ภิกษุสามเณรอนาจาร

ในฐานะที่เคยทรงบวชเรียนมามากพรรษา กว่าจะได้เสด็จขึ้นครองราชสมบัติ พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวจึงทรงเห็นช่องโหว่ของการที่พระบวรพุทธศาสนา จะถูกทำลายจากบุคคลบางคนซึ่งอาศัยผ้าเหลืองบังหน้า พระองค์เห็นแก่พระศาสนาและมีความรอบรู้เป็นอย่างดี จึงทรงประกาศห้ามพวกคฤหัสถ์ ไม่ให้สมคบกับภิกษุสามเณรที่ประพฤติตนเป็นอนาจาร มีความละเอียดน่าศึกษามากเรื่องหนึ่ง ความว่า

วันอาทิตย์ เดือน ๑๒ ขึ้น ๖ ค่ำ ปีฉลู เบญจศก จุลศักราช ๑๒๑๕ (ตรงกับ พ.ศ. ๒๓๙๖) เพลาเช้า ๓ โมงเศษ พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรมหามงกุฎสุทธสมมติเทพยพงศ์ วงศาดิศวรกษัตริย์ วรขัติยราชนิกโรดม จาตุรันตบรมมหาจักรพรรดิราชสังกาศ บรมราชาธิราช บรมนาถบพิตร พระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวเสด็จออกทรงปฏิบัติพระสงฆ์ฉันเช้า ณ พระที่นั่งอมรินทรวินิจฉัย มไหสุริยพิมาน โดยสถานอุตราภิมุข พร้อมด้วยพระบรมวงศานุวงศ์ แลข้าทูลละอองธุลีพระบาทผู้ใหญ่ผู้น้อยเฝ้าโดยลำดับ จึงมีพระบรมราชโองการมานพระบัณฑูรสุรสีหนาทดำรัสเหนือเกล้าเหนือกระหม่อมว่า ทุกวันนี้กุลบุตรที่บวชเป็นภิกษุสามเณรเข้าในพระศาสนานั้น บางจำพวกมีศรัทธาตั้งใจรักษาศีลสิกขาบท อุตสาหะเล่าเรียนคันถธุระ วิปัสสนาธุระ ตามสติปัญญา หวังจะให้เป็นประโยชน์ก็มีบ้าง บางจำพวกเป็นคนเกียจคร้านกลัวจะกะเกณฑ์ให้ราชการ หลบลี้หนีเข้าบวชเป็นภิกษุสามเณร อาศัยพึ่งพระศาสนาเลี้ยงชีวิตแล้วประพฤติอนาจารทุจริตต่าง ๆ จนถึงเล่นสวาทเป็นปาราชิกก็มีอยู่โดยมาก เพราะเหตุด้วยคฤหัสถ์ชายหญิงทั้งปวงถือลัทธิผิด เข้าใจว่าชั่วชั่งชีดีชั่งสงฆ์ ถึงจะรู้ว่าภิกษุสามเณรรูปใดประพฤติอนาจารทุจริต กระทำความผิดสิ่งใด ๆ ที่สุดจนถึงเป็นปาราชิกก็ดี ถ้าไม่โกรธกันแล้วก็นิ่งเพิกเฉยเสียดังนี้ ภิกษุสามเณรทั้งปวงจึงพากันประพฤติอนาจารทุจริต กระทำความชั่วลามกได้ต่าง ๆ อนึ่งทรงพระราชดำริเห็นว่า กาลทุกวันนี้ก็มิใช่ต้นพระศาสนาแล้ว พุทธจักรก็ย่อมอาศัยพระราชอาณาจักร พระศาสนาจึงจะวัฒนารุ่งเรืองตั้งอยู่ได้ จึงทรงพระมหากรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อม สั่งหม่อมเจ้าจินดาให้เชิญพระกระแสพระบรมราชโองการออกมาให้ข้าพระพุทธเจ้า พระมหาราชครูปโรหิตาจารย์ พระมหาราชครูมหิธร พระราชครูพิราม พระราชครูพิเชต ขุนหลวงพระไกรศรี แต่งพระราชบัญญัติเพิ่มเติมขึ้นใหม่ แต่นี้สืบไปห้ามอย่าให้คฤหัสถ์ทั้งปวงคบภิกษุสามเณรสูบฝิ่น สูบกัญชา กินสุราน้ำตาลส้ม กินข้าวค่ำ แลกินของที่ไม่ควรภิกษุสามเณรจะกินในเพลาค่ำ กินกับภิกษุสามเณร ณ บ้านเรือนโรงร้านของตนเป็นอันชาต อนึ่งห้ามอย่าให้ขายฝิ่น สุรา กัญชา น้ำตาลส้ม แลขายของที่ไม่ควรภิกษุสามเณรจะกินในเพลาค่ำให้ภิกษุสามเณรกิน แลสมคบให้ภิกษุสามเณรกระทำอนาจารสิ่งใด ๆ ณ บ้านเรือนโรงร้านของตน อนึ่งห้ามอย่าให้ชายหญิงทั้งปวงคบภิกษุสามเณรเล่นโป ถั่ว ไพ่ โปงแปะ แลชนไก่ปลากัดปลาเข็ม เล่นการพนันต่าง ๆ บรรดาเจ้าภาษีนายอากรผูกพระราชทรัพย์ส่งขึ้นท้องพระคลังหลวง แลห้ามอย่าให้ชายหญิงทั้งปวงคบหาภิกษุสามเณรให้เข้ามาอยู่ในบ้านเรือนโรงร้านของตน ตั้งแต่เพลา ๒ ยามจนรุ่งสว่างเป็นอันขาด ถ้ามีกิจสิ่งใด ๆ จะนิมนต์ภิกษุสามเณรเข้ามาในเวลาต้องห้าม ในกรุงเทพพระมหานครแลแขวงกรุงเทพพระมหานคร ก็ให้เจ้าบ้านเรือนโรงร้านนั้น ๆ มาบอก กรมธรรมการแลนายอำเภอผู้ใดผู้หนึ่ง ให้จดหมายศุภมาสวันคืนไว้เป็นสำคัญว่า วันนี้มีธุระสิ่งนั้น จะนิมนต์ภิกษุสามเณรชื่อนั้น อยู่พระอารามนี้ เข้ามาในบ้านเรือนโรงร้านของตนแต่เพลา ๒ ยามจนรุ่งสว่าง ถ้าภิกษุรูปใดสิ้นกิจแล้วแลจะให้กลับไปวัด ก็ให้มาบอกกรมธรรมการนายอำเภอ จดหมายศุภมาสวันคืนไว้ด้วย ถ้าหัวเมืองให้มาแจ้งต่อเจ้าเมือง กรมการ ธรรมการ สำหรับเมืองแลแขวงกำนันให้รู้ไว้เหมือนกรุงเทพพระมหานคร ให้เจ้าเมือง กรมการ ธรรมการ แขวงกำนันผู้นั้น ๆ จดหมายศุภมาสวันคืนขึ้นแรมไว้เป็นสำคัญ อนึ่งห้ามอย่าให้คฤหัสถ์ชายหญิงทั้งปวงลงเรือร่วมภิกษุสามเณร ซึ่งเป็นพาลไปเที่ยวดูกระทง เล่นกฐิน ผ้าป่า เที่ยวพายเรือแข่งเบียดเสียดชายหญิง แลเที่ยวดูโขน หุ่น ละคอน งิ้วหนัง แลการเล่นฟ้อนรำขับร้องต่าง ๆ ให้เสื่อมเสียพระเกียรติยศ ทำให้ชนอันมาแต่นานาประเทศซึ่งถือศาสนาต่าง ๆ ดูหมิ่นประมาทได้

