- คำนำ
- ๑. สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ ๑ สวรรคต
- ๒ ประวัติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ ๒ เมื่อก่อนเสด็จผ่านพิภพ
- ๓. เหตุการณ์บ้านเมืองในขณะเมื่อเปลี่ยนรัชกาล
- ๔. เกิดเหตุเรื่องเจ้าฟ้ากรมขุนกระษัตรานุชิต
- ๕. พระราชพิธีบรมราชาภิเศก
- ๖. พระราชพิธีอุปราชาภิเศก
- ๗. การอันเนื่องต่อพระราชพิธีบรมราชาภิเศก
- ๘. พระราชกำหนดสักเลข รัชกาลที่ ๒
- ๙. เรื่องเดินสวนเดินนา
- ๑๐. พระราชกำหนด ห้ามมิให้สูบแลซื้อขายฝิ่น
- ๑๑. เรื่องศึกพม่า
- ๑๒. อุปฮาดเมืองนครพนมกับพรรคพวกอพยพเข้ามาณกรุงฯ
- ๑๓. เหตุการณ์ที่เกี่ยวข้องกับเมืองญวนเมืองเขมร
- ๑๔. เรื่องทูตญวนเข้ามาครั้งที่ ๑
- ๑๕. เรื่องญวนขอเมืองไผทมาศ
- ๑๖. เรื่องกรมพระราชวังบวรฯ ทรงผนวช
- ๑๗. เรื่องให้เจ้านายกำกับราชการ
- ๑๘. เรื่องทูตไปเมืองจีนครั้งที่ ๑
- ๑๙. เรื่องสถาปนากรมสมเด็จพระพันปีหลวง
- ๒๐. เกิดเหตุเรื่องเมืองเขมรตอน ๑
- ๒๑. งานพระบรมศพ
- ๒๒. เรื่องจัดการปกครองหัวเมืองปักษ์ใต้
- ๒๓. เกิดเหตุเรื่องเมืองเขมรตอน ๒
- ๒๔. เรื่องพระพุทธบุษยรัตน์
- ๒๕. ตำนานพระพุทธบุษยรัตน์
- ๒๖. เกิดเหตุเรื่องเขมรตอนที่ ๓
- ๒๗. พระราชพิธีลงสรง สมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้ามงกุฎฯ
- ๒๘. ได้พระยาเสวตรกุญชรช้างเผือกเมืองโพธิสัตว
- ๒๙. เรื่องตั้งกรม
- ๓๐. เรื่องปิดน้ำบางแก้ว
- ๓๑. ไฟใหญ่ไหม้พระนคร
- ๓๒. เรื่องสร้างพระมณฑปพระพุทธบาท
- ๓๓. เรื่องพม่าขอเปนไมตรี
- ๓๔. เรื่องสร้างเมืองนครเขื่อนขันธ์
- ๓๕. เรื่องตั้งเมืองประเทศราชมณฑลพายัพ
- ๓๖. เรื่องสมณทูตไปลังกา
- ๓๗. เรื่องเขมรตีเมืองพัตบอง
- ๓๘. เรื่องมอญอพยพครอบครัวเข้ามาพึ่งพระบารมี
- ๓๙. เรื่องจัดการปกครองเมืองนครศรีธรรมราช
- ๔๐. เรื่องตั้งเมืองกลันตันเปนประเทศราช
- ๔๑. เรื่องพม่าแหกคุก
- ๔๒. สถาปนาสมเด็จพระสังฆราช (มี)
- ๔๓. ได้พระยาเสวตรไอยราช้างเผือกเมืองเชียงใหม่
- ๔๔. เรื่องพระราชาคณะต้องอธิกรณ์
- ๔๕. เกิดเหตุเรื่องบัตรสนเท่ห์
- ๔๖. พระราชพิธีโสกันต์สมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอเจ้าฟ้ามงกุฎ
- ๔๗. ได้พระยาเสวตรคชลักษณ์ ช้างเผือกเมืองน่าน
- ๔๘. เรื่องใช้ธงช้าง
- ๔๙. เรื่องพิธีวิสาขบูชา
- ๕๐. พระราชกำหนดพิธีวิสาขบูชา
- ๕๑. กรมพระราชวังบวรสถานมงคลสวรรคต
- ๕๒. สถานที่ซี่งกรมพระราชวังบวรฯ ได้ทรงสร้าง
- ๕๓. สมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้ามงกุฎฯ ทรงผนวชสามเณร
- ๕๔. งานพระเมรุกรมพระกรมพระราชวังบวรฯ
- ๕๕. เรื่องขยายเขตรพระบรมมหาราชวัง
