- เมษายน
- วันที่ ๒ เมษายน พ.ศ. ๒๔๘๑ น
- วันที่ ๗ เมษายน พ.ศ. ๒๔๘๑ ดร
- วันที่ ๙ เมษายน พ.ศ. ๒๔๘๑ ดร
- วันที่ ๙ เมษายน พ.ศ. ๒๔๘๑ น
- —ทูลถามข้อความที่สงสัย จาก จ.ท. ประชุม มินประพาฬ
- —วันที่ ๒๕ มีนาคม พ.ศ. ๒๔๘๑ สนิท สุมิตร
- วันที่ ๑๔ เมษายน พ.ศ. ๒๔๘๑ ดร
- —เรื่องสร้อยพระนามพระเจ้าแผ่นดิน
- วันที่ ๑๖ เมษายน พ.ศ. ๒๔๘๑ น
- —สำเนาพวกมิชชันนารีทูลถามปัญหาโบราณคดี
- —วันที่ ๑๔ เมษายน พ.ศ. ๒๔๘๑ พระยาอนุมานราชธน
- วันที่ ๒๑ เมษายน พ.ศ. ๒๔๘๑ ดร
- วันที่ ๒๒ เมษายน พ.ศ. ๒๔๘๑ น
- วันที่ ๒๘ เมษายน พ.ศ. ๒๔๘๑ ดร
- วันที่ ๓๐ เมษายน พ.ศ. ๒๔๘๑ น
- พฤษภาคม
- วันที่ ๕ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๔๘๑ ดร
- วันที่ ๗ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๔๘๑ น
- วันที่ ๑๒ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๔๘๑ ดร
- วันที่ ๑๔ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๔๘๑ น
- —ที่ ๑/๒๔๘๑ หมายกำหนดการพระราชกุศลวิสาขบูชา
- วันที่ ๑๙ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๔๘๑ ดร
- วันที่ ๒๑ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๔๘๑ น
- วันที่ ๒๖ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๔๘๑ ดร
- —สำเนาลายพระหัตถ์ทูลกระหม่อมชาย
- วันที่ ๒๘ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๔๘๑ น
- มิถุนายน
- กรกฎาคม
- สิงหาคม
- กันยายน
- ตุลาคม
- วันที่ ๑ ตุลาคม พ.ศ. ๒๔๘๑ น
- วันที่ ๖ ตุลาคม พ.ศ. ๒๔๘๑ ดร
- วันที่ ๘ ตุลาคม พ.ศ. ๒๔๘๑ น
- —ที่ ๕/๒๔๘๑ หมายกำหนดการพระราชพิธีเฉลิมพระชนมพรรษา
- —ที่ ๖/๒๔๘๑ หมายกำหนดการทำขวัญขึ้นระวางเรือหลวง
- —ที่ ๗/๒๔๘๑ หมายกำหนดการพระกฐินหลวง
- วันที่ ๑๓ ตุลาคม พ.ศ. ๒๔๘๑ ดร
- วันที่ ๑๕ ตุลาคม พ.ศ. ๒๔๘๑ น
- —ที่ ๘/๒๔๘๑ หมายกำหนดการพระราชกุศลวันที่ระลึกรัชกาลที่ ๕
- —ย่อเรื่อง ปันหยี สะมิรัง
- วันที่ ๒๐ ตุลาคม พ.ศ. ๒๔๘๑ ดร
- —คำถามที่ ๓ ว่ายศเจ้าพระยามีมาแต่เมื่อใด
- วันที่ ๒๒ ตุลาคม พ.ศ. ๒๔๘๑ น
- วันที่ ๒๘ ตุลาคม พ.ศ. ๒๔๘๑ ดร
- วันที่ ๒๙ ตุลาคม พ.ศ. ๒๔๘๑ น
- พฤศจิกายน
- วันที่ ๓ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๔๘๑ ดร
- —(สำเนาคำตอบปัญหาพระยาอินทรมนตรี)
- วันที่ ๕ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๔๘๑ น
- วันที่ ๑๐ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๔๘๑ ดร
- วันที่ ๑๒ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๔๘๑ น
- —ที่ ๙/๒๔๘๑ หมายกำหนดการรับเสด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จพระราชดำเนิน
