ระบอบเลือกตั้งเสรี

ท่านผู้สนใจในการปกครองระบอบประชาธิปไตย จะต้องแปลกใจมิใช่น้อยที่จะได้ทราบว่า เมื่อเกือบ ๑๐๐ ปีมานี้ได้มีการเลือกตั้งขึ้นเป็นครั้งแรกในประเทศไทย การเลือกตั้งที่ว่านี้ มีขึ้นในสมัยรัชกาลที่ ๔ ซึ่งดูเหมือนเกรงว่าจะมีการลงไพ่ไฟหรือพลร่มกันหนัก จึงต้องมีประกาศขอร้องให้ลงบัตรแต่คนละบัตรเท่านั้น ประกาศฉบับนั้นมีข้อความดังต่อไปนี้

ประกาศให้เลือกพระราชครูลูกขุน พระมหาราชครูปโรหิต พระมหาราชครูมหิธร

ด้วยเจ้าพระยาธรรมาธิกรณาธิบดี ศรีสุวิรมหามัตวงศราชพงศนิกรานุรักษ มหาสวามิภักดิบรมราโชปการาภิรมย์ สระโพดมกิจวิจารณ มหามณเฑียรบาลบดินทร ราชนิเวศนินทรามาตย์ อันเตปุริกนาถเสนาบดี อภัยพิริยปรากรมพาหุ เป็นประธานาธิบดีในกรมวัง รับพระบรมราชโองการมานพระบัณฑูรสุรสิงหนาทดำรัสเหนือเกล้า ฯ สั่งว่า ให้ประกาศแก่พระราชวงศานุวงศ์ทั้งที่ตั้งกรมแล้วแต่ยังไม่ได้ตั้งกรม ข้าราชการ เจ้าพระยาแลพระยา พระ หลวง ในพระบรมมหาราชวังแลในพระบวรราชวังจงทั่วกันว่า พระมหาราชครูปโรหิตาจารย์ (ทองดี) พระมหาราชครูมหิธร (อู่) ถึงแก่กรรมแล้ว ที่พระราชครูทั้ง ๒ จะต้องตั้งขึ้นใหม่ เมื่อว่าจะทรงปรึกษากับพระราชวงศานุวงศ์องค์หนึ่งสององค์ แลท่านเสนาบดีสามคนสี่คน เลือกสรรข้าราชการผู้ใดผู้หนึ่งเป็นก็จะได้ แลทรงพระราชดำริเห็นว่าที่พระมหาราชครูปโรหิตาจารย์ พระมหาราชครูมหิธร พระครูพิเชต พระครูพิราม ๔ ตำแหน่งนี้ เป็นผู้พิพากษาตัดสินผิดแลชอบ สุขทุกข์ความของท่านทั้งหลายทั่วกัน ต่อออกไปจนราษฎรซึ่งเป็นบ่าวไพร่ในสังกัด แล้วได้ทรงทราบว่าในประเทศอื่น ๆ เมื่อผู้ครองแผ่นดินจะตั้งผู้สำหรับตัดสินความ ก็ย่อมให้คนทั้งปวงเลือก แล้วจดหมายชื่อเข้ามาส่งต่อเจ้าพนักงาน เจ้าพนักงานสอบดูถ้ามีชอบใจท่านผู้ใดมาก ก็ให้ผู้นั้นเป็นผู้ตัดสินคดีของราษฎร ครั้งนี้จะทรงทะนุบำรุงบ้านเมืองให้สมบูรณ์อยู่เย็นเป็นสุขทั่วกัน โดยอย่างธรรมเนียมแก้ไขใหม่ให้ดีขึ้นกว่าเก่า จึงโปรดเกล้า ฯ ขอให้พระราชวงศานุวงศ์ที่ตั้งกรมแล้ว พระบรมมหาราชวัง แลพระบวรราชวัง คิตตริตรองเลือกดูที่ชอบใจ อย่าให้ปรึกษากันว่าจะชอบใจให้ผู้ใดเป็นที่พระมหาราชครูปโรหิตาจารย์ พระมหาราชครูมหิธร ก็ให้จดหมายลงว่า