เจ้าจอมเฒ่าแก่ นางบำเรอ

ไม่ว่าราชสำนักใด จะเป็นไทยหรือในนานาชาติที่มีระบอบการปกครองแบบสมบูรณาญาสิทธิราชย์ นิยมกันว่าการมีสนมนางห้ามมาก ๆ เป็นการประดับพระบารมีของเจ้าชีวิต และเป็นเครื่องผูกพันความจงรักภักดีของบรรดาข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ที่ถวายบุตรสาวเป็นข้าบาทบริจาริกา แต่คงไม่มีราชสำนักในต่างประเทศที่เปิดโอกาสให้แก่บรรดาสนม หรือนางห้ามเท่ากับราชสำนักไทยในสมัยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวเป็นแน่แท้

ทั้งนี้จะเห็นได้จาก “ประกาศทวงพระราชปฏิญาณอนุญาตให้ข้าราชการฝ่ายในทูลลาออกจากราชการ” มีความโดยละเอียดว่า

มีพระบรมราชโองการในพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ประกาศปฏิญาณไว้เป็นความสัจความจริง แก่เจ้าจอมอยู่งานชั้นใน ชั้นกลาง ชั้นนอกทั้งปวง เว้นแต่เจ้าจอมมารดาในพระเจ้าลูกเธอ แลหม่อมพนักงานทุกตำแหน่ง แลเจ้าจอมเฒ่าแก่ แลท่านเฒ่าแก่ แลนางรำบำเรอทั้งปวงทุกคน

ด้วยบัดนี้ไม่ทรงหวงแหนท่านผู้ใดผู้หนึ่งไว้ในราชการด้วยการข่มเหงกักขังดอก ทรงพระมหากรุณาชุบเลี้ยงตามสมัคร แลเห็นแก่ตระกูลแลความชอบของท่านทั้งปวง จึงทรงพระกรุณาชุบเลี้ยง พระราชทานเบี้ยหวัดผ้าปีแลเครื่องยศบรรดาศักดิ์โดยสมควร บัดนี้ท่านทั้งปวงก็ทำราชการมานานแล้ว ใคร ๆ ไม่สบาย จะใคร่กราบถวายบังคมลาออกนอกราชการไปอยู่วังเจ้า บ้านขุนนางบ้านบิดามารดา จะมีลูกมีผัวให้สบายประการใด ก็อย่าให้กลัวความผิดเลย ให้กราบทูลถวายบังคมลาโดยตรง แล้วถวายเครื่องยศคืนแล้ว ก็จะโปรดให้ไปตามปรารถนาโดยสะดวก ไม่กักขังไว้ แลไม่ให้มีความผิดแก่ตัวผู้นั้น แลผู้ที่จะเป็นตัวนั้น ห้ามแต่อย่าให้สนสื่อหาชู้หาผัวแต่ตัวยังอยู่ในราชการด้วยอุบายทางใดทางหนึ่ง ก่อนกราบบังคมทูลพระกรุณาเป็นอันขาดทีเดียว เป็นดังนั้นจะเสียพระราชกำหนดสำหรับแผ่นดินไป เมื่อไปอยู่นอกพระราชวังแล้ว ถ้าเป็นคนมีตระกูลอยู่ไปอยู่กับบิดามารดาญาติพี่น้อง หรือเป็นนางห้ามเจ้านายที่ทรงพระมหากรุณาให้มีบรรดาศักดิ์ใหญ่ ๆ หรือเป็นภรรยาข้าราชการที่มีศักดินามาก ก็จะพระราชทานเบี้ยหวัดอยู่บ้างโดยสมควร