- —ที่ ๑๐/๒๔๘๑ หมายกำหนดการพระราชพิธีสมโภชสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
- —ที่ ๑๑/๒๔๘๑ หมายกำหนดการทรงแสดงพระองค์เป็นพุทธมามกะ
- —ที่ ๑๒/๒๔๘๑ หมายกำหนดการพระราชกุศลทักษิณานุปทาน
- —ที่ ๙/๓ ๒๔๘๑ หมายกำหนดการรับสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จพระราชดำเนิน (เปลี่ยนแปลง)
- วันที่ ๑๗ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๔๘๑ ดร
- วันที่ ๑๙ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๔๘๑ น
- —ที่ ๙/๒ ๒๔๘๑ หมายกำหนดการรับสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จพระราชดำเนิน (เพิ่มเติม)
- วันที่ ๒๔ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๔๘๑ ดร
- วันที่ ๒๖ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๔๘๑ น
- ธันวาคม
- วันที่ ๑ ธันวาคม พ.ศ. ๒๔๘๑ ดร
- —เครื่องตั้งพระแท่นมณฑล
- วันที่ ๓ ธันวาคม พ.ศ. ๒๔๘๑ น
- วันที่ ๘ ธันวาคม พ.ศ. ๒๔๘๑ ดร
- วันที่ ๑๐ ธันวาคม พ.ศ. ๒๔๘๑ น
- —ที่ ๑๓/๒๔๘๑ หมายกำหนดการพระราชพิธีเปิดประชุมสมัยสามัญสภาผู้แทนราษฎร
- —ที่ ๑๔/๒๔๘๑ หมายกำหนดการพระราชพิธีฉลองรัฐธรรมนูญ
- วันที่ ๑๕ ธันวาคม พ.ศ. ๒๔๘๑ ดร
- วันที่ ๑๗ ธันวาคม พ.ศ. ๒๔๘๑ น
- วันที่ ๒๒ ธันวาคม พ.ศ. ๒๔๘๑ ดร
- —วินิจฉัยเรื่องพระเชตวัน
- วันที่ ๒๔ ธันวาคม พ.ศ. ๒๔๘๑ น
- วันที่ ๒๙ ธันวาคม พ.ศ. ๒๔๘๑ ดร
- —วินิจฉัยชื่อลำน้ำแม่กลอง
- วันที่ ๓๑ ธันวาคม พ.ศ. ๒๔๘๑ น
- มกราคม
- วันที่ ๕ มกราคม พ.ศ. ๒๔๘๑ ดร
- วันที่ ๗ มกราคม พ.ศ. ๒๔๘๑ น
- —ที่ ๑๕/๒๔๘๑ หมายกำหนดการพระราชกุศล ๗ วัน ศพเจ้าพระยายมราช
- วันที่ ๑๒ มกราคม พ.ศ. ๒๔๘๑ ดร
- วันที่ ๑๔ มกราคม พ.ศ. ๒๔๘๑ น
- —ที่ ๑๖/๒๔๘๑ หมายกำหนดการพระราชพิธีพระราชทานธงประจำกอง
- —ที่ ๑๗/๒๔๘๑ หมายกำหนดการสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จพระราชดำเนินไปยุโรป
- วันที่ ๑๙ มกราคม พ.ศ. ๒๔๘๑ ดร
- วันที่ ๒๑ มกราคม พ.ศ. ๒๔๘๑ น
- วันที่ ๒๖ มกราคม พ.ศ. ๒๔๘๑ ดร
- วันที่ ๒๘ มกราคม พ.ศ. ๒๔๘๑ น
- กุมภาพันธ์
- วันที่ ๒ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๔๘๑ ดร
- วันที่ ๔ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๔๘๑ น
- วันที่ ๙ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๔๘๑ ดร
- วันที่ ๑๑ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๔๘๑ น
- วันที่ ๑๖ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๔๘๑ ดร
- วันที่ ๑๘ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๔๘๑ น
