถึงเวลา ๑๕ นาฬิกาวันนี้ พระอาการทั่วไปดีขึ้นมาก พระชีพจรระหว่าง ๗๘-๘๔ ความร้อนระหว่าง ๙๘.๔ ฟ.-๙๘.๖ ฟ. บรรทมได้ ๘ ชั่วโมงเศษ เสวยพระอาหารได้มาก ส่วนพระอาการทางพระหทัยดีขึ้นตามลำดับ”

เครื่องแก้หูตึงตามที่ตรัสเล่า เป็นอันสิ้นสงสัยเข้าใจดีแล้วว่าเป็นแต่เขาจับหนทางช่วยได้ แต่คิดทำเครื่องยังไม่สำเร็จพ้นอ้อแอ้ไปได้ เป็นอันสิ้นสุดความผูกใจในเครื่องแก้หูตึง จะไม่ขวนขวายจนกว่าจะได้ข่าวว่าเขาคิดทำเครื่องให้ใช้ได้ดีขึ้นไปอีก ที่บางกอกเขาก็ออกใบชักชวนให้ทำแผ่นเสียง อัดสำเนียงสมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์เทศน์ กะจำนวนเงินซึ่งพอจะออกได้เป็น ๓ ชั้น ชั้นที่ ๑ เงิน ๑๕๐ บาท จะทำเครื่องขยายเสียงให้ด้วย ชั้นที่ ๒ เงิน ๑๐๐ บาท จะให้หีบเสียงด้วย ชั้นที่ ๓ เงิน ๕๐ บาท จะได้แต่แผ่นเสียง บอกให้ส่งเงินที่คุณหญิงล้วน มุขมนตรี พอเห็นใบชักชวนก็ออกปากว่าไม่ศรัทธาแปลว่าผู้คิดชอบเล่นตุ๊กตาเครื่องตุกฉิกเท่านั้น ไม่เห็นจะเป็นประโยชน์เท่าไร นึกว่านายจรูญ ซึ่งเคยเป็นพระครูวรวงศ์ ซึ่งเป็นพี่เลี้ยงชายงั่วอยู่เมื่อบวช เป็นคนชอบเล่นเครื่องตุกฉิกนั้นแหละเป็นผู้คิดชักชวน แต่สอบถามชายงั่วบอกว่าไม่ใช่ จะเป็นใครคิดชายงั่วก็ไม่รู้

ตรัสเล่าถึงเสด็จกลับถึงมะละกา นึกถึงเมื่อเกล้ากระหม่อมกลับจากชวามาถึงมะละกาเวลาเที่ยง เรือทอดห่างเมืองไกลลิบ นึกอยากจะขึ้นไปชมเมืองแต่แดดร้อนหนัก จะขึ้นไปก็เห็นเท่ากับอิเหนาข้ามมะละกา จึ่งเลยนอนอุดเสียปล่อยแต่ลูกๆ ขึ้นไปเที่ยวเมื่อถึงปอตเสวตเตนแฮมได้ขึ้นไปเที่ยวชมเมืองสลางอ และกวาลาลุมปูร์สนุกพอใช้ ได้เห็นหนังสือพิมพ์ว่า เซอเสวตเตนแฮมฟ้องหย่าเมียให้เกิดธรรมสังเวช อะไรอายุกว่า ๘๐ แล้ว ยังฟ้องหย่าเมียได้

หนังสือเวรนี้สนุกเต็มที ถ้าขาดไปแล้วก็ป้วย

สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้ากรมหลวงนริศรานุวัดติวงศ์

แชร์ชวนกันอ่าน

แจ้งคำสะกดผิดและข้อผิดพลาด หรือคำแนะนำต่างๆ ได้ ที่นี่ค่ะ