- ๕๖. เรื่องสร้างสวนขวา
- ๕๗. เรื่องบำรุงแบบแลบทลคร
- ๕๘. โปตุเกตเข้ามาเจริญทางพระราชไมตรี
- ๕๙. ตั้งสมเด็จพระสังฆราช (สุก ญาณสังวร)
- ๖๐. เรื่องเมืองนครจำปาศักดิ
- ๖๑. เรื่องโปตุเกตขอทำสัญญา
- ๖๒. เกิดไข้อหิวาตกะโรค
- ๖๓. ฉลองวัดอรุณราชวราราม
- ๖๔. ราชทูตญวนเข้ามาบอกข่าวพระเจ้ายาลองสิ้นพระชนม์
- ๖๕. เรื่องสังคายนาสวดมนต์
- ๖๖. เรื่องข่าวศึกพม่า
- ๖๗. เรื่องราชทูตไปเมืองจีนครั้งที่ ๒
- ๖๘. เรื่องตีเมืองไทรบุรี
- ๖๙. เรื่องอังกฤษขอเปนไมตรี
- ๗๐. ลักษณการที่ไทยค้าขายกับต่างประเทศ
- ๗๑. ท้องตราว่าด้วยการค้าขายของหลวง
- ๗๒. เรื่องครอเฟิดทูตอังกฤษเข้ามาขอทำสัญญา
- ๗๓. เรื่องเบ็ดเตล็ดที่ปรากฎในหนังสือครอเฟิด
- ๗๔. เจ้าฟ้ากรมหลวงพิทักษมนตรีสิ้นพระชนม์
- ๗๕. เรื่องสร้างวัดสุทัศน์
- ๗๖. เรื่องสถาปนาสมเด็จพระสังฆราช (ด่อน)
- ๗๗. เรื่องสร้างเมืองสมุทปราการ
- ๗๘. เรื่องขุดปากลัด
- ๗๙. เรื่องพม่าชวนญวนตีเมืองไทย
- ๘๐. เรื่องอังกฤษรบกับพม่าครั้งที่ ๑
- ๘๑. งานพระเมรุเจ้าฟ้ากรมหลวงเทพวดี
- ๘๒. เรื่องพระยาช้างเผือกล้ม
- ๘๓. สมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้ามงกุฎฯ ทรงผนวชเปนพระภิกษุ
- ๘๔. เหตุการณ์เบ็ดเตล็ดในรัชกาลที่ ๒
- ๘๕. ผลประโยชน์แผ่นดิน
- ๘๖. พระราชานุกิจ
- ๘๗. สวรรคต
- ๘๘. เรื่องสืบสันตติวงษ์
- ๘๙. พระราชโอรสพระราชธิดา ในพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาไลย
- ๙๐. พระนามพระองค์เจ้าลูกเธอ ในกรมพระราชวังบวรมหาเสนานุรักษ์
๙. เรื่องเดินสวนเดินนา
(๗) การเดินสวนเดินนานั้น ปรากฎในพระราชพงษาวดารฉบับเจ้าพระยาทิพากรวงษ์ ว่าทำเมื่อปีมแมตรีศก จุลศักราช ๑๑๗๓ พ.ศ. ๒๓๕๔
การเดินสวนนั้น เพราะเหตุที่วิธีเก็บเงินอากรสวนเก็บตามจำนวนแลชนิดต้นผลไม้ซึ่งให้ประโยชน์แก่เจ้าของสวน ต้นไม้อาจจะปลูกขึ้นใหม่ หรือของเก่าตายไป แลที่สุดที่สวนซึ่งเจ้าของเปลี่ยนเปนนา หรือที่ป่าเจ้าของทำขึ้นเปนสวน การเปลี่ยนแปลงเหล่านี้มีอยู่เสมอ เพื่อจะให้เจ้าของสวนได้รับความยุติธรรม คือ แบ่งส่วนผลประโยชน์ที่ได้โดยจริงเปนเงินอากรของหลวง ไม่ให้มากหรือน้อยเกินไป จึงมีประเพณีนานๆ แต่งเจ้าพนักงานออกไปเดินสวนครั้ง ๑ ให้รู้ความที่เปนจริงอยู่อย่างไร ถือเปนคติกันมาว่า เมื่อเปลี่ยนรัชกาลใหม่เปนกำหนดที่จะเดินสวนครั้ง ๑ แต่ในรัชกาลเดียวที่นานปี เช่นรัชกาลที่ ๕ เดินสวนถึง ๒ หน ๓ หนก็มี ข้าหลวงเดินสวนมีน่าที่ตรวจรังวัดที่ดินแลทำโฉนดให้แก่เจ้าของสวน ในหนังสือโฉนดนั้นลงไว้ว่า สวนใดมีต้นผลไม้ซึ่งต้องพิกัดอากรอย่างใดเท่าใด เมื่อเดินสวนแล้ว เจ้าพนักงานพระคลังสวนก็เก็บเงินอากรตามโฉนดซึ่งข้าหลวงเดินสวนได้ทำไว้ทุกปีไป จนกว่าจะได้เดินสวนใหม่ เปนประเพณีมีมาดังนี้
