วันที่ ๔ มิถุนายน พ.ศ. ๒๔๘๑ น

ตำหนักปลายเนิน คลองเตย

วันที่ ๔ มิถุนายน ๒๔๘๑

กราบทูล สมเด็จกรมพระยาดำรงฯ ทราบฝ่าพระบาท

ลายพระหัตถ์ลงวันที่ ๒๖ พฤษภาคม ได้รับประทานทราบความแล้ว

ในการที่ฝ่าพระบาท จะเสด็จไปเยี่ยมประชวรสมเด็จพระพันวัสสาที่สิงคโปร์นั้น เป็นการที่ทรงพระดำริชอบอย่างยิ่งแล้ว เห็นหนังสือพิมพ์บางกอกไตมส์เขาลงข่าว ซึ่งสืบมาได้จากกระทรวงการต่างประเทศว่า สมเด็จพระพันวัสสามาถึงสิงคโปร์แต่เช้าวันที่ ๓๐ พฤษภาคมแล้ว และได้ถ่ายลำเสด็จลงเรือ ลาลันเดีย โดยเรียบร้อยแล้ว และเรือลาลันเดียได้ออกจากสิงคโปร์แล้วแต่เวลาเย็น หวังว่าฝ่าพระบาทคงจะได้เฝ้าเยี่ยมประชวรแล้ว แล้วต่อมาได้เห็นหนังสือชายดิศบอกท่านหญิงอามว่า เรือลาลันเดียจะมาถึงเกาะสีชังวันที่ ๑ เดือนนี้เวลาค่ำ บริษัทอีสตเอเซียติคในกรุงเทพฯ มีโทรเลขถามออกไปว่า ต้องการจะให้จัดเรือไปรับเสด็จเข้ากรุงเทพฯ หรือไม่ ได้ตอบมาว่าหมอไม่มีประสงค์จะให้เสด็จถ่ายลำ เต็มใจจะให้เสด็จเข้าไปกับเรือลาลันเดีย เมื่อเป็นดังนั้นก็เป็นอันจะเสด็จถึงกรุงเทพฯ ในเช้าวันที่ ๔ มิถุนายน แล้วที่สำนักงานราชเลขานุการในพระองค์ก็มีหนังสือบอกซ้ำมาว่า เสด็จมาถึงกรุงเทพฯ วันที่ ๔ เรือจอดที่ท่าของบริษัท ณ วัดพระยาไกร เกล้ากระหม่อมก็เตรียมตัวจะไปรับเสด็จ แต่จะกราบทูลข่าวอะไรมาคราวนี้หาทันไม่ ต้องเอาไว้กราบทูลในเวรอันจะได้ถวายมาคราวหน้า

ในการที่ฝ่าพระบาททรงพระดำริ เลื่อนกำหนดเสด็จไปชวาช้าไปอีกสัปดาห์หนึ่งนั้น จะคอยฟังพระดำรัสต่อไปว่าจะเป็นประการใดแน่เกี่ยวอยู่แก่การที่จะส่งหนังสือเวรมาถวาย

เรื่องหล่อพระรูปสมเด็จพระสังฆราชเจ้านั้น จะต้องกราบทูลต่อไปอีก เพราะที่ทูลมาก่อนไม่ถี่ถ้วนทำให้ฝ่าพระบาทเข้าพระทัยผิดไปเสียบ้าง ในการที่ได้นายสายเข้าไปปั้นพระรูปสมเด็จพระสังฆราชเจ้านั้น นายสายวิ่งเข้าไปเองไม่ใช่กรรมการเลือกฟั้นเชื้อเชิญไปทำ กรรมการเห็นว่าช่างไทยในกรุงสยามมีมากมาย เดินทางประกาศให้เข้าแข่งขันชิงรางวัลอันเล็กน้อยก็เป็นทางที่จะได้ช่างฝีมือดี การนั้นก็สมคะเนที่นายสายอยากมีชื่อเสียงก็วิ่งเข้าไปแข่งขันชิงรางวัลชนะ เมื่อกรรมการจ่ายเงินรางวัล เขาก็บอกกรรมการว่าเขาไม่ต้องการเงินรางวัล เขาต้องการจะทำเพื่อให้เกิดผลมีชื่อเสียง พระรูปซึ่งหล่อขึ้นทั้งสององค์ องค์ที่จะเอาไว้ ณ วัดราชบพิธนั้น ได้ยินว่าจะประดิษฐานไว้ที่หน้าโรงเรียน ซึ่งสมเด็จพระสังฆราชเจ้าทรงสร้างไว้ อันตั้งอยู่ในลานวัดเยื้องข้างพระเจดีย์ทางด้านทิศตะวันออก แต่กรรมการคิดกันจะทำที่ตั้งเป็นอย่างไรยังหาทราบชัดไม่ ที่คิดจะสร้างพระรูปพระองค์เจ้าพระอรุณขึ้นเป็นคู่กันนั้น ดูเหมือนจะเป็นความคิดของพระยาศรีสุรสงครามคนเดียว ไม่ใช่เป็นความตกลงของคณะกรรมการ ในการคิดสร้างพระรูปคู่นั้น เกล้ากระหม่อมเห็นว่าคิดเอาอย่างจากวัดบวรนิเวศ จึงเดาส่งไปให้ว่าคิดจะตั้งในพระอุโบสถอย่างวัดบวรนิเวศ แต่ที่แท้พระยาศรีสุรสงครามจะคิดอย่างไร เกล้ากระหม่อมหาทราบไม่เลย