- —ที่ ๒๐/๒๔๘๑ หมายกำหนดการพระราชทานเพลิงศพสมเด็จพระสังฆราชเจ้า
- —ริ้วขบวนแห่พระศพ
- —ที่ ๒๑/๒๔๘๑ หมายกำหนดการพระราชทานเพลิงพระศพพระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าพิศมัยพิมลสัตย์
- วันที่ ๒๓ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๔๘๑ ดร
- วันที่ ๒๕ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๔๘๑ น
- —ที่ ๒๒/๒๔๘๑ หมายกำหนดการพระศพสมเด็จพระราชปิตุจฉา เจ้าฟ้าวไลยอลงกรณ์
- —ที่ ๒๓/๒๔๘๑ หมายกำหนดการพระราชกุศลทักษิณานุปทาน และพระราชพิธีรัชมงคล
- มีนาคม
- วันที่ ๒ มีนาคม พ.ศ. ๒๔๘๑ ดร
- วันที่ ๔ มีนาคม พ.ศ. ๒๔๘๑ น
- วันที่ ๙ มีนาคม พ.ศ. ๒๔๘๑ ดร
- วันที่ ๑๑ มีนาคม พ.ศ. ๒๔๘๑ น
- วันที่ ๑๖ มีนาคม พ.ศ. ๒๔๘๑ ดร
- วันที่ ๑๘ มีนาคม พ.ศ. ๒๔๘๑ น
- วันที่ ๒๓ มีนาคม พ.ศ. ๒๔๘๑ ดร
- วันที่ ๒๕ มีนาคม พ.ศ. ๒๔๘๑ น
- —ที่ ๒๔/๒๔๘๑ หมายกำหนดการพระราชพิธีตะรุษะสงกรานต์
- วันที่ ๓๐ มีนาคม พ.ศ. ๒๔๘๑ ดร
วันที่ ๘ ธันวาคม พ.ศ. ๒๔๘๑ ดร
บ้านซินนามอน ปีนัง
วันที่ ๘ ธันวาคม พุทธศักราช ๒๔๘๑
ทูล สมเด็จกรมพระนริศ ฯ
หม่อมฉันได้รับลายพระหัตถ์เวรฉบับลงวันที่ ๓ ธันวาคมแล้ว
หม่อมฉันจะทูลสนองพระดำริเรื่องพิธีพุทธมามกะตามความคิดของหม่อมฉันสักหน่อย แต่ไม่ประสงค์จะอ้างขึ้นไปถึงพุทธกาลอย่างสมเด็จพระมหาสมณะฯ ทรงพระดำริ จะว่าแต่ด้วยประเพณีในประเทศพม่ามอญไทย ซึ่งเป็นประเทศถือพระพุทธศาสนามาด้วยกันแต่โบราณ ดูมีวิธีถวายตัวเป็นพุทธศาสนิกชน เค้าเดียวกันกับพิธีพุทธมามกะแต่ก่อนเหมือนกันทั้งนั้น คือ
(๑) ถ้ามีเด็กชายเกิดในครัวเรือน เลี้ยงไว้จนถึงขนาดฟังความเข้าใจได้ หรือถ้าว่าอีกนัยหนึ่งถึงขนาดอาจจะอยู่ได้โดยลำพังตัว ผู้ปกครองย่อมพาไปถวายเป็นลูกศิษย์พระอยู่ที่วัด วินิจฉัยตอนนี้คือว่า เพื่อให้พระสอนให้รู้จักพระพุทธศาสนาเป็นสำคัญ การสอนอักษรศาสตร์เป็นแต่ส่วนประกอบ
(๒) เมื่อเด็กเห็นคุณและเกิดเลื่อมใสในพระพุทธศาสนาแล้วก็ให้บรรพชาเป็นสามเณร
หรือถ้าว่าอีกอย่างหนึ่ง ให้ไปเรียนให้รู้จักพระศาสนาเป็นขั้นต้น เมื่อเกิดเลื่อมใสแล้วจึงปฏิญาณตนเป็นพุทธศาสนิกชนด้วยรับพระไตรสรณาคมเมื่อบวชเป็นสามเณร แล้วจึงลาสิกขากลับมาครองบ้านเรือน ประเพณีเดิมมีเพียงเท่านี้ เวลานี้ก็ยังใช้อยู่ในเมืองพม่ามอญและประเทศสยามข้างฝ่ายเหนือ เช่นในมณฑลพายัพเป็นต้น ในเมืองเหล่านั้นจึงถือกันว่าการบวชเป็นสามเณรนั้นจำเป็น แต่การอุปสมบทเป็นพระภิกษุนั้นสำหรับแต่ผู้ซึ่งยินดีที่อยู่ในภิกษุภาวะไปจนตลอดชีวิต ประเพณีที่ให้บวชเณรครั้ง ๑ แล้วให้บวชเป็นพระภิกษุอีกครั้ง ๑ เมื่ออายุครบอุปสมบท