การเดินนานั้น เหตุก็คล้ายกันกับการเดินสวน แต่ในครั้งรัชกาลที่ ๒ ยังไม่ได้เก็บเงินค่านา ใช้เก็บหางเข้าตามอย่างโบราณ (วิธีเก็บเงินค่านาพึ่งมามีขึ้นในรัชกาลที่ ๓) ลักษณเก็บหางข้าวนั้น คือราษฎรทำนาได้เข้ามากน้อยเท่าใด แบ่งส่วนเปนภาคหลวงตามสมควร ในรัชกาลที่ ๒ เก็บภาคหลวงไร่ละ ๒ สัดครึ่ง เจ้าของนาต้องขนเข้าอันเปนส่วนหางเข้ามาส่งขึ้นยุ้งฉางของหลวงเอง แลลักษณการที่เก็บหางเข้านั้น กำหนดนาเปน ๒ อย่าง คือ นาในที่ใดอาไศรยได้ทั้งน้ำฝนแลน้ำท่าซึ่งหลากมาตามฤดูกาล กำหนดนาเช่นว่านั้นว่านาน้ำท่า วิธีเก็บหางเข้าเก็บด้วยวิธีคู่โค[๑] คือนับจำนวนโค (กระบือ) ที่ใช้ทำนาในที่นั้นๆ ด้วยถือเปนยุติว่า โคคู่ ๑ คงจะทำนาในที่เช่นนั้นได้ผลประมาณปีละเท่านั้น เอาเกณฑ์จำนวนโคขึ้นตั้งเปนอัตราหางเข้าที่จะต้องเสีย เพราะฉนั้นนาคู่โคถึงจะทำหรือมิทำจึงต้องเสียหางเข้า
นาอิกอย่างหนึ่งซึ่งอาไศรยทำแต่ด้วยน้ำฝนอย่างเดียว คือเปนนาที่ดอนซึ่งน้ำท่าขึ้นไม่ถึง วิธีเก็บหางเข้าเรียกว่าเก็บอย่างฟางลอย คือกำหนดเอาท้องที่ๆ ได้ทำนาจริงๆ จึงต้องเสียหางเข้า ที่แห่งใดถึงจะเปนนา ถ้าปีใดไม่ได้ทำก็ไม่ต้องเสียหางเข้า เอาตอฟางเมื่อเกี่ยวเข้าแล้วเปนที่สังเกตเก็บค่านาโดยวิธีนี้ จึงเรียกว่า นางฟางลอย
ข้าหลวงเดินนาเมื่อสำรวจรู้จำนวนนาเสร็จแล้ว ส่วนนาคู่โคออกหนังสือสำหรับที่ให้แก่เจ้าของ หนังสือนั้นเรียกว่าตราแดง ส่วนหนังสือซึ่งออกให้สำหรับนาฟางลอยเรียกว่าใบจอง หนังสือทั้ง ๒ อย่างนี้ให้กรรมสิทธิ์แก่เจ้าของที่ดินผิดกัน ที่นาซึ่งมีตราแดง จะทำหมดหรือไม่หมดเนื้อที่ประการใดก็ตาม ถ้าเจ้าของที่เสียหางเข้าอยู่แล้วก็มีกรรมสิทธิ์ไม่ขาด ส่วนใบจองนั้น ถ้าเจ้าของที่ไม่ได้ทำเพียง ๓ ปี กรรมสิทธิ์กลับเปนของหลวง
มีการอิกอย่าง ๑ ซึ่งปรากฎว่าได้จัดในคราวปีมแมตรีศกนั้น คือตั้งพระราชกำหนดไม่ให้คนสูบแลซื้อขายฝิ่น ได้พบต้นหนังสือพระราชกำหนดที่เมืองนครศรีธรรมราช จึงได้คัดมาลงไว้ต่อไปนี้
[๑] คำที่เรียกว่านาคู่โคยังเรียกกันมาจนทุกวันนี้ ท้องที่ซึ่งเก็บด้วยวิธีคู่โค แต่ก่อนมามีแต่ ๔ เมือง คือ กรุงเก่า เมืองลพบุรี เมืองอ่างทอง เมืองสุพรรณบุรี แต่เหตุใดจึงเรียกว่านาคู่โค ข้อนี้ ข้าพเจ้าเองแต่แรกก็ไม่ทราบอยู่นาน จนได้ไปเห็นวิธีเก็บหางเข้าที่เมืองปัตตานี เขานับตามจำนวนคู่โคที่ใช้ทำนา ว่ามีโคคู่ ๑ ต้องเสียหางเข้าเท่านั้น ๆ ได้ความว่าเก็บอย่างนั้นมาแต่โบราณ จึงได้ความรู้ว่า ที่เรียกว่านาคู่โคนั้น มาแต่วิธีเก็บอย่างนี้เอง