วันที่ ๑๙ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๔๘๑ น

ตำหนักปลายเนิน คลองเตย

วันที่ ๑๙ พฤศจิกายน ๒๔๘๑

กราบทูล สมเด็จกรมพระยาดำรงฯ ทราบฝ่าพระบาท

เรื่องพระองค์เจ้าสนิทพงศ์ ซึ่งกราบทูลมาในหนังสือเวรฉบับก่อนนั้นมีผิดอยู่นิดหนึ่ง ที่ว่าเจ้ากรมมาแจ้งความต่อสำนักพระราชวังนั้น จะเป็นเจ้ากรมไม่ได้ด้วยเธอไม่ได้เป็นกรม ในสำเนารายงานสำนักพระราชวังลงชื่อพระสนิทวงศ์อนุวัตน์ เผอิญชื่อเป็นสนิทวงศ์คล้ายกัน ใจจึ่งนึกพุ่งทึกเอาเป็นเจ้ากรม เขียนถวายมาเช่นนั้นด้วยปรารถนาจะทูลให้สั้น แต่ก็รู้สึกผิดโดยไม่ช้า หากว่าหนังสือนั้นได้ส่งไปออฟฟิศไปรษณีย์เสียแล้ว จึ่งต้องปล่อยไปเลยตามเลย แล้วมาทูลแก้เอาทีหลัง ที่จริงคงเป็นลูกหลานของเธอคนหนึ่ง

อนึ่งหมายใบพิมพ์ กำหนดการรับสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวซึ่งส่งมาถวายนั้น ขาดหมายออกเพิ่มเติมเรื่องที่นั่งผู้หญิงไปฉบับหนึ่ง เขาไม่ได้ส่งมาให้ได้ขอเขาส่งมาถวายในคราวนี้ด้วยฉบับหนึ่ง

ลายพระหัตถ์เวรลงวันที่ ๑๐ พฤศจิกายน ได้รับประทานแล้ว ดีเต็มที่ในข้อพระดำรัสซึ่งตรัสต่อถึงพระพุทธมนเทียร แม้ที่ตรัสชมว่าเกล้ากระหม่อมรู้เรื่องมากนั้นก็รู้ไปในสาขาหนึ่งหากเอาผสมกันเข้ากับที่ฝ่าพระบาททรงทราบด้วยแล้ว ก็เป็นเรื่องที่ได้ความโอฬารรึกทีเดียว ข้อที่พระพุทธมนเทียรสร้างเมื่อไรนั้น เป็นข้อที่สงสัยอยู่ในใจเกล้ากระหม่อม คลับคล้ายคลับคลาว่าสร้างในรัชกาลที่ ๒ ทั้งดูทางช่างก็มีฝรั่งครั้งรัชกาลที่ ๒ ปนอยู่ในนั้น แต่ก็มีฝีมือ “เจ้ากรมแดง” ซึ่งเกล้ากระหม่อมรู้จักตัวดีเขียนอยู่ในนั้นด้วย จึงพาให้คิดลังเลว่าจะสร้างในรัชกาลที่ ๔ รูปในสมุดกรมหมื่นพงศาก็นึกได้แต่ก็นึกได้ว่ามีแต่หลังคา เลยทอดธุระไม่ชิมดูเสียเลย ข้อนี้เป็นความหยาบถ้าหากว่าได้ตรวจ แม้รูปจะมีแต่หลังคาก็คงจะได้ตระหนักในข้อความมากออกไปตามพระดำรัส ให้ได้ทราบว่าสร้างรัชกาลที่ ๒ เดิมเรียกพระตำหนักทอง มีสามหลัง แล้วมาสร้างซ่อมในรัชกาลที่ ๔ อีกนั้น ดีเต็มที ทำให้สิ้นข้อสงสัยทั้งปวง พระพุทธมนเทียรไปติดต่อกับพระพุทธรัตนสถานก็จำได้ ที่ทำบุญพระบรมอัฐิก็จำได้ว่าพื้นต่ำมีบันไดลงเฉลียงที่นั่งดูละครก็จำได้ว่าได้เคยนั่ง แต่ทั้งจำได้อย่างนั้นก็ไม่รู้สึกว่าแผนผังเป็นอย่างไรอยู่นั่นเอง

