บ่อนพนันใน “วังหน้า”

อบายมุขเป็น “ของชอบ” ของมนุษย์ทุกชาติทุกภาษา ตราบใดที่มนุษย์ผู้นั้น ๆ ไม่สามารถตัดความโลภได้ การพนันบางอย่างกฎหมายของบ้านเมืองห้ามก็ยังแอบลักเล่นกัน ไม่ว่าจะเป็นชาวบ้านร้านถิ่นตามบ้านนอกคอกนา แม้ในวังก็ยังลอบเล่นกันจนเกิดความเสียหาย อย่างที่ประกาศพระราชบัญญัติฝ่ายพระบวรราชวัง หรือ “วังหน้า” เรื่องเล่นเบี้ยในพระบวรราชวังจากหมายรับสั่งเมื่อเดือน ๘ ปีฉลู พ.ศ. ๒๓๙๖ ความว่า

ด้วยพระยาเทพมณเฑียร รับพระบวรราชโองการใส่เกล้า ฯ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ สั่งว่า พระวรวงศ์เธอชั้น ๒ พระองค์เจ้าอรุณ กราบบังคมทูลพระกรุณาว่า พระวรวงศ์เธอพระองค์เจ้าหญิงสุด ลงไปพระบรมมหาราชวัง ออกไปพระเมรุพระศพสมเด็จพระนางนาถโสมนัสวัฒนาวดี มอบลูกกุญแจตำหนักไว้กับข้าหลวง แล้วใช้ให้แหข้าหลวงขึ้นมาเอาหมากพลูเสวยที่ตำหนัก แหเอาลูกกุญแจไขประตูตำหนักออก แล้วเปิดบานประตูหาออกไม่ แหจึงเดินไปดูรอบตำหนัก เห็นหน้าต่างเฉลียงตำหนักบานเปิดแย้มอยู่ แหจึงเปิดบานหน้าต่างเข้าไปในตำหนัก เห็นประตูใส่กลอนไว้ แหจึงรู้ว่าผู้ร้ายเข้าในตำหนัก จึงเอาความไปทูลพระองค์เจ้าหญิงสุดที่พระเมรุ พระองค์เจ้าหญิงสุดกลับเข้าไปบรรทมอยู่ในพระบรมมหาราชวังคืนหนึ่ง ครั้นรุ่งขึ้นเวลาเย็นพระองค์เจ้าหญิงสุดจึงได้กลับเข้ามาในพระบวรราชวัง ตรวจสิ่งของไขลูกกุญแจกำปั่นกุญแจ หีบออกดู ทองรูปพรรณหายไปหลายสิ่ง คิดเป็นทองคำหนัก ๑๘ ตำลึงบาท กับข้อความเป็นหลายประการ ได้ทราบใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาทแล้ว ทรงเห็นว่าชะรอยจะเป็นคนนอกพระบวรราชวัง เข้ามาคบหากันกับคนในพระบวรราชวังเป็นผู้ร้าย จึงคิดการเอาสิ่งของไปได้ดังนี้ จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ ให้พระยาบริรักษ์ราชา พระพรหมสุรินทร์ พระพรหมธิบาล พระศรีพิทักษ์ เป็นตุลาการชำระเอาตัวผู้ร้ายให้จงได้ ตุลาการพิจารณาได้ความว่า อีปริกภรรยานายนุดอยู่นอกพระบวรราชวังเข้าไปคบหากันกับหม่อมหุ่น หม่อมนวม ในพระบวรราชวัง ตั้งบ่อนไพ่บ่อนถั่วมาหลายครั้ง เสียหายสิ้นทรัพย์สิ่งของจนเป็นหนี้ลง อีปริกกับหม่อมหุ่น หม่อมนวมคิดกันว่า พระองค์เจ้าหญิงสุดไม่อยู่ ลูกกุญแจประตูตำหนักอยู่กับข้าหลวง ขำหาอยู่ไม่ ไปดูงานพระศพ อีปริกกับหม่อมหุ่น หม่อมนวมจึงไปหาลูกกุญแจได้ริมที่นอน เพลา ๕ โมงเช้า อีปริกเอาลูกกุญแจไขประตูตำหนักให้หม่อมหุ่น หม่อมนวมเข้าไปในน้ำหนัก อีปริกลั่นกุญแจประตูไว้ดังเก่า แล้วเอาลูกกุญแจไว้ข้างที่นอนตามเดิม อีปริกจึงมาคอยดูระวังคนข้างนอก หม่อมหุ่น