นายสังข์มหาดเล็ก

สมัยกรุงศรีอยุธยาเป็นราชธานี เมื่อสมเด็จพระเจ้าบรมโกษฐ์เสด็จสวรรคต เจ้าอุทุมพรโอรสพระองค์น้อยซึ่งเป็นพระมหาอุปราช ได้รับรัชทายาท แต่เสด็จขึ้นครองราชสมบัติอยู่เพียง ๓ เดือนเท่านั้น ก็ถวายราชสมบัติแก่เจ้าฟ้าเอกทัศน์ผู้เป็นพระเชษฐา ส่วนพระองค์ก็เสด็จออกทรงผนวช สมเด็จพระเจ้าเอกทัศน์จึงได้ขึ้นครองแผ่นดินแต่ปีขาล พ.ศ. ๒๓๐๑

ในหนังสือพงศาวดารฉบับหนึ่งกล่าวว่า เมื่อในรัชกาลพระเจ้าเอกทัศน์นั้น นายสังข์มหาดเล็ก ซึ่งเป็นชาวบ้านคูจาน รับผูกภาษีผักบุ้งนั้น นายสังข์จะได้รับอนุญาตอย่างไรหาปรากฏในหนังสือไม่ ในหนังสือได้กล่าวแต่เพียงว่า นายสังข์มีความกำเริบเสิบสาน ด้วยถือตัวว่าเป็นพี่เจ้าจอมฟัก พระสนมเอก และน้องสาวอีกคนหนึ่งก็ได้เป็นพระสนม จึงบังอาจตั้งข้อบังคับว่า ใครเก็บผักบุ้งขาย ต้องเอามาขายแก่เจ้าภาษีแต่ผู้เดียว ถ้าไปขายให้ผู้อื่น ต้องปรับเงิน ๒๐ บาท นายสังข์ตั้งหน้าตั้งตากดราคาซื้อผักบุ้งราษฎรในราคาถูก แล้วขายขึ้นราคาตามความพอใจของท้องตลาด ราษฎรที่เคยซื้อและขายผักบุ้งมาแต่ก่อนต่างได้รับความเดือดร้อนเป็นอันมาก มี ผู้คนไปร้องทุกข์ต่อข้าราชการผู้ใหญ่ ก็ไม่มีใครนำพาขึ้นกราบทูลเพราะเกรงอิทธิพลของพี่ชายพระสนมเอก ทั้งนายสังข์ก็อ้างว่าตนทำภาษีเก็บเงินเข้าพระคลังหลวง

ครั้นอยู่มาวันหนึ่งสมเด็จพระเจ้าเอกทัศน์ทรงไม่สบายพระทัย บรรทมไม่หลับสนิทมาหลายราตรี จึงมีรับสั่งให้หาละครเข้าไปเล่น จะทอดพระเนตรแก้รำคาญพระราชหฤทัย ครั้งนั้นนายแทนกับนายมีแสดงเป็นตัวจำอวดละครเข้าไปเล่นเป็นตัวผู้ชายคนหนึ่งผู้หญิงคนหนึ่ง ในเรื่องแสดงว่าจะเร่งเอาเงินค่าผูกคอ นายมีเป็นตัวจำอวดหญิงจึงว่า

“จะเอาเงินทองมาแต่ไหนกันพ่อคุณ จนจะตายอยู่แล้ว แม้แต่เก็บผักบุ้งขายก็ยังมีภาษี”

แสร้งว่าอย่างนี้หลายครั้งหลายครา จนสมเด็จพระเจ้าเอกทัศน์ทรงฟังหลากพระทัย จึงโปรดให้ไต่ถามจำอวด “การเมือง” ทั้งสองคนดู ครั้นทรงทราบความที่เป็นมาก็ทรงพระพิโรธนายสังข์มาก มีรับสั่งให้เสนาบดีชำระเร่งเงินคืนให้แก่ราษฎรลงไป ส่วนตัวนายสังข์พี่เขยนั้นเดิมมีรับสั่งให้เอาไปประหารชีวิตเสีย

ต่อมาคลายพระพิโรธลง หรือจะแรงลมปากของพระสนมเอกก็อาจเป็นได้ จึงโปรดให้งดโทษประหารชีวิตไว้

----------------------------

 

แชร์ชวนกันอ่าน

แจ้งคำสะกดผิดและข้อผิดพลาด หรือคำแนะนำต่างๆ ได้ ที่นี่ค่ะ