เสรีภาพหนังสือพิมพ์

เอกสารฉบับนี้ เป็นหลักฐานแสดงถึงระบบสมบูรณาญาสิทธิราชย์ของไทยเรานั้น มีอะไรแปลกกว่าของคนอื่นอยู่ข้อหนึ่งคือ พระมหากษัตริย์ไม่เคยใช้อาญาสิทธิ์อย่างสมบูรณ์ เมื่อเกิดความเห็นแตกต่างกับหนังสือพิมพ์หรือมติมหาชน ดังจะได้คัดข้อความจาก “ประกาศไม่ให้เชื่อฟังเรื่องที่มีผู้มีคดีไม่ฟ้อง เอาไปลงหนังสือพิมพ์” เป็นการแสดงให้เห็นความเป็นประชาธิปไตยของพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว

คดีเนื้อความในกรุงนอกกรุง มีโจทก์จำเลยสู้ความกันอยู่ ก็เมื่อตระลาการหรือผู้ชี้ขาดผู้ปรับทำการไม่เป็นธรรม์ คู่ความที่ต้องขัดข้อง ก็ควรทำใบร้องยื่นต่อท่านเสนาบดีที่หัวเมืองนั้น ๆ หรือโรงศาลนั้น ๆ ได้ขึ้นอยู่ โดยว่าท่านเสนาบดีจะบังคับความไม่เป็นที่ชอบใจ ด้วยเลินเล่อไป มักง่ายไป หรือเข้าใจผิด ผู้ต้องคดียังสงสัยไม่ยอมเห็นด้วย พระบรมราชวโรกาสคือกระแสพระราชโองการทรงพระมหากรุณาโปรดว่า ใคร ๆ ในไพร่ฟ้าข้าแผ่นดินไม่เลือกหน้าบรรดาที่เป็นความอยู่โรงศาล ถูกคุมเหงแต่ตระลาการเจ้ากระทรวงใด ๆ ก็ให้ทำฎีการ้องทุกข์ถวายเมื่อเวลาเสด็จออกพระที่นั่งสุทไธสวรรย์ก็ได้ จะฝากญาติพี่น้องเจ้าขุนมูลนายให้ถวายข้างหน้าข้างใน เมื่อใดเมื่อหนึ่งก็ได้ จะทรงพิเคราะห์ไต่ถามเอาความจริงชำระตัดสินให้ การประกาศเปิดอยู่อย่างนี้ไม่มีที่ขัดข้อง เพราะฉะนั้นผู้เจ้าคดีข้อความในเรื่องใด ๆ ไม่เดินตามทาง เอาเงินไปจ้างโรงพิมพ์ลงหนังสือพิมพ์กล่าวโทษตระลาการแลความต่าง ๆ ด้วยเข้าใจว่า หนังสือพิมพ์จะไหลมายังพระเนตรพระกรรณ การที่ลงหนังสือพิมพ์กล่าวโทษอย่างนั้นเป็นที่พิรุธไป จะให้ในหลวงถือเอาคำกล่าวในหนังสือพิมพ์มาไต่ถามชำระสะสางไม่ได้ ผู้ไปลงหนังสือพิมพ์พิรุธไปว่าประจานตระลาการมีความผิดอยู่ จะดูเยี่ยงเรื่องอำแดงพลับเมืองจันทบุรีไม่ได้ เรื่องนั้นขัดข้องกีดขวางด้วยชื่อผู้มีหลักผู้ใหญ่ที่เมืองจันทบุรีขึ้น ความจึงไปติดอยู่ แลความนั้นก็ไกลกรุงเทพ ฯ