อนึ่ง ถ้าเจ้าจอมอยู่งานชั้นในเห็นว่าพระราชบัญญัติบังคับ คับแคบใจนัก จะถวายบังคมลาออกนอกราชการก็อายอดสู อยู่ชั้นในไม่สบาย จะขอรับพระราชทานโอกาสเลื่อนออกมาเป็นชั้นกลางชั้นนอก แลพนักงานทำราชการสนองพระเดชพระคุณตามอย่าง แลบังคับเจ้าจอมอยู่งานชั้นกลางชั้นนอก แลพนักงานแลนางบำเรอ ก็ตามแต่จะชอบใจ แต่ให้กราบทูลก่อน อย่าเพ่อทำการประพฤติแชเชือนเกินอย่างเจ้าจอมอยู่งานชั้นในก่อนกราบทูลจะขอออกตัว จะทรงพระกรุณาโปรดให้ลดแต่เครื่องยศ แลเบี้ยหวัดอย่างเจ้าจอมชั้นในเสีย ให้คงได้ตั้งเจ้าจอมอยู่งานชั้นกลางชั้นนอก แลพนักงานแลนางบำเรอโดยสมควร

แต่เจ้าจอมมารดาในพระเจ้าลูกเธอ จะโปรดให้ออกนอกราชการไปมีผัวไม่ได้ จะเสียพระเกียรติยศพระเจ้าลูกเธอไป เมื่อจะใคร่ออกนอกราชการเพียงจะอยู่กับพระเจ้าลูกเธอไม่มีผัว ก็จะทรงพระกรุณาโปรดกระแสพระบรมราชโองการดังนี้ ก็ได้มีพระราชดำรัสมาหลายครั้งแล้ว แต่ดูทีจะหามีใครเชื่อไม่ ด้วยเข้าใจว่าตรัสเล่นก็ดี ประชดก็ดี การอันนี้เป็นสุจริตสัจจริง จึงโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้ตีพิมพ์ประกาศพระราชทานเป็นสำคัญสัญญาไว้ให้มั่นคง ให้ท่านทั้งปวงเชื่อว่าไม่ทรงหวง แหนกักขังจริง ๆ แลพระราชดำรัสนั้นเป็นความจริงความตรง ให้ท่านทั้งปวงรับคำประกาศนี้ไว้เป็นสำคัญ ถ้ากาลไปข้างหน้ามิได้เป็นจริงดังนี้ ก็ควรที่ท่านทั้งปวงแลเทพยดามนุษย์จะครหาติเตียนอยู่แล้ว

อนึ่ง เจ้าจอมมารดาพระองค์เจ้าในแผ่นดินล่วงแล้วมา ถ้ายังมีพระองค์เจ้าอยู่ก็อย่าให้มีผัว ถ้าอยากจะมีผัวให้ได้ก็ให้มากราบทูลพระกรุณาว่าตัดรอนพระองค์เจ้าให้ขาดเสียก่อน อย่าให้เรียกว่าเจ้าจอมมารดาเลย ถ้าพระองค์เจ้ายอมตัดไม่นับถือแล้ว จะโปรดให้มีผัวตามสบาย ถ้าไม่กราบทูลพระกรุณาขืนมีผัว ถ้าผัวเป็นพระองค์เจ้าก็จะโปรดลดเบี้ยหวัดเสียกึ่งหนึ่ง ถ้าผัวเป็นหม่อมเจ้า เป็นข้าราชการมีบรรดาศักดิ์ก็ดี จะยกเบี้ยหวัดเสีย แล้วจะให้เสียภาษีปีละ ๑๒ ตำลึง ถ้ามีผัวข้าราชการ มีบรรดาศักดิ์น้อยแลไพร่ จะให้ลงพระราชอาญา แล้วผัวจะให้ริบราชบาตรแล้วเอาตัวส่งหญ้าช้าง ตัวหญิงจะให้ลงพระราชอาญาจำไว้จนตาย ถ้าพระองค์เจ้าสงสารกราบทูลขอ ก็จะพระราชทานให้ไปอยู่กับพระองค์เจ้า รับพระราชทานเบี้ยหวัดเหมือนอย่างนางนม ให้เรียกแต่ว่ามารดา ไม่ให้ใส่คำนำเรียกว่า เจ้าจอม