ข้าพระพุทธเจ้าคนนั้นเห็นด้วยเกล้าด้วยกระหม่อมว่าคนชื่อนั้น สมควรที่จะเป็นพระมหาราชครูปโรหิตาจารย์ คนชื่อนั้นสมควรที่จะเป็นพระมหาราชครูมหิธร มิได้บังคับว่าให้เลือกเอาแต่ข้าราชการในพระบรมมหาราชวัง แลพระบวรราชวัง ถึงข้าเจ้าบ่าวช้าราชการ ถ้าเห็นว่ามีสติปัญญาควรจะเป็นที่ตัดสินความโดยสัตย์ โดยธรรม ตามพระราชกำหนดกฎหมาย ให้สิ้นสงสัยชอบใจแก่คนทั้งปวงได้ ก็ให้เขียนชื่อมอบให้อาลักษณ์ผู้เอาโครงจดหมายไปถามหารือ พระบรมวงศานุวงศ์ก็ให้เขียนถวายเข้ามาองค์ละฉบับทุก ๆ องค์ ข้าราชการก็ให้เขียนเข้ามาถวายคนละฉบับ ๆ จงทุก ๆ คน โปรดเกล้า ฯ ว่าอย่าให้รังเกียจสงสัยว่าจะทรงล่อลวงล้อเลียนอย่างใดอย่างหนึ่งเลย แล้วอย่าให้คิดวนเวียนรั้งรอว่าเมื่อจะเลือกผู้นั้น ๆ เข้าไปตามใจตัว จะไม่ถูกพระกระแสดอกกระมังก็ดี แลถ้าจะเลือกเข้าไปแล้วจะไม่ได้เป็นดังว่าเข้าไป จะต้องอายเขาดอกกระมังก็ดีเช่นนี้ ก็อย่างเก่า ๆ อย่างนี้ขอเสียเถิด นิสัยใจคนต่าง ๆ กัน ที่ถึงจะเลือกชอบใจต่าง ๆ บัดนี้จะต้องพระราชประสงค์ ก็ตั้งตามใจคนทั้งหลายเป็นอันมาก เลือกชอบใจท่านผู้ใดมากด้วยกัน ก็จะให้ผู้นั้นเป็นที่พระมหาราชครูทั้งสองนั้น ถ้าจะเลือกชอบใจพระยาประสิทธิศุภการ ผู้ว่าที่พระครูพิราม แลพระครูพิเชตคนใดคนหนึ่ง ให้เลื่อนขึ้นเป็นที่พระมหาราชครูปโรหิตาจารย์ พระมหาราชครูมหิธร แล้วก็ให้เลือกหาผู้ที่จะเป็นพระครูพิเชต พระครูพิรามแทนเข้าไปด้วย เขียนชื่อเข้าไปส่งทั้งสี่ตำแหน่งทีเดียว ทราบหมายนี้แล้วให้คิดอ่านตริตรองไว้ แล้วให้เขียนถวายไปส่งทุกวันไป เมื่อขุนหมื่นในอาลักษณ์จะไปถาม ตั้งแต่ ณ วันจันทร์ เดือนแปดทุติยาษาฒ ขึ้นเก้าค่ำ จนถึงวันอาทิตย์ เดือนแปด ทุติยาษาฒ ขึ้นสิบห้าค่ำ ให้เป็นเสร็จในเจ็ดวันอย่าให้ขาดได้ตามรับสั่ง ฯ

ถ้าหากจะมีใครถามว่า นักประชาธิปไตยคนแรกของกรุงรัตนโกสินทร์คือใคร คำตอบนี้ไม่ผิดก็คือ พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวนั่นเอง ทั้ง ๆ ที่ในขณะนั้นโลกของเมืองไทยกับโลกของชาวต่างประเทศ ก็นับว่าอยู่ห่างไกลกันมากมายนัก

----------------------------

 

แชร์ชวนกันอ่าน

แจ้งคำสะกดผิดและข้อผิดพลาด หรือคำแนะนำต่างๆ ได้ ที่นี่ค่ะ