หม่อมนวมจึงลั่นกลอนประตูไว้ แล้วค้นหาลูกกุญแจหีบกำปั่น ได้ลูกกุญแจกำปั่นในหีบหนัง จึงเอาลูกกุญแจไขได้ทรัพย์สิ่งของทองรูปพรรณหลายสิ่งเป็นทองคำหนัก ๑๘ ตำลึงบาท หม่อมหุ่น หม่อมหม่อมนวมเปิดหน้าต่างข้างเฉลียงออกมา แต่กลอนประตูนั้นใส่อยู่ หาถอดไม่ หม่อมหุ่น หม่อมนวมพาทองรูปพรรณไปที่เรือนหม่อมหุ่น พอดวงแก้วมารดาหม่อมหุ่นเข้าไปเยี่ยมหม่อมหุ่นอยู่ที่นั้นด้วย หม่อมหุ่นกับหม่อมนวมจึงเอาทองรูปพรรณออกมาตัดแบ่งออกเป็น ๔ ส่วน ให้อีปริกส่วนหนึ่ง ดวงแก้วมารดาหม่อมหุ่นส่วนหนึ่ง ยังอีก ๒ ส่วนนั้นหม่อมหุ่น หม่อมนวมปันกันคนละส่วน ตุลาการให้ชำระเร่งเอาทองรูปพรรณซึ่งผู้ร้ายลักไปถวายพระวรวงศ์เธอพระองค์เจ้าหญิงสุดแล้ว ตุลาการจึงนำข้อความทั้งนี้ขึ้นกราบบังคมทูลพระกรุณาใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาท ทรงพระราชดำรัสว่า ในพระบวรราชวังนี้ แต่ก่อนหามีผู้ใดบังคับว่ากล่าวรักษาพระบวรราชวังเด็ดขาดไม่ คนนอกพระราชวัง เข้าไปอาศัยอยู่ในพระบวรราชวังก็มีอยู่มาก ที่เป็นคนนักเลงทุจริตก็มี เป็นข้าเจ้าบ่าวนายหลบหนีเข้าไปอาศัยอยู่ก็มีบ้าง คบหากันเข้ากับคนในพระบวรราชวังเล่นเพื่อน ตั้งบ่อนถั่ว บ่อนแปดเก้า เล่นหวย การพนันต่าง ๆ จนสิ้นทรัพย์สิ่งสิน เกิดโจรผู้ร้ายมาช้านาน ครั้นเสด็จขึ้นพระบวรราชาภิเษกแล้ว ตั้งพระทัยอยู่เป็นนิจที่จะทำนุบำรุงพระราชวงศานุวงศ์ แลข้าราชการผู้ใหญ่ผู้น้อย จะให้ถาวรขึ้น สิ่งใดที่ชั่วมาแต่ก่อนมิให้ประพฤติ จะให้ประพฤติแต่การที่สิ่งอันดี เป็นผลประโยชน์ต่อไปภายหน้า จึงโปรดเกล้า ฯ ให้ตั้งท้าวสัตยานุรักษ์เป็นผู้ใหญ่ว่าราชการในพระบวรราชวัง แล้วโปรดตั้งจ่าศาลา จ่าด้าน ทนายเรือนโขลน พระราชทานยศถาศักดิ์ให้ทั้งผู้ใหญ่ผู้น้อยครบพนักงานอยู่แล้ว หวังพระทัยจะมิให้คนพาลภายนอกเข้ามาคบหากันกับคนในพระบวรราชวัง เป็นพาลกระทำความชั่วต่อไป แล้วท้าวสัตยานุรักษ์กับจ่าศาลา จ่าด้าน ทนายเรือนโขลน มีความประมาท หาตรวจตราราชการในพระบวรราชวังให้รอบคอบไม่ แลให้อีปริกเข้าไปคบหากันกับหม่อมหุ่น หม่อมนวม ตั้งบ่อนเล่นเบี้ยเสียกันลงจนถึงเป็นโจรผู้ร้าย ให้เคืองใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาทดังนี้ โทษท้าวสัตยานุรักษ์กับจ่าทนายเรือนโขลนมีความผิดอยู่ด้วยกันเป็นอันมาก ครั้นจะให้ลงพระราชอาญาตามโทษานุโทษเล่า ก็ทรงเห็นว่าท้าวสัตยานุรักษ์ทนายเรือนโขลนล่วงพระราชอาญาผิดแต่ครั้งเดียว จึงโปรดพระราชทานโทษให้ภาคทัณฑ์ไว้ครั้งหนึ่งก่อน แต่หม่อมหุ่น หม่อมนวม ดวงแก้ว อีปริก ซึ่งคบหากันเป็นผู้ร้ายนั้น จะให้ลงพระราชอาญาตามโทษานุโทษ