ปีนังพุทธบริษัทสมาคมนั้น เข้าใจตามพระดำรัสอธิบายแล้ว ว่ามิได้เกี่ยวกับญาโณทัยสมาคม ส่วนสมาชิกในสมาคมหนึ่งจะไปเข้ากับอีกสมาคมหนึ่งนั้นเป็นทางส่วนตัว ไม่ใช่ทางธุรการมิได้ใคร่ที่จะทราบ

เป็นพระเดชพระคุณล้นเกล้า ที่จำนงพระทัยจะตรัสบอกศิลปะทางหนึ่ง แม้จะไม่ใช่ทางที่เกล้ากระหม่อมใฝ่ใจก็เป็นไรไป คงจะเป็นประโยชน์เสมอ เว้นแต่มากหรือน้อยเท่านั้น ตั้งใจอยู่ที่จะคอยฟังพระดำรัส

เป็นพระเดชพระคุณล้นเกล้า ที่ทรงพระเมตตาโปรดประทานรูปฉายไป ๓ รูป รูปฉายหมู่นั้นเป็นหน้าใฝ่ใจกว่าทุกรูป หญิงจงเคราะห์ร้าย หญิงประสงค์บังจนเกือบรู้ไม่ได้ว่าใคร รอดที่คุ้นเคยกับเธอมากจึ่งจำได้

เจ้าพระยาอภัยราชาตายเสียแล้วเมื่อวันที่ ๑๒ เผอิญวันนั้นเขาก็มาลากเอาไปรดน้ำแต่งงานสมรส กำหนดเวลาตรงกัน รับทางแต่งงานไว้ก่อนแล้วว่าจะไปก็ต้องไปทางแต่งงานก่อน แล้วจึ่งไปงานศพทีหลัง นึกว่าถึงเขาตั้งศพเสร็จแล้วไปพรมน้ำอบเอาที่โกศก็ได้ แต่หาเป็นเช่นนั้นไม่ เขาคอย ต้องทำอะไรให้ทุกอย่าง เวลาช้าไปกว่าที่เขากำหนดไว้ตั้งชั่วโมงได้รับพระราชทานโกศมณฑป

คราวนี้จะกราบทูลรายงานถึงการรับสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว อันเป็นเรื่องเกร็ดซึ่งได้แก่ตัวและได้เห็น ที่นอกหมายกำหนดการอันได้ถวายมาแล้วนั้น

วันที่ ๑๕ พฤศจิกายน ไปตำหนักแพ เพื่อรับสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวไปทางท้ายวังคิดว่าหลีกทางเสด็จพระราชดำเนินดีแล้ว แต่ไปถึงข้างวัดพระเชตุพนก็ติดรถแน่นเป็นปึก นึกว่าจะต้องเดินไปตั้งแต่นั้นแล้ว แต่เวลายังมีเหลือก็นิ่งดูใจไปก่อนกระบวนรถค่อยเลื่อนไปทีละน้อย ไปได้จนถึงท้ายพระที่นั่งราชกิจก็ติดอีก จะทนให้ถึงพระที่นั่งไม่ไหว จึงเดินเข้าไป ที่พระที่นั่งมีสิ่งที่ผิดประหลาด คือเจ้าพระยายมราชอยู่ที่นั่น ไม่ได้ไปรับเสด็จที่เกาะสีชังกับคณะผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ตามหมายกำหนดการ แปลได้ว่าฟก เวลา ๑๕.๕๐ น. เรือพระที่นั่งทรงมาถึง ท่านก็ลงไปสะพานน้ำเพื่อลงไปในเรือพระที่นั่ง แต่มีอุบัติเหตุเกิดขึ้น เมื่อเรือเข้าเทียบท่าทิ้งเชือกพานเอากระไดเกย ซึ่งทำไว้รับเสด็จ ล้มลงหักสะบั้นไป ต้องบูรณะปฏิสังขรณ์กันใหม่สิ้นเวลาราว ๓๐ นาทีจึ่งสำเร็จ เจ้าพระยายมราชก็ลงไปในเรือพระที่นั่ง เวลา ๑๖.๓๐ น. จึงได้เสด็จลงจากเรือขึ้นพระที่นั่ง แต่ก็ขาดสมเด็จพระอนุชา เขาว่าไม่ทรงสบาย เสด็จขึ้นจากเรือแล้วก็ขึ้นรถไปที่ประทับทีเดียว การบนพระที่นั่งก็ดำเนินไปตามหมายกำหนดการ เมื่ออ่านถวายชัยมงคลและมีพระราชดำรัสตอบแล้ว เสด็จมาปราศรัยกับเกล้ากระหม่อม แล้วเสด็จไปปราศรัยด้วยทูตต่างประเทศ แล้วขึ้นทรงรถยนต์พระที่นั่งเข้าสู่พระบรมมหาราชวัง ตอนนั้นจะเป็นอย่างไร เกล้ากระหม่อมไม่ได้เห็นสิ้นหน้าที่แล้วก็กลับบ้าน แต่กลับได้โดยยากด้วยติดรถรักและผู้คนทั้งมารับเสด็จและมาดู รถเลื่อนไปได้อยากจะว่านับด้วยนิ้ว จนถึงปากถนนพระจันทร์จึ่งไปได้สะดวก คราวนี้คนขับรถเขลาจะพาไปผ่านทางเสด็จไปสวนจิตรลดา จึงบอกแก่มันว่าไปไม่ได้ดอก ขึ้นไปก็ติดการรักษา ต้องกลับเสียเวลาเปล่า จงเดินอ้อมวังไปเถิด มันตกใจเลยพาอ้อมไปทางวังพญาไท ไปถูกน้ำท่วมถนนต้องบุกน้ำเข้าอีก กว่าจะถึงบ้านก็เกือบค่ำ (เพราะหน้าหนาวกลางวันน้อย)

