วันที่ ๑ ธันวาคม พ.ศ. ๒๔๘๑ ดร

บ้านซินนามอน ปีนัง

วันที่ ๑ ธันวาคม พุทธศักราช ๒๔๘๑

ทูล สมเด็จกรมพระนริศ ฯ

หม่อมฉันได้รับลายพระหัตถ์เวรฉบับลงวันที่ ๒๒ พฤศจิกายน นั้นแล้ว

รายการรับเสด็จพระเจ้าอยู่หัวที่ท่านเล่าประทานมาในลายพระหัตถ์ฉบับก่อน หม่อมฉันเคยทูลชมไปว่าเล่าลอดช่องข่าวหนังสือพิมพ์ทำให้ได้ความรู้ถ้วนถี่ดีขึ้น มารู้ในลายพระหัตถ์ฉบับนี้ว่าท่านตั้งพระหฤทัยจะให้เป็นเช่นนั้น ขอขอบพระคุณซึ่งทรงพระดำริด้วย

หม่อมฉันได้เห็นในหนังสือพิมพ์หรือได้ยินใครเล่าก็จำไม่ได้แน่ ตั้งแต่ก่อนพระเจ้าอยู่หัวเสด็จกลับมาถึง ว่าเสด็จกลับมาคราวนี้จะทรงตั้งสมเด็จพระสังฆราช เดิมกะจะให้สมเด็จพระวชิรญาณวงศ์เป็น แต่สมเด็จพระวชิรญาณไม่ยอมรับ จึงไปถามสมเด็จพระวันรัตน์ท่านตอบว่า “ถ้าจะให้เป็นก็เป็น” จึงตกลงให้สมเด็จพระวันรัตน์เป็นสมเด็จพระสังฆราช เมื่อได้ยินหม่อมฉันนึกพิศวงว่าสมเด็จพระวันรัตน์ ก็แก่ชราอายุกว่า ๘๐ แล้วทั้งทุพพลภาพอยู่ด้วย ไฉนจึงรับเป็น สังฆราช หม่อมฉันคุ้นเคยรู้อัชฌาสัยและคุณธรรมของท่านมาแต่ก่อน จะเห็นว่าเพราะท่านยินดีด้วยลาภยศก็ไม่ได้ ฉงนใจอยู่วันหนึ่งจนรุ่งขึ้นจึงนึกเห็นเหตุ ว่าถ้าหากท่านไม่รับอาจเกิดยุ่งด้วยเรื่องตั้งสังฆราช ท่านจึงรับด้วยเหตุนั้น หม่อมฉันก็กลับอนุโมทนาด้วย ได้เห็นรูปฉายในหนังสือพิมพ์เมื่อวันท่านเข้าไปรับตำแหน่งสังฆราช เห็นเดินต้องมีคนประคองเข้าปีกไปข้างหนึ่งดูน่าสงสารเห็นจะทุพพลภาพลงกว่าแต่ก่อนมาก

ข้อที่พระองค์ท่านทรงเจียมพระองค์ว่าทรงพระชราทุพพลภาพ ไม่รับเชิญไปทอดพระเนตรละครซึ่งสมาคมนักเรียนเก่าอังกฤษเขาเล่นรับเสด็จนั้น หม่อมฉันก็เห็นสมควรแล้ว ว่าตามทางธรรมก็เป็นการไม่ประมาท ว่าตามทางโลกความสนุกสนานของคนต่างชั้นต่างชั่วก็ต่างกัน หม่อมฉันนึกถึงเรื่องแต่หนหลังขึ้นได้จะเลยเล่าบรรเลงถวายด้วยเดิมเมื่อ ร.ศ. ๑๐๙ (พ.ศ. ๒๔๓๔) สมเด็จพระพุทธเจ้าหลวงเสด็จไปประพาสเลียบรอบแหลมมลายู เวลาประทับอยู่ ณ เมืองไทรบุรี เจ้าพระยาไทรหาละครมลายูซึ่งเพิ่งมีคนประดิษฐ์ขึ้นใหม่เรียกว่า “บังสาวัน” แปลเป็นภาษาอังกฤษว่า Malay Opera มาเล่นถวายทอดพระเนตร ต่อนั้นมาอีกหลายปี พวกละครบังสาวันนั้นเข้ามาเล่นในกรุงเทพฯ โรงที่เล่นอยู่ข้างวังบูรพาใกล้บ้านเก่าของหม่อมฉัน ๆ จึ่งชวนคุณป้าเที่ยงซึ่งมาอยู่ที่บ้านหม่อมฉันในเวลานั้น ไปดูด้วยกันกับแม่ ท่านว่าไม่ชอบและไม่เห็นน่าดูทั้ง ๒ คน ดูกลับมาแล้วคุณป้าเที่ยงออกปากว่า “ไม่เห็นเป็นละเม็งละคร มีแต่ยกมือขึ้นกำ กำแล้วก็แบ แบแล้วก็กำอีกเท่านั้น” หม่อมฉันไปเล่าถวายสมเด็จพระพุทธเจ้าหลวง เลยตรัสเรียกละครพวกพันทางว่า “อ้ายพวกกำกำแบแบ” นึกว่าท่านคงเคยทรงได้ยิน ยกมาทูลเป็นอุทาหรณ์ที่ความนิยมของคนต่างชั่วต่างชั้นต่างกัน และละครบังสาวันนั้นเองที่กรมพระนราธิปเอาไปคิดแก้ไปเป็นอย่าง “ละครร้อง” เล่นที่โรงปรีดาลัย แล้วคนอื่นเช่นแม่บุนนากเป็นต้นเอาอย่างไปเล่น แต่คนทั้งหลายแม้จนเซอร์โยห์เชียครอสบีราชทูตอังกฤษแสดงปาฐกที่สมาคมโรตะรีเมื่อเร็วๆ นี้ ยกย่องว่าละครร้องเป็นของกรมพระนราทรงริขึ้น หามีใครรู้ไม่ว่าท่านได้เค้ามาจากละครบังสาวันมลายู