จึงมีพระบวรราชโองการตรัสเหนือเกล้า ฯ สั่งว่า ตั้งแต่ ณ วันอังคาร เดือน ๘ อุตราษาฒ ขึ้น ๒ ค่ำ ปีฉลู เบญจศกสืบไป ห้ามมิให้พระองค์เจ้า หม่อมเจ้า เจ้าจอม หม่อมพนักงาน ท้าวนาง จ่าโขลน ข้าราชการผู้ใหญ่ผู้น้อย แลข้าเจ้าบ่าวนายที่อยู่ในพระบวรราชวัง คบหากันตั้งบ่อนโป บ่อนถั่ว บ่อนกำดัด บ่อนเล่นแปดเก้า แทงหวย แลเล่นการพนันต่าง ๆ ซึ่งจะให้เสียทรัพย์สิ่งสินแก่กัน นอกจากสงกรานต์ ๔ วัน ตรุษจีน ๓ วัน เป็นอันขาดทีเดียว ให้ท้าวนาง จ่าศาลา จ่าด้าน ทนายเรือนโขลน ซึ่งเป็นพนักงานรักษาพระบวรราชวัง หมั่นตรวจตราดูแลให้รอบคอบจงเป็นนิจ อย่าได้มีความประมาท ถ้าผู้ใดมิฟังตามพระราชบัญญัติห้ามปราม ขึ้นคบหาชักชวนกันลักลอบตั้งบ่อนเล่นโป เล่นถั่ว เล่นกำดัด เล่นแปดเก้า แทงหวย แลการพนันต่าง ๆ ให้เสียทรัพย์สิ่งสินแก่กันต่อไป เจ้าพนักงาน จ่าศาลา จ่าด้าน ทนายเรือน โขลน จับได้ด้านผู้ใดก็ดี แลผู้อื่นจับได้ก็ดี มีผู้มาร้องฟ้องชำระเป็นสัจ ก็ให้ปรับไหมผู้ที่เป็นนายบ่อนแลเจ้าของที่คนละ ๑๐ ตำลึง ผู้ที่เล่นด้วยกันแลจ่าเจ้าของด้านนั้นคนละ ๕ ตำลึง แลทนายเรือนคนละ ๓ ตำลึง ให้แก่ผู้จับได้แลผู้มาร้องฟ้อง แล้วให้นำเอาข้อความขึ้นกราบบังคมทูลพระกรุณาให้ทรงทราบใต้ละอองธุลีพระบาท จะได้โปรดเกล้า ฯ ให้ลงพระราชอาญาแก่ผู้ทำผิดให้สาหัส ผู้ที่หาความผิดมิได้จะไม่ได้ดูเยี่ยงอย่างกันต่อไป ถ้าแลมีผู้มาร้องฟ้องกล่าวโทษว่า ผู้ใดคบคิดกันตั้งบ่อนขึ้น เล่นการพนันต่าง ๆ ท้าวสัตยานุรักษ์จ่าทนายเรือนโขลนซึ่งเป็นพนักงานได้ว่ากล่าวเห็นกับหน้าบุคคลผู้นั้น ปิดบังอำพรางความเสีย มิได้นำความขึ้นกราบบังคมทูลพระกรุณาให้ทรงทราบใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาท ภายหลังมีผู้มาว่ากล่าวชำระเป็นสัจ จะลงโทษเจ้าพนักงานซึ่งปิดบังความเสียเสมอกันกับผู้ที่กระทำผิด

อนึ่ง มีพระราชบัญญัติห้ามมิให้คนภายนอกพระบวรราชวังเข้ามาคบหากันกับคนในพระบวรราชวัง ห้ามมิให้เจ้าจอมหม่อมพนักงานท้าวนางจ่าโขลนผู้ใหญ่ผู้น้อย แลข้าหลวงพระองค์เจ้าหม่อมเจ้าข้าทาสทั้งปวง ซึ่งอยู่ในพระบวรราชวังคบหาคนนอกพระบวรราชวัง แลบุตรภรรยาข้าทาสลูกหนี้หลบหนีเจ้าหนี้สามีนายเงินเข้ามาไว้หลับนอนค้างวันค้างคืน แอบแฝงคิดการประทุษร้ายต่าง ๆ ให้เคืองใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาท ถ้าผู้ใดมิกระทำตามพระราชบัญญัติห้ามปรามทั้งนี้ ยังคบหาคนนอกพระบวรราชวังเข้ามาไว้นอนค้างวันค้างคืน จะเอาตัวเจ้าของเรือนผู้คบหาไว้ลงโทษ โดยพระราชบัญญัติจงหนัก