ถ้าผู้ใดบังอาจล่วงพระราชบัญญัติ ฝ่าฝืนขืนคบภิกษุสามเณรสูบฝิ่น สูบกัญชา กินสุรา น้ำตาลส้ม กินข้าวค่ำ กินหมี่ แลของที่ไม่ควรแก่ภิกษุสามเณรจะกินในเพลาค่ำ กินกับภิกษุสามเณร ณ บ้านเรือนโรงร้านของตน แลขายฝิ่น สุรา กัญชา น้ำตาลส้ม แลขายของที่ไม่ควรภิกษุสามเณรจะกินในเพลาค่ำ มีหมี่เป็นต้น ให้ภิกษุสามเณรกิน แลสมคบให้ภิกษุสามเณร กระทำอนาจารลามกสิ่งใด ๆ ณ บ้านเรือนโรงร้านดังกล่าวมานี้ มีผู้มาว่า พิจารณาได้ความจริงนั้น ให้ปรับไหมชายหญิงซึ่งกระทำความชั่วกับภิกษุสามเณร แลสมคบให้ภิกษุสามเณรประพฤติอนาจารทุจริตดังกล่าวมานี้นั้น โดยฐานละเมิดพระราชบัญญัติตามบรรดาศักดิ์ทั้งผัวเมียเป็นพินัยหลวง แลซึ่งผู้ใดบังอาจล่วงพระราชบัญญัติ แลสมคบภิกษุสามเณรให้เล่นโป ถั่ว ไพ่ โปงแปะ แลเล่นขนไก่ ปลากัด ปลาเข็ม เล่นการพนันสิ่งใดสิ่งหนึ่ง ณ บ้านเรือนโรงร้านบ่อนของตน แลเล่นด้วยภิกษุสามเณรก็ดี บรรดามีภาษีอากรเจ้าภาษีอากรได้ส่งเงินขึ้นท้องพระคลังหลวงนั้น ให้ปรับไหมเหมือนคฤหัสถ์ลักใส่บ่อนเล่น อนึ่ง ผู้ใดล่วงพระราชบัญญัติสมคบให้ภิกษุสามเณรเข้ามา ณ บ้านเรือนโรงร้านของตน แต่เพลา ๒ ยามจนรุ่ง ไม่ได้บอกกรมธรรมการ นายอำเภอ ให้รู้จดหมายไว้ แลไม่ได้บอกเจ้าเมืองกรมการ ธรรมการ แขวงกำนันให้รู้จดหมายไว้แล้ว มีผู้มาว่า พิจารณาได้ความจริง ให้ปรับไหมผู้นั้น โดยฐานละเมิดตามบรรดาศักดิ์ทั้งผัวเมียเป็นพินัยหลวง ถ้าภิกษุสามเณรเล็ดลอดลอบเข้าไปในบ้านเรือนโรงร้านของผู้ใด ๆ ในเพลาค่ำแต่รูปเดียว หามีเพื่อนภิกษุแลศิษย์ไม่ แลเข้าไปในบ้านเรือนโรงร้านในเพลา ๒ ยามขึ้นไป ก็ให้เจ้าของบ้านเรือนโรงร้านจับภิกษุสามเณรนั้นมาส่งกรมธรรมการจึงจะพ้นโทษ ถ้าจับมาส่งไม่ได้ ก็ให้มาว่ากล่าวต่อกรมธรรมการแต่ในวัน ๓ วันจงได้ อนึ่งผู้ใดบังอาจสมคบภิกษุสามเณรลงเรือรวมภิกษุสามเณรซึ่งเป็นพาล เที่ยวดูกระทง เล่นกฐิน ผ้าป่า พายเรือเบียดเสียดกับชายหญิงทั้งปวง มีผู้มาว่า พิจารณาเป็นสัจ ให้ปรับไหมผู้เป็นนายลำซึ่งสมคบนั้นโดยฐานละเมิดพระราชบัญญัติตามบรรดาศักดิ์เป็นพินัยหลวง แต่ผู้ที่ร่วมเรือไปด้วยภิกษุสามเณรนั้น ให้ปรับไหมถึงผู้ที่เป็นนายลำ

