พุทธทำนายเมืองเขมร

คำพังเพยของไทยเราที่ใช้ได้ทุกกาลสมัยคำหนึ่ง ก็คือ “ตื่นวัวตื่นควายพอดึงได้ แต่ตื่นคนดึงลำบาก” ยิ่งเป็นเรื่องเกี่ยวกับความประหลาดมหัศจรรย์ด้วยแล้ว ผู้คนก็ยิ่งจะพากันแตกตื่นเล่าลือกันเป็นพิเศษทีเดียว อย่างเรื่องพระพุทธทำนายที่เกิดขึ้นในเมืองเขมรเป็นต้น

ครั้งหนึ่งราษฎรแขวงเมืองพระพุทธบาท แขวงเมืองสระบุรี แขวงเมืองไชยบาดาล และเมืองอื่น ๆ ที่อยู่ใกล้เคียงเมืองเสียมราฐ ได้เล่าลือกันว่า มีผู้เก็บหนังสือสำคัญฉบับหนึ่ง อ้างว่าเป็นหนังสือพุทธทำนาย และหนังสือผู้มีบุญเจ้าชีวิต มีการพยากรณ์ไว้ต่าง ๆ นานา คนที่เชื่อถือก็คัดลอกเอาไว้ แล้วเล่าลือระบือข่าวออกไปอย่างกว้างขวาง

ความเรื่องนี้ได้ทราบถึงพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว จึงทรงพระราชดำริเห็นว่า หนังสือดังกล่าวเป็นสำนวนเขมร ชะรอยจะเป็นหนังสือของพวกกบฏแขวงเมืองเสียมราฐ จะคิดเกลี้ยกล่อมพวกเขมรป่าดง และลาวฝ่ายตะวันออกเมืองนครราชสีมาให้เข้าด้วย เพราะมีตัวกบฏนามว่า อ้ายโนรี พ่อเป็นไทยแม่เป็นญวนอยู่เมืองเขมร ได้พากันเข้ามาอยู่กรุงเทพฯ อ้ายโนรีผู้นี้เมื่อเติบโตขึ้นแล้วอุปสมบทอยู่ ณ วัดเทพธิดาราม ๒ พรรษา ครั้นแล้วหนีไปเมืองเขมรสลัดผ้าเหลืองออกอวดอ้างตนเองว่าเป็นบุตรของนักองค์หนึ่ง ชื่อนักองค์พิม ซึ่งเข้ามาอยู่กรุงเทพฯ แต่ก่อน และตายเสียนานแล้วนั้น เกลี้ยกล่อมชักชวนผู้คนเป็นอันมากไปตั้งอยู่ที่นครธมเมืองเขมร ครั้นกรมการเมืองนครเสียมราฐตามไปจับกุม พากันหนีไปเมืองสุรินทร์ เมืองสังขะ เมืองพนายสูง พวกกรรมการเมืองเหล่านั้นจับได้ แต่ก็หลบหนีไปได้อีก ซึ่งตามประกาศว่าด้วยการเล่าลือกันว่าพระพุทธทำนายเกิดขึ้นที่เมืองเขมรของพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว มีความว่า