อนึ่ง บรรดามารดาหม่อมเจ้าในพระองค์เจ้าที่ตั้งกรมแล้ว แลยังไม่ได้ตั้งกรมทั้งปวง ซึ่งสิ้นพระชนม์แล้ว เมื่อหม่อมเจ้ายังมีตัวอยู่ ถ้าไม่มีผัวก็ได้รับพระราชทานเบี้ยหวัด ๖ ตำลึงบ้าง ยิ่งกว่านั้นบ้าง ถ้ามีผัวให้เลิกเบี้ยหวัดเสีย ให้ผัวที่เป็นไพร่มิใช่เจ้าเสียภาษีปีละ ๖ ตำลึง เป็นเบี้ยเลี้ยงแก่หม่อมเจ้าไปทุกเดือนกว่าหม่อมเจ้าจะไม่มีผัว ภาษีนี้ใครอย่าติว่าแรง เพราะมิได้เรียกเอามาเป็นของหลวงแต่สักเฟื้อง ๑ พระราชทานให้แก่หม่อมเจ้าผู้บุตรทั้งสิ้น เป็นการจะกดขี่คนที่เป็นผัวมารดาหม่อมเจ้าให้ปฏิบัติหม่อมเจ้าไป

อนึ่ง มารดาหม่อมเจ้าไม่มีผัว พระราชทานเบี้ยหวัดด้วยก็เพื่อจะให้เป็นกำลังเลี้ยงหม่อมเจ้าไป ก็เมื่อไม่อยู่เลี้ยงหม่อมเจ้า ไปมีผัว ก็ควรให้คนผู้เป็นผัวเสียภาษีให้แก่หม่อมเจ้า เท่าเบี้ยหวัดซึ่งพระราชทานเมื่อไม่มีผัวจึงชอบ ถ้ามารดาหม่อมเจ้าที่มีผัวโกรธกับผัวถึงหย่าร้างขาดจากผัวเมียกัน ถ้าสาบานได้ทั้งสองข้าง หย่ากันแต่เดือนใด ก็ให้ยกภาษีแต่นั้นไป โกรธกันเล็กน้อย ถึงว่าไม่ได้อยู่ด้วยกัน ถ้าสาบานไม่ได้ว่าขาดกันก็ไม่พ้นภาษี ถ้าอยากจะไม่เสียภาษีมาทนสาบานแล้วกลับไปดีกัน หรือสืบได้ความจริงว่ายังดีกันอยู่ จะปรับให้ใช้ภาษีสองต่อจนเดือนที่ชำระความ ถ้าบรรดาหม่อมเจ้ามีผัวเป็นพระองค์เจ้า ไม่เสียเกียรติยศอันใด เป็นแต่โปรดให้ยกเบี้ยหวัด ให้ไปให้พระองค์เจ้าผู้ผัวเลี้ยงเถิด หรือจะได้เบี้ยหวัดก็จะได้ด้วยอำนาจพระองค์เจ้าที่เป็นผัวใหม่ ถ้ามารดาหม่อมเจ้าไปได้ผัวใหม่เป็นหม่อมเจ้า ถ้าหม่อมเจ้าผู้บุตรยอมยินดีเอาเป็นบิดาเลี้ยงก็แล้วไป ถ้าหม่อมเจ้าผู้บุตรมิยอมยินดีด้วย ก็จะทรงพระกรุณาโปรดชักเอาเบี้ยหวัดของหม่อมเจ้าที่เข้ามาเป็นตัวนั้นแบ่ง ๓ ส่วน ยกเอาส่วน ๑ ให้แก่หม่อมเจ้าผู้บุตรเป็นภาษีทุกปีไป เพราะทำให้หม่อมเจ้าผู้บุตรได้ความอับอาย ลักษณะพระราชกำหนดนี้ โปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้ประกาศมาให้ท่านทั้งปวงทราบด้วยจงทั่วกัน

