ศพค้างคืน

ความสกปรกของคนสมัยก่อนเรื่องหนึ่งก็คือการศพ ซึ่งใช้ประเพณีที่ล้าหลังจนลืมนึกถึงความอุจาด และการรักษาสุขภาพอนามัย วัดบางวัด ก็ไม่เก็บปกปิดให้มิดชิด ต้องร้อนถึงในหลวงรัชกาลที่ ๔ ซึ่งทรงทนเห็นภาพอันน่าทุเรศไม่ไหว มีพระบรมราชโองการประกาศแก่พระราชาคณะพระครูเจ้าอธิการและเจ้าพนักงานนั้น ๆ ทุกตำแหน่งในกรุงเทพฯ และหัวเมือง ให้ได้ทราบทั่วกันว่า

...ธรรมเนียมในสยามมีการไว้ศพค้างวันค้างคืนจนมีกลิ่นเหม็น เป็นปฏิกูลร้ายกาจนัก แลชักศพแห่ไปทำบุญให้ทานเปิดศพออกชำระแล้วจึงถมร่างศพฝังไว้คืน ๑ หรือ ๒ คืน ๓ คืน แล้วจึงขุดขึ้นทำบุญอีกแล้วจึงเผาก็มีตามป่าช้า พระอารามนั้นทุกแห่งไป ก็ศพที่ตายใหม่ ๆ ในวันนั้นก็ดี หรือศพที่ล่วงวันค้างคืนมาแล้วมีกลิ่นร้ายแรงนักก็ดี ในทางที่เสด็จพระราชดำเนินโดยทางสถลมารค ชลมารค ณ วันใดเวลาใด ไม่ควรจะให้ประจวบมีเวลานั้น แลทอดทิ้งอยู่ที่ใกล้เคียงตามทางที่เสด็จพระราชดำเนินนั้น ควรต้องหลีกเลี่ยงไป หรือผ่อนผันเอาศพนั้นไปเสียให้พ้นไกลแต่ทางนั้น อย่าให้เป็นที่ทอดพระเนตรได้เป็นอันขาด ว่าถึงการเก่า ๆ ที่ล่วงแล้วมา ทรงระลึกได้ในแผ่นดินพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย ๔ ครั้ง ๆ หนึ่งมีที่เสด็จพระราชดำเนินโดยการพระศพพระองค์เจ้าทองคำ ณ วัดดุสิตาราม เสด็จพระราชดำเนินกลับถึงพระตำหนักแพ กระบวนแห่ศพพระยาพิพัฒโกษาก่อน พระยาพิพัฒโกษา (มิตร) ตั้งบนชั้นตาดผ้าขาว มีเครื่องสังเค็จเลื่อน ๆ ชักมาทอดอยู่ตรงหน้าพระตำหนักแพข้าม อีกครั้งหนึ่งมีที่เสด็จพระราชดำเนินเวลาเช้าอย่างครั้งก่อน กระบวนแห่ศพพระยาราชสุภาวดี (มอญ) เครื่องแต่งตั้งคล้าย ๆ กับศพก่อน ชักมาทอดอยู่ตรงหน้าพระตำหนักแพข้าม เมื่อเวลาเสด็จที่พระตำหนักแลการในศพทั้ง ๒ เวลานั้นได้ทรงพระราชดำริว่า ข้าราชการในครั้งนั้นชะรอยจะถือลัทธิสำคัญผิด ๆ ว่าเป็นศพหลวง จึงได้รอไว้จนเวลาสายแล้วชักมาเฉพาะจะให้ประจวบเวลาเสด็จพระราชดำเนินกลับ จะได้ถวายตัวทอดพระเนตร เห็นจะประสงค์อย่างนี้กระมัง แต่การอย่างนี้ไม่ควรถวายลำถวายตัวทอดพระเนตร ด้วยเป็นการประมงคล ควรจะหลบหลีกให้พ้นทางเสด็จ แลอย่าให้พ้องผ่านเวลาเสด็จพระราชดำเนินจึงจะสมควร แต่ไม่มีผู้ใดว่าขานประการใด การที่เป็นแล้วไป อีกครั้งหนึ่งที่วัดทองนพคุณยังโรเรอยู่ เจ้าอธิการ (แสง) เป็นพระญาณรังศรี ที่พระราชาคณะรับพระกฐินหลวง ถึงฤดูกฐิน พระราชทานพระกฐินให้สมเด็จพระเจ้าลูกเธอซึ่งทรงพระเยาว์เสด็จไปพระราชทาน เมื่อสมเด็จพระเจ้าลูกเธอรับผ้าพระกฐิน เสด็จไปถึงวัดแล้วเสด็จขึ้นทางสะพานยาว พระเจ้าลูกเธอที่ยังทรงพระเยาว์พระองค์อื่นเสด็จไปด้วยหลายพระองค์ เมื่อเสด็จจวนจะใกล้ถึงกำแพงพระอุโบสถยังอีกประมาณ ๒ วา กลิ่นศพเหม็นกล้าร้ายแรงนักฟุ้งตระหลบมา ต่างพระองค์ดำรัสว่ากลิ่นอะไร ครั้นทอดพระเนตรไปเห็นโลงปิดกระดาษ ปากโลงปิดกระดาษแดง ตั้งอยู่ในศาลาสามห้องอยู่ริมทางนั้น จึงทราบว่ากลิ่นศพมาแต่นั้นเป็นแน่แล้ว เสด็จไปในพระอุโบสถถวายพระกฐินแล้ว เสด็จมาถึงที่ตรงนั้นต้องทรงปิดพระนาสิก เสด็จรีบเร็วมา เมื่อเวลานั้นก็ได้ทรงพระราชดำริว่า บรรดาเจ้าพนักงานที่มาในเวลานี้ ช่างกระไรไม่มีใครดูแลเอาใจใส่จัดการให้ดี ปล่อยให้ศพเช่นนี้มาตั้งอยู่ที่ริมทางเจ้านายเสด็จมา ไม่สมควรเลย ฝ่ายพระญาณรังศรังศรีที่เป็นผู้ใหญ่ไม่มีอัธยาศัย ฝ่ายพระสงฆ์ที่เข้าใจวิปลาสผิด ๆ ไปอย่างพระพรหมเทพาจาริย์นั้นจะมีอยู่ไหนบ้างก็ยากที่จะหยั่งรู้ เกลือกจะคิดผิด ๆ ไปแล้วจะเอาศพมาไว้ในที่ทางเสด็จพระราชดำเนิน ฝ่ายเจ้าพนักงานเล่าจะเลินเล่อใจไม่สังเกตว่าอะไรจะงาม อะไรจะไม่งาม จะไม่เอาใจใส่ว่าอะไรจะงามจะดี อะไรจะไม่งามจะไม่ดี ของสกปรกเป็นอัประมงคลเช่นนี้ไม่ควรจะเอามาไว้ในศาลาที่ใกล้ถนนในวันเจ้านายเสด็จมาเช่นนี้ ถึงจะยังไม่ได้เผาที่ควรจะยกเอาไปไว้เสียที่อื่นให้พ้นจึงจะชอบ ครั้นปีหลัง ๆ มา เสด็จรับผ้าพระกฐินไปอีก เมื่อเสด็จขึ้นไปถึงศาลานั้นต้องทรงสังเกตดูแต่ไกล เกลือกจะมีศพมาทิ้งไว้ที่นั้นให้หวั่นพระทัยไม่รู้หายเลย

เรื่องราวดังที่กล่าวมาทั้งหมดนี้ ชี้ให้เห็นว่าพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวพระองค์นี้ ทรงเป็นนักสุขวิทยา และทรงต้องการให้วัดอารามทั้งหลายทั้งปวงอยู่ในสภาพที่เป็นวัดเหมาะแก่การบำเพ็ญพรตที่สุด เพราะการรักษาความสะอาด นอกจากจะเป็นเรื่องจำเป็นในทางสุขวิทยาแล้ว ยังเป็นเครื่องเชิดชูให้วัดเป็นสถานที่สำหรับสงบสติอารมณ์อย่างแท้จริงอีกประการหนึ่ง

----------------------------

แชร์ชวนกันอ่าน

แจ้งคำสะกดผิดและข้อผิดพลาด หรือคำแนะนำต่างๆ ได้ ที่นี่ค่ะ