อนึ่ง ผู้ใดมีศรัทธานิมนต์ภิกษุสามเณรมาเทศนามหาชาติก็ดี สวดศพก็ดี ถ้าภิกษุสามเณรเทศนามหาชาติแลสวดตลกคะนองนอกพระบาลีแล้ว ก็ให้เจ้าของกัณฑ์เจ้าของศพแลผู้นิมนต์ผู้มาฟังนั้น จับภิกษุสามเณรรูปนั้นมาส่งกรมธรรมการแต่ใน ๓ วันจึงจะพ้นโทษ ถ้าไม่จับมาส่งแลไม่นำความมาว่าต่อกรมธรรมการแต่ในกำหนด ๓ วันแล้ว มีผู้มาฟ้องกล่าวโทษ พิจารณาเป็นสัจ ให้ปรับไหมเจ้าของกัณฑ์ เจ้าของศพผัวเมียแลผู้นิมนต์ โดยฐานละเมิดตามบรรดาศักดิ์เป็นพินัยหลวง ผู้ที่มานั่งฟังนั้น ให้ปรับไหมกึ่งเจ้าของกัณฑ์เจ้าของศพ

อนึ่ง ผู้ใดเป็นเจ้าของงานหาโขน หุ่น หาละคอน งิ้ว หนัง แลการเล่นฟ้อนรำขับร้องต่าง ๆ มาเล่น ณ บ้านเรือนก็ดี ตำบลใด ๆ ก็ดี ผู้เป็นนายกำกับงานไปเล่นก็ดี ผู้มาดูงานโรงนั้นก็ดี นอกจากงานภิกษุสามเณรในพระอารามแล้ว ให้เจ้าของงานผู้กำกับงาน แลผู้ซึ่งมาดูฟ้อนรำขับร้องทั้งปวงเอาใจใส่คอยดูแลระวัง ถ้าเห็นภิกษุสามเณรเข้ามาดูงาน เล่นฟ้อนรำขับร้องแล้ว ก็ให้จับภิกษุสามเณรที่มาดูงานรูปนั้น ๆ มาส่งกรมธรรมการตามรับสั่ง ถ้าจับไม่ได้ ก็ให้มาว่ากล่าวต่อกรมธรรมการ แต่ใน ๓ วันจึงจะพ้นโทษ ถ้าเจ้าของงานผู้เป็นนายกำกับการเล่นฟ้อนรำขับร้องต่าง ๆ แลผู้มาดูงานโรงนั้น เห็นภิกษุสามเณรมาดูงานแล้วไม่จับตัวมาส่ง ให้นำความมาว่าใน ๓ วัน มีผู้มาว่า พิจารณาเป็นสัจ ให้ปรับไหมเจ้าของงานแลผู้เป็นนายกำกับไปเล่นนั้น โดยฐานละเมิดตามบรรดาศักดิ์เป็นพินัยหลวง แล้วให้เจ้าของงานผู้กำกับการเล่นฟ้อนรำขับร้องต่าง ๆ นั่งสาบานตัวจำเพาะพระพักตร์พระปฏิมากร แลพระธรรมพระสงฆ์จงสาหัสแล้ว ให้ตุลาการซักถามเจ้าของงานผู้กำกับงานว่า ผู้ใดมาดูการเล่นฟ้อนรำขับร้องร่วมเพลาภิกษุสามเณรบ้าง ถ้าเจ้าของงานผู้กำกับงานให้การว่า คนนั้น ๆ มาดูงานร่วมเพลาภิกษุสามเณรมาดูแล้ว ให้ตุลาการเอาตัวผู้ที่มาดูงานร่วมเพลาภิกษุสามเณรนั้นมาพิจารณา ได้ความจริงแล้ว ให้ปรับไหมกึ่งเจ้าของงาน

