ตัดศีรษะบูชาพระ

“ประกาศการถือศาสนาแลผู้ที่ถือผิด” ของพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เมื่อปีมะเมีย สัมฤทธิศก มีสาระสำคัญอยู่ ๒ เรื่อง ในฉบับเดียวกัน เรื่องแรกเกี่ยวกับศาสนาและลัทธิบูชายัญ แต่เรื่องหลังเกี่ยวกับเรื่องชู้สาวที่พาดพิงไปถึงชาววัดด้วย

เรื่องแรกมีความที่น่าสนใจ และสำนวนก็เข้าถึงแก่นอย่างจริงจังดังต่อไปนี้

ว่าธรรมเนียมผู้ครองแผ่นดินที่เป็นยุติธรรม มิได้ห้ามราษฎรทั้งปวงในการถือศาสนาเป็นที่พึ่งของตัว ๆ ในเวลาที่สุดแลกาลเบื้องหน้า ทรงอนุญาตยอมให้คนถือศาสนาตามอัธยาศัย

ด้วยว่าการถือศาสนาลางสิ่งก็ต้องกัน เหมือนอย่างไม่ฆ่าสัตว์ ไม่ลักทรัพย์ ไม่ล่วงเกินในการเมถุนสังวาสทำชู้ภรรยาของผู้อื่น แลไม่เจรจาคำเท็จ แลไม่เสพสุรา แลอดความโกรธ มีเมตตากรุณาแก่กัน แลซื่อสัตย์กตัญญูกตเวที แลให้ปันสิ่งของ เฉลี่ยความสุขแก่กัน แลทำความดีอื่น ๆ ซึ่งเป็นคุณประโยชน์แก่กันก็มีอีกหลายอย่าง คนทุกชาติทุกภาษา ทุกศาสนาก็เห็นพร้อมกันว่าเป็นความดี ความชอบ เป็นยุติธรรม ก็การลางสิ่งซึ่งเป็นการขัดต่อการแผ่นดินบ้านเมือง ถึงคนบางจำพวกที่เป็นคนใกล้จะเสียจริต นับถือว่าใครทำได้เป็นคนดีมีศรัทธาแก่กล้า จะเห็นว่าเป็นบุญกุศลมาก ด้วยได้ฟังคำเล่าลือ แลได้ฟังพระสงฆ์บางรูปที่ไม่ได้เล่าเรียนศึกษาพระไตรปิฎกธรรมให้รู้จริง มาเทศนาเลอะ ๆ ลาม ๆ ใกล้จะเสียจริตพรรณนาสรรเสริญว่าเป็นบุญเป็นกุศลมาก แล้วหลงใหลเห็นตามไป เหมือนอย่างเผาตัวบูชาพระรัตนตรัย แลเชือดคอเอาศีรษะบูชาพระ เชือดเนื้อรองเลือดใส่ตะเกียงตามบูชา แลทำการอื่นที่ขัดต่อราชการแผ่นดินก็ดี มีโดยชุกชุมเหมือนอย่างสามเณรสุกเผาตัวที่วัดหงสาราม แลนายเรืองนายนกเผาตัวบูชาพระที่หน้าพระอุโบสถวัดอรุณราชวราราม แลนางชีผู้หนึ่งเผาตัวบูชาพระพุทธบาท เป็นตัวอย่างเห็นอยู่ทั่วกันดังนี้ ผู้ครองแผ่นดินที่เป็นธรรม แลท่านเป็นคนฉลาดทั้งปวง ไม่เห็นว่าเป็นความดีความชอบด้วยเลยแต่ศาสนาหนึ่ง ก็การเผาตัวบูชาพระก็ดี เชือดเนื้อรองโลหิตใส่ตะเกียงตามบูชาพระก็ดี ตัดศีรษะบูชาพระก็ดี เห็นว่าไม่ใช่ทางของคนฉลาด เป็นหนทางของคนเสียจริตแลคนที่ใกล้จะเสียจริต ไม่ควรที่คนทั้งปวงจะเห็นว่าเป็นการบุญการกุศลในพระพุทธศาสนา นัก ปราชญ์ได้ค้นหาในคัมภีร์ที่ควรเชื่อได้ว่าเป็นพระบาลีพุทธภาษิต หรือสาวกภาษิตในศาสนา ก็ไม่พบเห็นเลยแต่สักแห่งหนึ่งว่าการทำอย่างนั้นเป็นบุญเป็นกุศล ถึงจะมีในหนังสือแปลร้อยที่พระสงฆ์ซุ่มซ่ามเทศนาลวงสัปปรุษที่โง่ ๆ อื่น ๆ ให้นับถืออยู่บ้างก็ดี เมื่อพิเคราะห์ดูจริง ๆ ก็เห็นว่าไม่ใช่สำนวนในพระศาสนา ชะรอยจะเป็นสำนวนของคนที่โง่ ๆ ตื่น ๆ ใกล้จะเสียจริตแน่แล้ว อย่าให้ใครเชื่อฟังเอาเป็นตัวอย่างเลยเป็นอันขาด ถึงในพระวินัยบัญญัติก็ให้ห้ามไว้ มิให้พระสงฆ์ชักชวนคนให้ฆ่าตัว ถ้าพระสงฆ์ใดชักชวนมนุษย์ให้ตายด้วยวจีประโยคก็เป็นปาราชิก เพราะฉะนั้น จึงเห็นได้ว่าไม่ใช่การบุญการกุศล ไม่ควรจะอนุโมทนายอมตามเลย เป็นการขัดต่อแผ่นดิน ถึงในพระศาสนาอื่น ๆ ก็เห็นว่าจะไม่มีใครสรรเสริญว่าเป็นความดีมีความชอบแต่สักแห่งเลย

เพราะฉะนั้น ตั้งแต่นี้สืบไปอย่าให้ใครเผาตัวบูชาพระ ตัดศีรษะบูชาพระ เชือดเนื้อรองโลหิตตามตะเกียงบูชาพระเลยเป็นอันขาด เพราะว่าเป็นการขัดต่อราชการแผ่นดิน เมื่อผู้ใดได้เห็นใครเผาตัวบูชาพระ หรือตัดศีรษะ เชือดเนื้อรองโลหิตตามตะเกียงบูชาพระก็ดี หรือได้เห็นใครผูกคอตาย โจนน้ำตายก็ดี ก็ให้เข้าช่วยว่ากล่าวห้ามปราบแย่งชิงเครื่องศัสตราวุธเสีย อย่าให้ผู้นั้นทำได้ ถ้าตัวผู้เห็นคนเดียวกำลังน้อยหรือกลัวศัสตราวุธจะเข้าแย่งชิงมิได้ ก็ให้ร้องบอกเรียกผู้อื่นมาให้ช่วยกันห้ามปราม ผู้ซึ่งได้รู้เห็นแลจะนิ่งดูดายเสียไม่ห้ามปราม หรือจะพลอยเห็นว่าได้บุญได้กุศลนั้นไม่ได้ ถ้าผู้ใดได้รู้เห็นแล้วดูดายเสีย ไม่ว่ากล่าวห้ามปรามแย่งชิงเครื่องศัสตราวุธ หรือไม่ช่วยตัดเชือกก็ดี จะให้ผู้นั้นเสียเบี้ยปรับตามรังวัด ถ้าผู้รู้เห็นอยู่ในที่ใกล้...

----------------------------

 

แชร์ชวนกันอ่าน

แจ้งคำสะกดผิดและข้อผิดพลาด หรือคำแนะนำต่างๆ ได้ ที่นี่ค่ะ