อ้ายโนรีนั้นมันรู้ภาษาแลหนังสือทั้งไทยแลเขมร เห็นมันจะเขียนหนังสือนั้นออกขู่เข็ญราษฎรให้เข้าด้วย แลอ้างพระอินทร์พระพรหมอะไรไปตามวิสัยใจชาวป่า แล้วให้พวกมันเอาออกอวดเป็นความประหลาดให้คนบอกต่อ ๆ ไป ชะรอยหนังสือนั้นลาวเมืองสระบุรีขึ้นไปเที่ยวได้ลอกมา หรือลาวข้างบนจะพาเอาลงมาด้วยถึงเมืองสระบุรีแล้วก็สำแดงต่อกันไป จึงเอิกเกริกดังนี้ บัดนี้ก็ได้ความมาแต่เมืองนครเสียมราฐ ว่าอ้ายโนรีขบถนั้นกับสมัครพรรคพวกยกมาจากพระนครหลวง พระนครธมจะเข้า ตีเอาเมืองนครเสียมราฐ พระยานุภาพไกรภพ กรมการเมืองนครเสียมราฐ ได้รบต่อสู้พวกอ้ายขบถล้มตายแตกกระจัดกระจายไป พวกอ้ายโนรีกลับใจไม่เข้าด้วยอ้ายโนรี จับเอาอ้ายโนรีตัวนายขบถมาส่งต่อพระยานุภาพไกรภพ ผู้สำเร็จราชการเมืองนครเสียมราฐ แลขุนพิษณุแสนข้าหลวงเอาตัวจำไว้ได้มั่นคงแล้ว ยังชำระเอาตัวพวกพ้องต่อไปอยู่ ตัวอ้ายขบถที่ว่าเป็นผู้มีบุญนั้น ก็จะมีตราพระราชสีห์ประทับจักรให้ไปประหารชีวิตเสียโดยเร็วนี้ไม่ช้า เพราะฉะนั้นบัดนี้จึงประกาศมาว่า ใครอย่าเชื่อถือหนังสือขู่ แลเชิดชูอ้ายคนที่ว่าเป็นผู้มีบุญอยู่ที่พระนครหลวงนั้นเลย ใครได้ลอกหนังสือนั้นไว้ แลได้พูดจาไป ก็ให้มารับสารภาพแก่ผู้รักษาเมืองกรมการเสียโดยดี จะพระราชทานโทษให้ ใครมารับสารภาพก็ให้ผู้รักษาเมืองกรมการจดชื่อไว้ อย่าเรียกค่าฤชาธรรมเนียมอะไรเลย ถ้าผู้ใดยังเชื่อถือเอาหนังสือนั้น เที่ยวให้ออกแลเกลี้ยกล่อมคนให้เชื่อถือด้วยการกระซิบกระซาบต่อไป พิจารณาได้ความจริงจะให้มีโทษตามโทษานุโทษ

อนึ่งประกาศชี้แจงมาว่า ท่านทั้งหลายทั้งปวงที่มีอายุมาก ๆ อยู่มานาน จงระลึกถึงความหลัง ๆ ไปตามที่ได้เคยเห็นเคยฟังมา หนังสือไม่มีเจ้าของอย่างนี้ แลมีผู้เอามาให้ออกต่อ ๆ กันบ้าง ปิดไว้บ้าง ก่อเหตุให้เล่าลืออื้ออึงไป หนังสือเหล่านั้นเป็นหนังสือมอญ หนังสือพม่าก็มี หนังสือลาวก็มี หนังสือไทยแลหนังสือจีนก็มีบ้าง หนังสือเหล่านั้นก็เล่าลืออ้างว่าเป็นหนังสือของพระอินทร์บ้าง ของท้าวเวสสุวรรณบ้าง แลว่าพระสงฆ์ไปเที่ยวธุดงค์ ยักษ์มาส่งให้บ้าง แลว่าไปได้มาแต่ในถ้ำในเหวบ้าง ความในหนังสือนั้นก็เป็นแต่กล่าวอ้างข่มขู่คนด้วยยักษ์ด้วยผี แลทายว่าจะมีความไข้ความเจ็บ หรือศึกเสือเหนือใต้อะไรไปต่าง ๆ อ้างว่าเมื่อนั้น เมื่อนี้ เดือนนี้ ปีนั้น จะมีมา แล้วก็ชักชวนคนให้สวดมนต์ภาวนาแลไม่กินปลา กินเนื้อ แลให้รักษาศีล ๕ ศีล ๘ นับถือบิดามารดาผู้หลักผู้ใหญ่ครูบาอาจารย์ แลว่าใครเชื่ออายุยืนนานพันปีสองพันปี แลว่าเมื่อนั้นเมื่อนี้ ผู้เช่นนั้นผู้เช่นนี้จะมา ก็คำในหนังสือเช่นนี้เป็นแต่วาจาชาววัดพระ ๆ เถร ๆ เห็นว่าคนหวาดกลัวอะไรอยู่ก็เอานั้นมาว่า เห็นว่าสิ่งไรคนนับถือว่าดีคนคันอยากอยู่โดยมากอย่างไรก็เอาอย่างนั้นมาว่าล่อไป ดูทีเหมือนจะเป็นพระหรือเถรที่อด ๆ อยาก ๆ อยู่ ไม่มีใครเขาให้ ก็จะมาขู่คนให้ทำบุญให้ทานแก่ตัว แต่ในหนังสือลางฉบับเหล่านั้นก็กำหนดวันคืนว่าวันนั้นคนนี้ให้ปิดประตูปิดหน้าต่าง แลอย่าจุดไต้ให้เพลิงแก่ผู้ใด ใครเรียกอย่าขานใครวานอย่าไป ได้ยินเสียงอะไรอย่าทัก ที่ว่าอย่างนี้ก็มี ที่หนังสืออย่างนี้เป็นที่น่าสงสัย ชะรอยจะเป็นความคิดอ้ายผู้ร้าย คิดจะปล้นชิงวิ่งสะดมใคร ๆ แล้วจะไม่ให้ชาวบ้านช่วยกัน แต่เอาอื่นเข้ามาบรรจบเข้าตามคนเป็นอันมากคัน ด้วยอ้างว่าพระอินทร์ พระพรหม ท้าวเวสสุวรรณ พระยายมราช สั่งมาว่าอย่างนั้นอย่างนี้ อะไร ๆ ไปตามใจคนที่ถือลัทธิต่าง ๆ ที่หนังสือเช่นนี้มีมาแต่หลังเท่าไรกี่ครั้งเล่า จงระลึกดู ก็การอย่างไรที่ทำนายทายทักไว้ในหนังสือนั้น การเป็นอย่างนั้นจริงหรือเปล่าไปหมดเห็นประจักษ์อยู่ จีดเสียบ้างเถิดอย่าตื่นกันเชื่อถือลือเล่าไปนักเลย คำอย่างนี้เป็นคำคนโกงบ้า ๆ บอ ๆ นึกอะไรได้ก็ว่าไปอย่างนั้น นิ่งอยู่ไม่ได้