ประกาศมา ณ วันพฤหัสบดี เดือนอ้าย ขึ้น ๓ ค่ำ ปีขาล ฉศก

ภายหลังที่ได้ออกประกาศฉบับนี้แล้ว ได้มีประกาศออกตามมาอีกฉบับหนึ่ง เป็นการประเดิมหรือทดลองความศักดิ์สิทธิ์ของกฎแห่งราชสำนัก ดังปรากฏพิมพ์ในราชกิจจานุเบกษา ประกาศฉบับนี้คุณท้าวอาบเป็นเจ้าหน้าที่ลงนามสนองพระบรมราชโองการ ปรากฏข้อความดังต่อไปนี้

ประกาศพระราชทานพระบรมราชานุญาต ข้าราชการฝ่ายในกราบถวายบังคมลาออก ๑๒ คน

มีพระบรมราชโองการ ให้ประกาศแก่ท่านทั้งปวงให้ทราบว่า เพราะได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ ไว้แต่ก่อน ว่าบรรดาข้าราชการฝ่ายในแก่สาวปานกลางใด ๆ เว้นไว้แต่เจ้าจอมมารดามีพระองค์เจ้า นอกนั้นถ้าใครจะใคร่ออกนอกราชการเอง หรือบิดามารดาจะขอให้ออกนอกราชการ ก็จะโปรดให้ออกโดยสะดวก ไม่ห้ามปรามกักขังดังธรรมเนียมเก่าแลที่อื่น ๆ ในปีมะเมีย สัมฤทธิศกนี้ มีคนข้างใน ๑๒ คน กราบถวายบังคมลาออกนอกราชการ ไม่รับพระราชทานเบี้ยหวัด ก็โปรดเกล้า ฯ ให้ออกโดยสะดวก คน ๑๒ คนนั้น มีชื่อตัวแลชื่อบิดา แลกำหนดอายุประมาณดังนี้ ๑. เผือก บุตรพระยาประชาชีพ (คต) อายุ ๓๘ ปี ๒. แสง บุตรพระยาเพชรชฎา (น้อย) อายุ ๓๙ ปี ๓. หุ่น บุตรพระฤหัย อายุ ๒๓ ปี ๔. ตาด บุตรนายศรีมหาดเล็ก อายุ ๓๗ ปี สี่คนนี้ถวายตัวแต่ในแผ่นดินพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว คนที่ ๑ ที่ ๒ เป็นเจ้าจอมอยู่งาน คนที่ ๓ ยังว่างอยู่ คนที่ ๔ เป็นพนักงานชวาลา ครั้นมาถึงแผ่นดินพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวบัดนี้ ที่ ๑ ที่ ๒ ตกเป็นพนักงานชวาลา พนักงานพระสุธารส ๒ คน ที่ ๓ ยกขึ้นมาเป็นเจ้าจอมอยู่งาน คนที่ ๔ คงเป็นพนักงานอยู่ตามเดิม บัดนี้ทั้ง ๔ คน นี้เห็นว่าจะได้ความสบายกายสบายใจด้วยออกอยู่นอกพระราชวัง จึงกราบถวายบังคมลาออก ก็โปรดให้ออก ๑. เลี่ยม บุตรพระยาราชภักดีศรีรัตนราชสมบัติ อายุ ๒๑ ปี ๒. พุ่ม บุตรพระยาประชาชีพกระต่าย อายุ ๑๖ ปี ๓. กลีบ บุตรพระยาประชาชีพกระต่าย อายุ ๑๕ ปี ๔. สังวาล บุตรพระราชสมบัติ อายุ ๑๘ ปี ๕. ปริก บุตรหลวงอุดมจินดา อายุ ๑๖ ปี ๖. เลี่ยม บุตรหลวงอุทยานาธิกรณ์ อายุ ๑๕ ปี ๗. สารภี บุตรขุนบุรินทรเก่า อายุ ๑๕ ปี ๘. พัน บุตรขุนชำนาญคดี อายุ ๑๕ ปี ๘ คนนี้ ถวายตัวในแผ่นดินพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวนี้ คนที่ ๑ เป็นพนักงานพระแสง ป่วยเป็นลมสันดานจึงขอออก ที่ ๒ ที่ ๓ นั้น เข้ามาถวายตัวเมื่อบิดาตายแล้ว พอเป็นเหตุที่จะได้มรดกมากเพราะทำราชการ ครั้นได้มรดกแล้วก็ขอออก ที่ ๔ ที่ ๕ ที่ ๖ ที่ ๗ ที่ ๘ เป็นละคอนมีวิชารู้เต้นรู้รำอยู่ คนที่ ๔ ที่ ๕ นั้น บิดาไม่อยากให้ออก อยากให้อยู่ทำราชการฉลองพระเดชพระคุณ แต่มารดามาขอให้ออก ตัวก็อยากออก ก็โปรดให้ออกตามใจตัวแลมารดา ที่ ๖ นั้น ว่ากันในพระราชวัง ว่าหูตาน่ากลัวนัก ขัดใจก็ออกเสีย บิดามารดาก็เห็นชอบด้วย ที่ ๗ นั้น รูปพรรณก็ชอบกลอยู่ ครั้นจะทรงพระกรุณาชุบเลี้ยงเป็นเจ้าจอมอยู่งาน ก็ทรงเห็นว่ามีกิริยาแง่งอน ศึกษามากเกินการไป ทรงเห็นว่าจะเป็นที่ชอบใจของคนที่ชอบอย่างนั้นเป็นอันมาก จึงโปรดว่าจะออกเสียก็ตามเถิด จึงออกเสีย ที่ ๘ นั้น เป็นคนมือไว ทำความเนือง ๆ ไม่มีใครรับเลี้ยงไว้ ผู้ใหญ่ในพระราชวังบังคับให้ออกเสีย คนทั้ง ๑๒ คนนี้ พ้นจากราชการแล้ว ถ้าจะไปถวายตัวในวังเจ้าก็ดี จะรับไว้ก็ได้ จะเข้าฝากตัวในบ้านขุนนางจะรับไว้ก็ได้ หรือเจ้านายแลขุนนางผู้ใดชอบใจคนใด จะเกลี้ยกล่อมสู่ขอไปจากบิดามารดา เอาไปเลี้ยงเป็นนางห้ามเป็นภรรยาก็ตาม ทรงทราบจะทรงยินดีโดยสุจริต ไม่กระดากกระเดื่องเคืองขัดอะไรเลย เพราะมีพระราชประสงค์จะให้ผู้ที่จะใคร่ได้ภรรยา ได้ภรรยา แลให้ผู้ที่ออกได้ชื่นชมสมประสงค์ด้วย ครั้นจะยกพระราชทานมาตามทรงพระราชดำริ ก็กลัวชายแลหญิงจะไม่ต้องใจกัน แลบิดามารดาของหญิงจะไม่ยินดี ก็จะเป็นที่ว่าร้อนรนไป พระราชประสงค์จะให้ราชธรรมเนียมใหม่อันนี้ปรากฏเป็นอย่างไปในภายหน้า และเป็นพระเกียรติยศด้วย คนที่ออกไม่ต้องเสียเงินทองอะไรดังครั้งแผ่นดินก่อน ๆ มาเลย

ประกาศมา ณ วันจันทร์ เดือนอ้าย ขึ้นค่ำหนึ่ง ปีมะเมีย สัมฤทธิศก เป็นวันที่ ๒๗๔๒ ในรัชกาลปัจจุบันนี้ ท้าวอาบข้างในเป็นผู้รับสั่ง

----------------------------

  1. ๑. คือลมมันให้จุกเสียดในอกเป็นคั้ง ๆ เว้นไปเดือนหนึ่งสองเดือนเป็นหนหนึ่ง (อักขราภิธานศรับท์หมอบรัดเล, พิมพ์ครั้งที่ ๒, องค์การค้าของคุรุสภา, พระนคร ๒๕๑๔, น. ๖๕๑.)

 

แชร์ชวนกันอ่าน

แจ้งคำสะกดผิดและข้อผิดพลาด หรือคำแนะนำต่างๆ ได้ ที่นี่ค่ะ