เรื่องจับช้างนั้นหญิงไอมาเล่าว่า เด็กที่โรงเรียนมาแตร์ขึ้นไปดูกลับมาได้ไล่เลียงว่า จับกันอย่างไรไม่ได้เรื่อง เด็กบอกว่าไม่เห็น ด้วยช้างต่อมากล้วนแต่ตัวโตๆ ทั้งนั้น ช้างป่านั้นน้อยและตัวเล็กๆ ช้างต่อเข้ากลุ้มรุมล้อมแล้วจะจับกันอย่างไรเห็นไม่ได้เลย ได้ฟังคำเล่าอย่างนี้ รู้สึกว่าวิธีทำเป็นคนละอย่างกับที่กรมช้างทำที่เพนียดกรุงเก่าทีเดียว ที่กรมช้างทำอย่างที่เพนียดกรุงเก่านั้น เอาช้างต่อซึ่งจะคล้องเข้าไปในเพนียดแต่สองสามตัวไล่คนไปรอบๆ เพนียด ตัวไหนที่ต้องการล้าหลังลงมาก็คล้องเอาแล้วก็ปล่อยให้ลากบาศไป แล้วเข้าคล้องซ้ำอีกจนเห็นพอแล้ว ช้างต่อก็ออกจากเพนียด เอาคนวัดเชือกบาศแล้วต้อนช้างที่ไม่คล้องออกจากเพนียด เหลือแต่ช้างที่ติดบาศอยู่ในเพนียด ต่อนั้นไปก็มีช้างต่ออีกสองสามตัวเข้าไปโยนทามและผนึกออกไป คนซึ่งดูอยู่รอบเพนียดก็เห็นหมดว่าเขาทำอย่างไรกัน ส่วนการจับที่ลพบุรีนั้นทำเป็นอย่างโพน คือไล่ตัวที่ต้องการจับให้แตกฝูงไปตัวเดียว แล้วช้างต่อหลายตัวก็เข้าห้อมล้อม รุมจับกันจนคนดูเห็นไม่ได้ว่าจับกันอย่างไร จะเอาดูสนุกมาแต่ไหน เพียงแต่จะได้ความรู้ว่าจับกันอย่างไรก็ไม่ได้เสียแล้ว หลวงราชมุนีนั้นเดี๋ยวนี้เป็นพระราชครูพิธีแล้ว พราหมณ์พฤฒิบาศเดี๋ยวนี้ไม่มีแล้ว จึงเอาพระราชครูพิธีขึ้นถูไถตามมีตามได้ พูดถึงหลวงราชมุนี นึกขึ้นมาได้ ด้วยหลวงราชมุนีเรียกกันว่าหลวงศรีวาจารย์ แล้วก็เห็นว่าผิดแก้เป็นหลวงศิวาจารย์ ที่แก้เช่นนั้นตีสัมผัสแตก เกล้ากระหม่อมจึงนึกให้ว่าที่จะเป็นหลวงศรีศิวาจารย์เห็นจะไม่ผิด

อ่านฉันท์สดุดีลาไพรของเก่า ข้างท้ายมีคำกล่าวในท้ายประวัติอยู่ดั่งนี้

“๏ ส่วนพระภูธรผู้ไกร ขอลาพระไพร
ไปยังอโยธยาศรี  
๏ จงสถาพรศุขมากมี ยศล้ำโลกี
หฤทัยมีหฤหรรษ์  
ทั้งนี้โสดองค์พระสรร เพชญ์ไท้ทรงธรร-
มเลิศนิล้ำไตรตรา  
๏ แก้กลอนกัมพุชภาษา แจงแจ้งเอามา
เป็นสยามพากยพิไสย  
๏ ฝ่ายข้างไสยสาตรนี้ใคร ฤาจะเปรียบปูนใน
พระองค์ไท้ทรงธรรม์  
๏ เมื่อเสร็จการอุ (ด) ดมกรรม์ ได้ช้างเผือกอัน
วิสุทธิสารบวร”  

ข้อความทั้งนี้ เห็นสมรอบตัวที่จะเป็นพระนารายณ์

สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้ากรมหลวงนริศรานุวัดติวงศ์

แชร์ชวนกันอ่าน

แจ้งคำสะกดผิดและข้อผิดพลาด หรือคำแนะนำต่างๆ ได้ ที่นี่ค่ะ