รางวัลนำจับพระ

ผู้หญิงย่อมเป็นมลทินของผู้บำเพ็ญพรตอย่างไม่มีปัญหา เพราะมิฉะนั้นแล้วคงจะไม่มีพุทธวินัยบังคับไว้ แต่จะอาศัยพุทธวินัยอย่างเดียวนั้น พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงเห็นว่าไม่ได้ผลทันพระทัย

จึงได้ทรงประกาศกฎทางโลกเข้าไว้อีก โดยทรงให้พระยาบำเรอภักดิ์ รับพระบรมราชโองการใส่เกล้าฯ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ สั่งว่า ให้มีหมายประกาศแก่พระสมณพราหมณาจารย์ แลข้าทูลละอองผู้ใหญ่ผู้น้อย แลอาณาประชาราษฎรทั้งปวง ด้วยพระสงฆ์ทุกวันนี้ดูเหมือนจะไม่มีศรัทธาที่จะให้เป็นประโยชน์ชั่วนี้ชั่วหน้า บวชในพระศาสนาแล้วตั้งใจจะหาแต่ลาภสักการ แล้วกระทำอุลามกต่าง ๆ เป็นต้นว่า ไปคบหาผู้หญิง พูดจากันในที่ลับแต่สองต่อสองจนถึงชำเรากัน ดังนี้เห็นจะมีอยู่โดยมาก แต่หากว่าไม่มีผู้ใดจะฟ้องร้องว่ากล่าวเหมือนเรื่องอ้ายเสนไปคบหากันกับอีหนู ไปมาหากันจนถึงชำเรากันทั้งพระ แล้วมีคนไปฟ้องหาในกรมพระธรรมการ กรมพระธรรมการ แลตุลาการชำระอ้ายเสนหาเป็นสัจไม่ ด้วยเห็นแก่อ้ายเสน ครั้นมาภายหลังอ้ายเสนกับอีหนูกลับมาเป็นผัวเมียกันเข้า ครั้นเอาตัวอีหนูมาถามกลับรับเป็นสัจ แต่ตัวอ้ายเสนนั้นหนีไปยังไม่ได้ตัว แลพระสงฆ์อื่น ๆ ก็เห็นจะเป็นเหมือนอ้ายเสนจะมีอยู่มาก จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ ว่าแต่นี้สืบไป ถ้าผู้ใดรู้เห็นว่าพระสงฆ์รูปใด วัดใดเป็นเช่นอ้ายเสนนี้แล้ว ให้เห็นแก่พระศาสนาอย่าได้ปิดบังอำพรางไว้ ให้มาฟ้องร้องว่ากล่าวในกรมพระธรรมการตามกระทรวง ถ้าแลกรมพระธรรมการเห็นแก่ฝ่ายจำเลยแลผิดเพี้ยนไปให้เนิ่นช้า ให้ทำเรื่องราวฎีกามาทูลเกล้า ฯ ถวายพระที่นั่งสุทไธสวรรย์ปราสาท จะได้โปรดเกล้า ฯ ให้ข้าทูลละอองธุลีพระบาทคนหนึ่งคนใดชำระ ถ้าชำระได้ความเป็นสัจก็จะทรงพระกรุณาโปรดพระราชทานรางวัลให้แก่ผู้โจทก์นั้นโดยสมควร ถ้าผู้ใดที่บ้านใกล้เรือนเคียง แลรู้เห็นแล้วปิดบังอำพรางไว้ ไม่มาฟ้องร้องว่ากล่าวก็ดี จะโปรดเกล้า ฯ ให้ปรับไหมผู้นั้น ถ้าถือศักดินา ๑๒๐๐ ไร่ลงไป ให้จ่ายเข้าเดือน ๆ หนึ่ง ถ้าถือศักดินา ๔๐๐ ไร่ จะให้ผู้นั้นเข้าเดือน ๒ เดือน อนึ่งถ้าผู้รู้เห็นเป็นใจแลช่วยชักสื่อพระให้ผู้หญิง ชักผู้หญิงให้พระ ถ้าชำระเป็นสัจ จะโปรดเกล้า ฯ ให้ปรับไหมผู้นั้นให้เป็นตะพุ่นหญ้าช้างด้วยเสมอโทษปาราชิก

ต่อมามีประกาศอีกฉบับหนึ่งเรื่องภิกษุสามเณรรักใคร่ผู้หญิงจนถึงเป็นปาราชิกให้มาลุกะโทษจะยกโทษให้ มีความสำคัญว่า พระราชาคณะ พระครู ตลอดลงมาถึงสามเณรรูปใด ๆ ซึ่งรักใคร่ชอบใจสุภาพสตรีผู้ใด เตรียมหาไว้เมื่อสึก โดยให้ผู้ใดผู้หนึ่งเป็นสื่อไปพูดจาเกี้ยวแทะโลมผู้หญิง และให้หนังสือเพลงยาวกาพย์โคลง ตลอดจดหมายข้อความที่รักใคร่บอกไปถึงผู้หญิงนั้น และได้พูดจาปราศรัยกับผู้หญิงทั้งในที่ลับที่แจ้ง จนถึงเป็นปาราชิก ฯลฯ

...ความอย่างกล่าวมาแล้วนี้ ให้พระสงฆ์สามเณรรูปนั้นมาให้การลุกะโทษต่อกรมพระธรรมการ แต่ในเดือน ๑๒ จนถึงเดือน ๔ ปีฉลู เบญจศก ทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ จะยกโทษโปรดพระราชทานให้กับผู้ที่มาลุกะโทษนั้น อนึ่ง พระสงฆ์สามเณรซึ่งประพฤติอนาจารทุจริต อย่างกล่าวมานี้ ไม่มาลุกะโทษบอกความชั่วลามกของตัวต่อกรมพระธรรมการแล้ว แลมีบุรุษสตรีผู้ใดผู้หนึ่งมาให้การลุกะโทษต่อพระธรรมการว่า พระสงฆ์สามเณรรูปนั้น พระอารามนั้น ประพฤติอนาจารทุจริตอย่างกล่าวมานี้ พิจารณาเป็นสัจ จะให้มีโทษกับพระสงฆ์สามเณรรูปนั้นตามโทษานุโทษจงหนัก ให้พระครูทักษิณ พระครูอุดร พระครูอมรวิชัย เจ้าคณะใหญ่วัดพระเชตุพน หมายประกาศไปให้รู้จงทุก ๆ พระอารามในกรุงเทพ ฯ แลนอกกรุง หัวเมืองซึ่งขึ้นกับกรุงเทพ ฯ อย่าให้ขาดได้ตามรับสั่ง

หมายมา ณ วันเสาร์ เดือน ๑๒ แรม ๔ ค่ำ ปีฉลู เบญจศก ศักราช ๑๒๑๕

----------------------------

 

แชร์ชวนกันอ่าน

แจ้งคำสะกดผิดและข้อผิดพลาด หรือคำแนะนำต่างๆ ได้ ที่นี่ค่ะ