พระพุทธรูปห้ามสมุทร ๒ องค์ที่ว่าตั้งพระแท่นมณฑลเมื่องานพระราชพิธีบรมราชาภิเษกรัชกาลที่ ๔ นั้น หม่อมฉันนึกเค้าเงื่อนขึ้นได้อย่าง ๑ ด้วยเคยขออนุญาตกรมวังเข้าไปชมหอพระเมื่อในรัชกาลที่ ๖ หรือที่ ๗ จำไม่ได้แน่แต่เป็นครั้งหลังที่ได้ไป เมื่อชมหอพระสุราลัยพิมานแล้วนางพนักงานเฝ้าหอพระเขาไปเปิดหอน้อยที่อยู่ข้างหน้าหอพระสุราลัยพิมานให้ดูอีกหลังหนึ่ง ในนั้นมีพระพุทธรูปห้ามสมุทร (ดูเหมือนเป็นพระเงินทรงเครื่องอาภรณ์ทอง) ขนาดเดียวกับพระชัยเวรตั้งบนฐานชุกชีเป็นประธานอยู่ (องค์หนึ่งหรือสององค์ก็จำไม่ได้แน่) จะเป็นทางพนักงานคนแก่ที่นำบอก หรือกรมหลวงสมรรัตนตรัสบอกก็จำไม่ได้ ว่าพระพุทธรูปนั้นพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงสร้างแต่เมื่อยังเป็นกรม เมื่องานพิธีบรมราชาภิเษกครั้งรัชกาลที่ ๓ อาจจะตั้งพระห้ามสมุทรองค์ที่อยู่ในหอพระน้อยเข้าในพระแท่นมณฑลได้ ด้วยพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงนับถือว่าเป็นมิ่งขวัญมาแต่ก่อนเสวยราชย์ แต่เห็นจะไม่ได้ตั้งพระพุทธรูปนั้นเข้าพระแท่นมณฑล เมื่อพิธีบรมราชาภิเษกครั้งรัชกาลที่ ๔ จึงไม่มีปรากฏในหมายรับสั่งครั้งพิธีบรมราชาภิเษกครั้งแรกในรัชกาลที่ ๕ ซึ่งเชื่อได้ว่าทำตามแบบอย่างครั้งรัชกาลที่ ๔ หม่อมฉันเคยเขียนอธิบายเครื่องตั้งพระแท่นมณฑลพิธีบรมราชาภิเษกในรัชกาลที่ ๕ ไว้ตามได้ตรวจดูในหมายรับสั่งสำเนาถวายมาทอดพระเนตรด้วย

ที่ทรงพรรณนาวิธี “สรีสำรวย” ของไทยประทานมานั้น เป็นความรู้ที่หม่อมฉันได้ใหม่ ขอบพระหฤทัยมาก หม่อมฉันได้เคยสังเกตเห็นในสมุดร่างรูปภาพเขียนพระระเบียงวัดพระศรีรัตนศาสดารามเมื่อรัชกาลที่ ๓ เป็นรูปภาพขนาดเล็กๆ แต่เขาเขียนให้เห็นหน้าทศกัณฐ์โศกได้ ได้ออกปากชม แต่หารู้ไปกว่านั้นไม่

หมู่นี้ที่ปีนังกำลังอากาศเป็นฤดูหนาวเย็นสบายดี แต่เรื่องต่างๆ สำหรับเขียนทูลบรรเลงไม่มีอะไร อยู่ข้างค่น หม่อมฉันกำลังเขียนตอบคำถามของพระองค์เจ้าธานีเรื่อง “พระเชตวัน” เห็นจะแล้วทันส่งสำเนาถวายคราวส่งหนังสือเวรวันพฤหัสบดีหน้า นอกจากนั้นยังมีอีกเรื่อง ๑ นายพันตรี ไซเดนฟาเตน นายกสยามสมาคม ถามมาว่าเหตุใดจึงเรียกชื่อลำน้ำและเมืองสมุทรสงครามว่า “แม่กลอง” จะเขียนตอบและถวายสำเนาต่อไปด้วย

ควรมิควรแล้วแต่จะโปรด

สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ

แชร์ชวนกันอ่าน

แจ้งคำสะกดผิดและข้อผิดพลาด หรือคำแนะนำต่างๆ ได้ ที่นี่ค่ะ