เป็นประเพณีเกิดขึ้นใหม่ตอนปลายสมัยกรุงศรีอยุธยา ลักษณะการเข้าพระศาสนาก็กลายเป็น ๓ ตอน คือเป็นลูกศิษย์พระเรียนให้รู้จักพระศาสนา ตอน ๑ ถวายตัวเป็นพุทธศาสนิกชนด้วยบวชเป็นสามเณร ตอน ๑ และอุปสมบทเป็นพระภิกษุเพื่อแสวงหาความรู้ เช่น เรียนวิปัสสนาธุระเป็นต้นอีก ตอน ๑ หม่อมฉันเคยเห็นในหนังสือเทศนาพระราชประวัติ หรือได้ยินคำเล่ามา ว่าทูลกระหม่อมของเราเมื่อยังทรงพระเยาว์อยู่ในรัชกาลที่ ๑ พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัยก็โปรดให้ไปทรงศึกษาขั้นต้นต่อสมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ (ขุน) ที่วัดโมลีโลก เพราะฉะนั้นเมื่อทูลกระหม่อมเสวยราชย์เวลาเสด็จไปพระราชทานกฐิน ณ วัดโมลีโลก จึงเสด็จไปบูชารูปสมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์องค์นั้น อันพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัวซึ่งเคยเป็นศิษย์เหมือนกัน ได้โปรดให้หล่อประดิษฐานไว้ ณ วัดโมลีโลก เลยเป็นประเพณีสืบมาในรัชกาลหลัง ๆ อย่างว่า “ไม่มีมูล”
เห็นจะเป็นในรัชกาลที่ ๑ เปลี่ยนวิธีฝึกสอนพระราชกุมารมาให้ทรงเรียนความรู้ขั้นต้นต่อราชบัณฑิตที่ในพระราชวัง ไม่ส่งไปเรียนที่วัดเหมือนแต่ก่อน แต่ยังรักษาประเพณีให้ทรงผนวชเป็นสามเณร และทรงผนวชเป็นพระภิกษุอยู่ตามเดิม จนถึงรัชกาลที่ ๕ ถึงสมัยเมื่อตั้งโรงเรียน จึงเปลี่ยนการศึกษาของพระราชกุมารชั้นที่เรียนต่อราชบัณฑิตไปเป็นเข้าโรงเรียนแทน แต่ส่วนการเรียนให้รู้จักพระพุทธศาสนาอันเป็นขั้นต้นนั้น ถึงโรงเรียนในสมัยเมื่อแรกมีก็ไม่เอาใจใส่สอนนัก พระราชกุมารก็เคยอยู่ในราชสำนักมีโอกาสได้ความรู้มากกว่าพวกอื่น และยังต้องทรงผนวชเป็นสามเณร และเป็นพระภิกษุมาตามประเพณีอย่างเดิม
ครั้นถึงสมัยเมื่อพระเจ้าลูกยาเธอในรัชกาลที่ ๕ ทรงพระเจริญวัยขึ้น ๔ พระองค์ คือ กรมพระจันทบุรี กรมหลวงราชบุรี กรมหลวงปราจิณ กรมหลวงนครชัยศรี สมัยนี้ถือว่าความรู้อย่างฝรั่งจะเป็นการสำคัญของบ้านเมืองในภายหน้า สมเด็จพระพุทธเจ้าหลวงทรงพระราชดำริจะส่งพระเจ้าลูกยาเธอไปทรง ศึกษาวิชาการในยุโรป แต่ไม่อยากจะให้เสียประเพณีเดิมจึงโปรดให้ทรงผนวชเป็นสามเณรอยู่ ๑๕ วัน ทั้ง ๔ พระองค์ แล้วจึงส่งไปยุโรป ต่อมาถึงคราวจะส่งพระเจ้าลูกยาเธอไปยุโรปอีก ดูเหมือนครั้งนี้มีเวลาตระเตรียมน้อยวัน สมเด็จพระพุทธเจ้าหลวงตรัสปรึกษาสมเด็จพระมหาสมณะฯ ว่าการทรงผนวชเป็นสามเณรนั้น ก็เพื่อจะแสดงพระองค์เป็นพุทธศาสนิกชนเป็นสำคัญ จะคิดทำพิธีอย่างใดให้สำเร็จประโยชน์นั้น โดยไม่ต้องทรงผนวชเป็นสามเณรได้หรือไม่ สมเด็จพระมหาสมณะฯ จึงทรงประดิษฐ์พิธีพุทธมามกะขึ้นแล้วใช้มาทั้งเป็นงานหลวง และผู้อื่นจะส่งลูกหลานไปเรียนต่างประเทศก็ทำตามเสด็จต่อมา มูลเหตุของพิธีพุทธมามกะมีมาดังนี้