อนึ่งคนซึ่งอยู่ในบวรราชวังทุกวันนี้ คนเก่าคนใหม่ระคนกันอยู่โดยมาก หาทรงทราบว่าจะเป็นคนดีคนชั่วประการใดไม่ ให้ท้าวสัตยานุรักษ์เรียกเอาบาญชีจำนวนคน ซึ่งอยู่ในตำหนักพระองค์เจ้า หม่อมเจ้า แลเรือนเจ้าจอม หม่อมพนักงาน ข้าราชการผู้ใหญ่ผู้น้อยจงทุกเรือนแล้ว ให้ข้าหลวงผู้ใหญ่ผู้น้อยในพระตำหนักพระองค์เจ้า หม่อมเจ้า แลเจ้าจอม หม่อมพนักงาน ข้าราชการผู้ใหญ่ผู้น้อย เจ้าของตำหนัก เจ้าของเรือน ทำบาญชีญาติพี่น้องผู้คนข้าทาสเข้ามาอยู่ด้วย ผู้ซึ่งทำราชการในพระบวรราชวังจะเป็นตำหนักกี่คน เรือนหนึ่งกี่คน มายื่นกับท้าวสัตยานุรักษ์ให้สิ้นเชิง ท้าวสัตยานุรักษ์ได้บาญชีเสร็จแล้ว ท้าวสัตยานุรักษ์ได้ตรวจดูผู้คน ว่าผู้ใดที่นอกจากเจ้านายที่ยื่นบาญชีจะมาแอบแฝงอยู่สักกี่คนจะได้รู้ ถ้าเจ้านายได้ยื่นบาญชี แล้วแลข้าทาสได้ใช้สอยอยู่ในพระบวรราชวังนั้น เจ้านายให้ไปทำการนอกพระราชวังก็ดี แลทาสจะส่งเงินไปก็ดี ให้เจ้านายหักบาญชีซึ่งยื่นไว้ตามเดิมนั้นลง ถ้าเจ้านายจะเอาข้าคนซึ่งอยู่นอกพระราชวัง แลช่วยทาสขึ้นใหม่จะเอาเข้ามาใช้สอยในพระบวรราชวังให้มากขึ้นไปกว่าแต่ก่อน ก็ให้ไปบอกศาลาบอกบาญชีเดิมยื่นนั้นขึ้นตามจำนวนคน ซึ่งได้ใช้สอยประจำอยู่ในพระบวรราชวัง

อนึ่งผู้ใหญ่ผู้น้อยซึ่งทำราชการอยู่ในพระบวรราชวัง จะมีญาติพี่น้องแลสมัครพรรคพวกอุปการะกันมาแต่ก่อนแต่อยู่นอกพระบวรราชวัง จะเข้าไปเยี่ยมเยียนสู่หาพยาบาลไข้เจ็บแก่กัน ควรจะค้างวันค้างคืนอยู่ตำหนักอยู่เรือนใดในพระบวรราชวัง ก็ให้ข้าหลวงผู้ใหญ่ในตำหนักพระองค์เจ้า หม่อมเจ้า แลข้าราชการผู้ใหญ่ผู้น้อย เจ้าของเรือนไปแจ้งกับท้าวสัตยานุรักษ์แลจ่าศาลาให้รู้ก่อน จึงให้อยู่แรมวันแรมคืน เมื่อจะกลับไปจากพระบวรราชวัง ก็ให้ไปแจ้งกับท้าวสัตยานุรักษ์จ่าศาลาให้รู้ด้วย

ให้กรมวังเขียนพระราชบัญญัติส่งให้ท้าวสัตยานุรักษ์ ประกาศข้าทูลละอองธุลีพระบาทฝ่ายในให้รู้จงทั่วกัน อย่าให้ผู้ใดกระทำความผิดจากพระราชบัญญัติห้ามปรามนี้เป็นอันขาดทีเดียว ถ้ามิฟัง จับได้รับเป็นสัจ ให้ลงโทษเป็นตะพุ่นเกี่ยวหญ้าม้าตามพระราชบัญญัติ ฯ

ให้ไว้ ณ วันอังคาร ขึ้น ๒ ค่ำ เดือน ๘ อุตราษาฒ ปีฉลู เบญจศก

----------------------------

 

แชร์ชวนกันอ่าน

แจ้งคำสะกดผิดและข้อผิดพลาด หรือคำแนะนำต่างๆ ได้ ที่นี่ค่ะ