วันที่ ๒๒ มิถุนายน พ.ศ. ๒๔๘๑ ดร

Hotel Astor, Ma Lang.

วันที่ ๒๒ มิถุนายน พุทธศักราช ๒๔๘๑

ทูล สมเด็จกรมพระนริศฯ

หม่อมฉันยินดีอย่างเรียกได้ว่า “ปลาบปลื้ม” ที่ได้รับลายพระหัตถ์ ประทานพร้อมด้วยพระญาติวงศ์ในวันเกิดของหม่อมฉัน นอกจากรู้สึกความเมตตาอารี ยังพิศวงลายพระหัตถ์มาถึงเมืองสุรไบยา เฉพาะตรงกับวันเกิดทีเดียว แต่ทีเขาจะค้นหาตัวไม่พบ เพราะหม่อมฉันขึ้นจากเรือเวลา ๓ โมงเช้า ทูลกระหม่อมชายท่านพาเที่ยวเตร่ดูอะไรๆ ต่างๆ พอกลางวันเสด็จพาไปเลี้ยงเกาเหลาที่โรงเตี๊ยม แล้วก็ขึ้นรถไฟมาเมืองมาลัง เขาส่งลายพระหัตถ์ตามมาจึงได้รับต่อวันที่ ๒๒ แต่ก็ดูอัศจรรย์อยู่นั่นเอง

เช้าวันที่ ๒๒ นี้ไปดูเทวสถาน ปะนะตะรัน ระยะทางรถยนต์แล่นขาละ ๒ ชั่วโมง น่าดูพอใช้ เพราะถ่ายแบบช่างบุโรบุดอกับพรหมมานันท มาประสมและคิดแก้ไขไปตามชอบใจสมัยมัชพหิต

ตั้งแต่ลงเรือมาจากปีนังจนถึงเมืองสุรไบยา ๗ วัน ทะเลเรียบเป็นแม่น้ำตลอดทาง เจ้าหญิงก๋าทั้ง ๓ คน แต่ไปรถยนต์ทางไกลในวันนี้หญิงพูนเมารถกลับมาต้องนอน

ที่เมืองมาลังนี้หนาวน้อยกว่าบันดุง ปรอทในห้องเวลากลางคืนเพียง ๗๘ เท่านั้น

พรุ่งนี้วันที่ ๒๔ เช้า หม่อมฉันจะกลับเมืองสุรไบยาตามทางรถไฟ ที่มาเวลา ๒ ชั่วโมงเศษเท่านั้น บ่าย ๓ โมงจะลงเรือไปเกาะบาหลี

ขอบพระคุณอย่างยิ่งที่ประทานพร

สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ

ป.ล. เขียนที่เมืองสุรไบยา วันที่ ๒๓ หญิงพูนเมารถยนต์ที่ทูลมานั้น กลายเป็นหนักกว่าคาด เช้าวันนี้ค่อยฟื้นพอเดินมาขึ้นรถไฟกลับมาสุรไบยาได้ แต่เห็นกันรวมทั้งตัวเธอเองก็เห็นด้วยว่าไม่ควรไปเกาะบาหลี เพราะที่นั่นจะต้องไปด้วยรถยนต์ตั้งวันละ ๓ ชั่วโมง ๔ ชั่วโมง ถ้าไปเกิดฟกช้ำขึ้นที่นั้นก็จะเสียกระบวนหมดเพราะอยู่ไกล จะต้องไปค้างเติ่งอยู่หมดด้วยกัน จึงตกลงให้พักคอยอยู่ที่โฮเต็ล Oranage ที่สุรไบยา ๓ วัน หญิงเหลือจะอยู่เป็นเพื่อนเธอก็ไม่ยอม ด้วยสงสารว่าจะไม่ได้เห็นอะไรที่อยากมาดู เธอขออยู่คนเดียว แต่ที่นี่มีนายกิมพงซึ่งเคยอยู่กรุงเทพฯ ยกครอบครัวมาตั้งค้าขายประจำอยู่ ทูลกระหม่อมโปรดมาก เขารับจะอุปการะดูแล แต่ถึงกระนั้นก็น่าสงสาร แต่จะทำอย่างไรได้จะเปลี่ยนโปรแกรมก็มิใช่ป่วยเจ็บหนักหนา จะพาไปด้วยก็เสี่ยงภัยนัก หญิงจงมาถึงบันดุงแล้วเมื่อวานนี้

สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ

แชร์ชวนกันอ่าน

แจ้งคำสะกดผิดและข้อผิดพลาด หรือคำแนะนำต่างๆ ได้ ที่นี่ค่ะ