ยังอีกอย่างหนึ่งลือมาบ่อย ๆ ว่า คนตายไปแล้วกลับเป็นขึ้นมาให้การเลอะ ๆ ไปต่าง ๆ ว่าพระยายมราชบ้าง นายนิรยบาลบ้าง พระอินทร์บ้าง สั่งมาว่าให้ทำอย่างนั้นอย่างนี้ เป็นต้นว่าให้เอาผ้าไปห่มพระปรางค์วัดพุทไธศวรรย์ แลก่อพระทรายไว้หน้าบ้านหน้าเรือน แลปักเฉลวเขียนหม้อตาลปักไว้บ้าง ว่าไปต่าง ๆ อ้างขู่ว่าจะพ้นความไข้ความเจ็บ แลอะไรไปอย่างนั้น คำลือเช่นนี้ที่ต่าง ๆ กัน มีมาบ่อย ๆ คนก็เชื่อทำตามร่ำไป ถ้าหากว่าผู้ที่จะก่อลืออย่างนั้นเป็นคนโลน ๆ จะมาอ้างคำคนตายเป็นคืน หรือเขียนหนังสือมาว่ากล่าวขู่คนด้วยโพยภัยต่าง ๆ ไปแล้ว จะว่าหญิงชายชาวบ้าน ถ้าอยากจะพ้นภัยให้เปลื้องผ้านุ่งผ้าห่มเสียให้หมด มายืนอยู่หน้าบ้านทุกวัน ถ้ามีหนังสือหรือคำลือมาอย่างนี้ จะยอมทำตามหรือ คนที่เขียนหนังสือแลคนลือก็บ้า คนที่ฟังแลทำตามก็บอด้วยกันทั้งนั้น จืดเสียบ้างเถิดอย่าตื่นกันเชื่อถือนักเลย

ประกาศมา ณ วันอังคาร เดือน ๑๐ ขึ้น ๑๓ ค่ำ ปีชวด ฉศก ศักราช ๑๒๒๖ หรือเป็นวันที่ ๔๘๗๑ ในรัชกาลปัตยุบันนี้

----------------------------

 

แชร์ชวนกันอ่าน

แจ้งคำสะกดผิดและข้อผิดพลาด หรือคำแนะนำต่างๆ ได้ ที่นี่ค่ะ