อนึ่ง ผู้ที่เห็นภิกษุสามเณรประพฤติอนาจารทุจริต กระทำความผิดต่าง ๆ จนถึงเป็นปาราชิกแล้ว ผู้นั้นไม่จับภิกษุสามเณรรูปนั้นมาส่ง หรือไม่มาว่ากล่าวในกำหนด ๓ วันแล้ว มีผู้มาว่า พิจารณาเป็นสัจ ให้ปรับไหมผู้ที่เห็นภิกษุสามเณรประพฤติอนาจารดังกล่าวมานี้นั้น ถึงผู้เป็นเจ้าของเรือนตามบรรดาศักดิ์เป็นพินัยหลวง ถ้าเป็นความปาราชิก ให้ปรับไหมกึ่งผู้ผิด แต่ผู้ที่รู้ว่าภิกษุสามเณรประพฤติอนาจารดังกล่าวมานี้ ถ้ารู้แล้วไม่นำความมาว่าต่อกรมธรรมการแต่ใน ๓ วัน จนถึงมีผู้มาฟ้องกล่าวโทษ โปรดให้ตุลาการพิจารณาได้ความจริงนั้น ให้ตุลาการทอดเส้นเชือกแต่เรือนผู้ผิดไป ๓๐ วา ถ้าความปาราชิกผู้อยู่ใน ๑๐ วา ให้ปรับไหมเข้าเดือนทำพระอาราม ๓๐ วัน ถ้าผู้อยู่ใน ๒๐ วา ให้ปรับไหมเข้าเดือนทำพระอาราม ๑๐ วัน ถ้าศักดินาตั้งแต่ ๔๐๐ ไร่ขึ้นไป ให้บ่าวไปทำแทน แล้วปรับไหมทวีคูณโดยสมควรตามศักดินามากแลน้อย ถ้าเป็นความภิกษุสามเณรประพฤติอนาจารลามกสิ่งใด ๆ นอกจากความเป็นปาราชิกแล้ว ให้ปรับไหมผู้ที่รู้ความแล้วนิ่งเสียนั้นเสมอผู้อยู่ใน ๓๐ วา แต่เงินค่าปรับไหมโทษละเมิดทั้งปวงซึ่งกล่าวมาทั้งนี้นั้น ให้ตุลาการส่งไว้ในท้องพระคลังหลวง สำหรับไว้พระราชทานเป็นบำเหนีจรางวัลแก่ผู้นำความมาว่าพิจารณาได้ความจริงนั้น ตามสมควรแก่รูปความทุก ๆ เรื่อง

อนึ่ง คฤหัสถ์ชายหญิงทั้งปวงซึ่งประพฤติความชั่วกับภิกษุสามเณรก็ดี สมคบภิกษุสามเณรประพฤติอนาจารทุจริตต่าง ๆ ดังกล่าวมาทั้งนี้ก็ดี แลได้เห็นภิกษุสามเณรประพฤติอนาจารทุจริตต่าง ๆ ดังกล่าวมาทั้งนี้ ถ้าจับภิกษุสามเณรซึ่งประพฤติอนาจารทุจริตกระทำความผิดต่าง ๆ นั้นมาส่งกรมธรรมการ หรือนำความมาว่ากล่าวแต่ในกำหนด ๓ วัน พิจารณาได้ความจริงดังกล่าวหา ทรงพระมหากรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมยกโทษ โปรดพระราชทานให้กับผู้นั้น มิให้ปรับไหมเลย เพราะเหตุว่าผู้นั้นไม่มีความประมาทละเมิดพระราชบัญญัติ แล้วจะพระราชทานบำเหน็จรางวัลให้ตามสมควร อนึ่งเด็กอายุต่ำกว่า ๑๓ ปีนั้น อย่าให้ตุลาการเกาะมาพิจารณาแลเอาค่ารังวัดเลย เพราะว่าเป็นเด็กไม่รู้จักเดียงสาผิดแลชอบ ปรารถนาแต่จะดูงานแลเล่นฝ่ายเดียว