จะทูลวิจารณ์ลักษณะพิธีพุทธมามกะต่อไป ดูเหมือนสมเด็จพระมหาสมณะฯ ท่านจะเอาหลัก ๕ อย่างตั้งเป็นพิธี คือ ทำต่อหน้าคณะสงฆ์ อย่าง ๑ นวกะบอกความประสงค์ต่อคณะสงฆ์ อย่าง ๑ พระผู้เป็นสังฆนายกสอนให้เห็นคุณของพระพุทธศาสนา อย่าง ๑ พระสังฆนายกนำให้รับพระไตรสรณาคม อย่าง ๑ พระสังฆนายกบอกให้สมาทานเบญจศีล อย่าง ๑ หลักทั้ง ๕ อย่างนี้ก็หลักเดียวกันกับบรรพชาเป็นสามเณรนั่นเอง เว้นเสียแต่ที่เกี่ยวกับผ้ากาสาวพัสตร์ และสมาทานองค์ศีลซึ่งเกินกว่านิจศีลเท่านั้น พิธีพุทธมามกะนี้หม่อมฉันเห็นว่าควรจะให้เด็กไทยไม่ว่าจะไปเมืองนอกหรือไม่ไปทำทุกคน เพราะการบวชเป็นสามเณรมีแต่จะน้อยลง ควรจะเตรียมพิธีพุทธมามกะขึ้นไว้แทนให้คนรู้ตัวว่าได้ปฏิญาณตนเป็นพุทธศาสนิกชน แต่ควรจะแก้ให้ดีขึ้นกว่าเก่าอย่างหนึ่ง คือเมื่อก่อนจะทำพิธีควรให้มีการสอนนวกะให้เกิดความเลื่อมใสเสียก่อน แล้วจึงทำพิธีปฏิญาณตนเป็นพุทธศาสนิกชนด้วยรับพระไตรสรณาคม ประหลาดอยู่ที่ทางศาสนาคริสตังเขาก็ทำคล้ายๆ อย่างว่ามานี้ คือเมื่อแรกเด็กเกิดในสกุลที่ถือศาสนาคริสตัง เขาให้ทำพิธีพรมน้ำ Baptism (หมายเพียงว่าอยู่ในวงศ์คริสตศาสนา เพราะเด็กยังไม่รู้ความ) ครั้นเติบใหญ่ถึงขนาดรุ่นหนุ่มรุ่นสาว เขาให้เรียนและสอบความศรัทธาในข้อสำคัญ อันถือเป็นหลักของความศรัทธา Article of Faith เสียก่อน แล้วจึงทำพิธีญัตติ Confirmation ว่าคนนั้นเป็นสมาชิกในพวกคริสตังโดยแท้จริง
การที่รับศีล ๕ นั้นตามดำริของพระมหาเถรองค์ ๑ ที่ทรงเล่ามา หม่อมฉันคิดดูเห็นไปอีกอย่างหนึ่ง เพราะศีล ๕ เรียกว่า “นิจศีล” หมายความว่าเป็นศีลซึ่งสาธุชนควรสังวรอยู่เสมอ ไม่ต้องไปขอร้องแก่ใครและไม่ต้องมีใครให้ แม้อุโบสถศีล ถ้าสมาทานโดยลำพังตัวก็เป็นถือศีลนั้นอยู่นั่นเอง เพราะฉะนั้นพระผู้นำให้คนสมาทานศีล ย่อมเป็นผู้บอกองค์ศีลแก่ผู้ที่ยังไม่รู้ หรือเตือนผู้สมาทานอยู่แล้วให้รักษาศีลให้บริสุทธ์ และผู้ที่กระทำศีลของตนให้ด่างพร้อยให้สมาทานเสียใหม่ ล้วนเป็นการทำคุณทั้งนั้น ที่สมเด็จพระสังฆราชนำให้พระเจ้าอยู่หัวทรงสมาทานเบญจศีลนั้น หม่อมฉันเห็นเหมาะ เพราะเสด็จไปอยู่ในประเทศที่ถือศาสนาอื่นตั้งแต่ทรงพระเยาว์ ยังไม่ได้สมาทานนิจศีลในพระพุทธศาสนา การที่นำให้ทรงสมาทานเบญจศีลต่อหน้าสงฆ์ย่อมเป็นคุณทั้งแก่พระองค์และพระศาสนา
เขียนมาถึงเพียงนี้พอถึงวันพฤหัสบดีกำหนดจะส่งเมล์คำตอบพระองค์เจ้าธานีฯ เรื่องพระเชตวัน ซึ่งหม่อมฉันทูลว่าจะถวายสำเนาก็แต่งยังไม่แล้ว ด้วยต้องตรวจหนังสือมาก
ควรมิควรแล้วแต่จะโปรด