ผู้จะร้องอุทธรณ์มาไม่ถึง แต่เป็นชาวนอกกรุงงกงัน กลัวชื่อผู้หลักผู้ใหญ่ หมอสมิทออกไปเที่ยวเมืองจันทบุรีได้ความมาเป็นประหลาดหู ก็มาลงพิมพ์เล่น ครั้นได้ทราบความ รับสั่งถามเจ้านายของอำแดงพลับ เจ้านายของอำแดงพลับกราบทูลยืนยันเหมือนตั้งเป็นคำโจทก์ขึ้น จึงได้โปรดให้ชำระความจริง เพื่อจะบำบัดการที่ราษฎรงกงันกลัวชื่อท่านผู้หลักผู้ใหญ่ไปในอันใช่ที่ แลคดีเรื่องนั้นผู้ยืนยันก็เป็นพระองค์เจ้าในพระราชวัง เป็นตั้งโจทก์มั่นคง จึงโปรดให้ชำระ ที่ความเรื่องอื่นโจทก์จำเลยมีตัวเป็นคู่ความกันอยู่ในโรงศาลในกรุงเทพ ฯ ควรจะเรียนเสนาบดีแลร้องฎีกา เมื่อไม่เรียนไม่ร้อง ไปลงพิมพ์ประจานตระลาการแลคู่ความเหมือนหนังสือทิ้ง ผู้ไปจ้างโรงพิมพ์ลงพิมพ์มีความผิดอยู่ ทำคดีของตัวให้พิรุธง่อนแง่นไปไม่น่าเชื่อ เพราะเห็นว่าว่าเขาตรง ๆ ไม่ได้แล้ว จึงไปลงพิมพ์นินทาเขาให้ได้อาย เจ้าของความที่ไปลงพิมพ์ชื่อว่าทุบต่อยแข้งขาของตัวเองให้มีกำลังอ่อนไป ถึงจะว่าความไป ก็เป็นที่สงสัยว่าไม่ซื่อตรง คดีเช่นนี้ผู้อ่านหนังสือพิมพ์อย่าเชื่อนัก

หนังสือพิมพ์บ่นเพ้อด้วยเรื่องเมืองสมุทรสงคราม ความนี้ก็เห็นจะเป็นความจริงอยู่โดยมาก ชาวเมืองสมุทรสงครามมีคนพาลทำเกะกะมากจริง ความฎีกาก็ได้เกิดเป็นหลายราย คือฆ่ากันตายแลฉุดผู้หญิงไปทำชำเรา ความฟ้องแล้วชำระโตงเตงกันอยู่ในเมืองนั้นบ้าง มาโตงเตงอยู่ในกรมท่าบ้างกรมเมืองบ้าง เมื่อมาร้องฎีกาถวาย ก็ได้ทรงชำระโดยสุจริต ได้ตัวผู้ผิดเอามาลงพระราชอาญาหน้าพระที่นั่งสุทไธสวรรย์ที่เป็นหลายราย แลที่ว่ามีผู้แก้ไขด้วยเห็นแก่สินบน ความนั้นก็มีจริงทรงจับได้ คือตระลาการศาลกรมท่า พระพิพากษาคนเก่ามากราบทูลแก้ไขว่าชายหญิงรักใคร่กันเองตามกันไป ไม่ได้ฉุดไปแต่เรือนบิดามารดา ภายหลังหญิงมาร้องว่าไม่ได้รักชายที่ฉุดไป เป็นแต่พระพิพากษาทูลแก้ไขด้วยเห็นแก่สินบน ทรงชำระได้ความจริง ชายผู้ฉุดก็ได้ให้ลงพระราชอาญาแล้วส่งขึ้นคุก พระพิพากษาให้ถอดเสียจากที่ การประสมประเสในกรมท่า ซัดกันมาโยนกันไป เมื่อมีผู้ร้องฎีกาหรือให้พวกพ้องเอาฎีกามาถวาย มีปากยืนยันแล้ว ก็ได้เคยทรงเร่งรัดกรมท่าแข็งแรงเอาตัวผู้ผิดมาจนได้ แลที่ว่าเอาส่งคุกส่งตะรางไว้แล้วหนีไปได้ หรือมีผู้เอาเงินแล้วปล่อยไปเสียนั้น ก็มีจริง เหมือนอ้ายกุหลาบเป็นบุตรนายกองในกรมท่า ฉุดหญิงของราษฎรมาข่มขืน แล้วเอามาขายความฟ้องที่เมืองสมุทรสงคราม ก็โตงเตงชำระไม่แล้ว ส่งเข้ามาที่กรุงเทพ ฯ ก็โยนกันมาโยนกันไป จนความร้องฎีกา รับสั่งจะเร่งเอาตัว ยังมีผู้ไปยุ ฯ พณ ฯ กรมท่า ให้เขียนหนังสือกราบทูลพระกรุณาโต้ทานผิด ๆ ถูก ๆ ไป จนทรงขัดเคืองเป็นอันมาก เร่งเอาตัวอ้ายกุหลาบมาจนได้ ลงพระราชอาญาเฆี่ยนทั้งบิดาแลบุตร แล้วเอาตัวอ้ายกุหลาบไปส่งขึ้นคุกไว้ อยู่ในคุกไม่ช้าปล่อยให้หนีไปได้ ได้มีรับสั่งให้ตำรวจไปจับตัวมาลงพระราชอาญาแล้วส่งขึ้นคุกอีก แต่ผู้เจ้าถ้อยหมอความตัวก่อความเอง แล้วร้องฟ้องกล่าวโทษผู้อื่นเป็นแถวไปตามบ้าน หรือกล่าวการที่เหม่นเหม่ไม่สมจริง เก็บเอาคดีผู้อื่นมาว่าก็มีเป็นอันมาก เมืองสมุทรสงครามรกเรี้ยวมากกว่าทุกเมือง ในหลวงก็เห็นจริงด้วย แต่ผู้ที่มาบ่นพึมพำลงหนังสือพิมพ์นั้น จะให้ในหลวงเอาหนังสือพิมพ์ ว่ากล่าวนั้นไม่ได้ เพราะทางมีอยู่ไม่เดินตามทาง ทางนั้นคือผู้รักษาเมือง กรมการที่ต้องฟ้องแก่เขา ที่ถ้าโตงเตงอยู่ที่ต้องอุทธรณ์หน้าโรง ถ้าการไปไม่ตลอด จะมาอุทธรณ์ศาลหลวงกรุงเทพ ฯ ก็ได้ กราบเรียน ฯ พณ ฯ กรมท่าก็ได้ หรือความส่งเข้ามาในกรุง เมื่อไปขัดอยู่โรงใดศาลใดให้ทำฎีกาถวาย ถวายเองก็ได้ ให้ใคร ๆ ถวายก็ได้ แต่ให้มีตัวโจทก์มายืนยัน แต่ซึ่งจะทิ้งหนังสือก็ดี ไปบ่นเพ้อในหนังสือพิมพ์ถึงปักหน้าค่าชื่อ ก็จะหยิบยกขึ้นว่าไม่ได้ โรงหนังสือพิมพ์มักเชื่อคนสิ้นคิด ความสู้เขาไม่ได้จะแพ้เน่าแล้วไม่อาจมาร้องฎีกา จึงไปลงหนังสือพิมพ์ ครั้นในหลวงไม่เชื่อ จึงไปเก็บเอาโน่นเอานี่มาบ่นทับถมเมืองนั้น จะเอาชนะให้ได้ รู้เท่าอยู่แล้ว ใจคนขาวสำคัญว่าคนขาวเหมือนกันนั้นแลเป็นคน คนดำเหมือนมิใช่คน ถึงจะชอบพอรักใคร่กับคนดำ ก็เหมือนชาวเรือขึ้นล่องชอบกับลิง โยนกล้วยโยนอ้อยให้กิน ไม่ได้รักลิงเป็นญาติพี่น้อง