อนึ่ง ผู้ใดเอาวิญญาณกทรัพย์อวิญญาณกทรัพย์สิ่งของทั้งปวง ไปฝากภิกษุสามเณรไว้ ณ กุฏิพระอารามใด ๆ แลมีโจรผู้ร้ายลอบลักทรัพย์สิ่งของไปได้ มีผู้มาว่า ตุลาการพิจารณาได้ทรัพย์สิ่งของคืน ทรัพย์นั้นไม่ควรจะคืนให้กับเจ้าของ ด้วยเหตุว่าเจ้าของทรัพย์ไม่รักษาทรัพย์สิ่งของทั้งปวงของตนไว้ ณ บ้านเรือน เจ้าของทรัพย์มีความประมาทละเมิดพระราชบัญญัติห้ามครั้งนี้ ให้ตุลาการมอบทรัพย์สิ่งของซึ่งพิจารณามาได้นั้น ให้เจ้ากรมปลัดกรมข้าพระปฏิมากรแก้วมรกต รักษาไว้ในพระอุโบสถวัดพระศรีรัตนศาสดาราม สำหรับจ่ายบุรณะปฏิสังขรณ์พระพุทธรูป พระสถูปเจดีย์ แลพระอารามซึ่งชำรุดต่อไป ถ้าผู้ใดไม่กระทำตามพระราชบัญญัติ ยังฝ่าฝืนขืนคบภิกษุสามเณรกระทำความชั่วลามกต่าง ๆ ดังกล่าวมานี้ โปรดเกล้าโปรดกระหม่อมจะให้ลงโทษกับผู้นั้นตามโทษานุโทษจงหนัก

ถ้าคฤหัสถ์ชายหญิงทั้งปวง รู้ว่าภิกษุสามเณรประพฤติอนาจารทุจริต กระทำความผิดลามกต่าง ๆ จนถึงเป็นปาราชิกแล้ว แลจับภิกษุ สามเณร ซึ่งกระทำผิดรูปนั้นมาส่งกรมธรรมการ หรือมาว่ากล่าวลุกะโทษตามพระราชบัญญัติแล้ว ภิกษุสามเณรทั้งปวงนั้นก็จะเข็ดขยาดมิอาจกระทำความชั่วลามกดังกล่าวมาต่าง ๆ ได้ พระศาสนาที่จะวัฒนาการรุ่งเรืองสืบต่อไป พอเป็นที่เลื่อมใสแก่สัปปุรุษทายกทั้งปวง

----------------------------

  1. ๑. คือการแบ่งทรัพย์ตามกฎหมายเดิมออกเป็น ๒ อย่าง คือ วิญญาณกทรัพย์ ทรัพย์ที่มีชีวิตกับอวิญญาณกทรัพย์ ทรัพย์ที่ไม่มีชีวิต ซึ่งในอวิญญาณกทรัพย์นี้ก็มีทั้งทรัพย์ที่เคลื่อนที่ได้และเคลื่อนที่ไม่ได้รวมอยู่ด้วย ซึ่งตามกฎหมายใหม่จึงแบ่งทรัพย์ออกเป็น สังหาริมทรัพย์ ทรัพย์เคลื่อนที่ได้ และอสังหาริมทรัพย์ ทรัพย์เคลื่อนที่ไม่ได้ (ขุนสมาหารหิตะคดี (โป๊ โปรคุปต์), พจนานุกรมกฎหมาย, พิมพ์ครั้งที่ ๒, โรงพิมพ์เดือนตุลา, กรุงเทพฯ, ๒๕๔๙, น. ๓๐๙ - ๓๑๐.)

 

แชร์ชวนกันอ่าน

แจ้งคำสะกดผิดและข้อผิดพลาด หรือคำแนะนำต่างๆ ได้ ที่นี่ค่ะ