วันที่ ๑๖ พฤศจิกายน สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จเข้าทางประตูสนามราชกิจขึ้นพระที่นั่งไพศาลแล้วเสด็จออกพระที่นั่งอมรินทร์ ทางพระทวารเทวราชมเหศวรประทับพระราชอาสน์ แล้วการก็ดำเนินไปตามหมายกำหนดการ ต่อจากนั้นพระราชทานตราและเครื่องยศ ๗ คน คือ ๑ เกล้ากระหม่อม ได้รับพระราชทานตราจักรีประดับเพชร ๒ สมเด็จพระราชชนนี ได้รับพระราชทานตราจักรี ๓ พระองค์เจ้าอาทิตย์ ได้รับพระราชทานปฐมจุลจอมเกล้ากับเครื่องยศ ๔ เจ้าพระยาพิชเยนทร์ได้รับพระราชทานปฐมจุลจอมเกล้า ๕ แม่โต ได้รับพระราชทานทุติยจุลจอมเกล้าวิเศษ ๖ หม่อมกอบแก้ว ได้รับพระราชทานทุติยจุลจอมเกล้าวิเศษ ๗ เจ้าพระยายมราช ได้รับพระราชทานที่ชาทองคำ

วันที่ ๑๘ พฤศจิกายน สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จมาบ้านคลองเตย พร้อมด้วยสมเด็จพระพี่นาง สมเด็จพระอนุชา กับทั้งสมเด็จพระราชชนนี ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานรัตนาภรณ์ชั้นที่ ๑ กับผ้าพันคอเป็นของฝากแก่เกล้ากระหม่อม และเกล้ากระหม่อมจัดรับเสด็จเป็นไปรเวต ลูกเต้าช่วยกันทำของเสวยว่างตั้งเครื่อง สังเกตว่าทรงสนุกสนานพอพระทัยทั่วกันทุกองค์ เกล้ากระหม่อมทูลถามสมเด็จพระราชชนนีถึงฝ่าพระบาท ตรัสบอกว่าทรงสบายดีแต่พระกรรณตึงมาก

ขอประทานโอกาสกราบทูลถึงตัวเกล้ากระหม่อม ในเรื่องหูตึงนั้นสังเกตว่าถ้าไปทำอะไรเข้าแก่หู ตามที่มีคนบอกว่าทำเช่นนั้นจะดีขึ้น แต่เมื่อทำตามเข้า แทนที่จะดีขึ้นกับเลวลงไปกว่าเก่าอีก เลยไม่ตอแยแก่มันเลย แต่จะเป็นเช่นนั้นทุกคนหรืออย่างไรก็หาทราบไม่

เรื่องการรับเสด็จในที่ซึ่งเกล้ากระหม่อมไม่ได้เห็น ไม่ได้กราบทูลนั้นคงจะทรงทราบได้จากหนังสือพิมพ์ ซึ่งเขาลงกันละเอียดลออมาก

ควรมิควรแล้วแต่จะโปรด

สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้ากรมหลวงนริศรานุวัดติวงศ์

แชร์ชวนกันอ่าน

แจ้งคำสะกดผิดและข้อผิดพลาด หรือคำแนะนำต่างๆ ได้ ที่นี่ค่ะ