มีพระบรมราชโองการดำรัสให้ประกาศว่า หนังสือทิ้งแลหนังสือไปลงพิมพ์บ้านหมออังกฤษทั้งสองอย่างนี้ จะเชื่อฟังเอาเป็นจริงไม่ได้ เห็นเป็นการพิรุธนัก เพราะใครทำอย่างนั้นเห็นชัดว่าจะว่าเขาตรง ๆ ไม่ได้ จะแกล้งนินทาว่าประจานเขาให้ความยิ่ง ๆ ไปเท่านั้น ถ้าจริงแล้ว ทางที่จะว่านั้นมีอยู่ คือที่โรงศาล แลร้องถวายฎีกา เปิดเผยอยู่ไม่ห้าม ทรงพระกรุณาโปรดว่า ผู้มีทุกข์ร้อนเกี่ยวข้องอย่างไร ๆ ให้มาร้องถวายฎีกา ถ้าตัวผู้นั้นต้องกักขังจองจำอยู่มาไม่ได้ จะให้เจ้าขุนมูลนาย หรือญาติพี่น้องพวกพ้อง หรือใคร ๆ มาถวายก็ได้ ถวายข้างหน้าก็ได้ ข้างในก็ได้ ทางมีอยู่อย่างนี้ไม่เดินตามทางกลับไปลงหนังสือพิมพ์บ้าง ทำ นังสือทิ้งบ้าง เห็นเป็นพิรุธนัก ถึงจะว่าปักหน้าค่าชื่อ หรือกล่าวโทษบ้านเมืองต่าง ๆ จะให้ในหลวงทรงหยิบเรื่องในหนังสือพิมพ์ออกชำระเอา เป็นเหตุเป็นผลนั้นไม่ได้ ใครทำอย่างนั้น เหนื่อยเปล่า ท่านผู้ที่ได้รับหนังสือพิมพ์ไปอ่านแล้ว อย่าเชื่อฟังเอาเป็นจริง ให้เข้าใจดังประกาศนี้ เถิด ฯ

----------------------------

 

แชร์ชวนกันอ่าน

แจ้งคำสะกดผิดและข้อผิดพลาด หรือคำแนะนำต่างๆ ได้ ที่นี่ค่ะ