วันที่ ๑๙ เมษายน พ.ศ. ๒๔๗๖ น

ตำหนักปลายเนีน คลองเตย

วันที่ ๑๙ เมษายน ๒๔๗๖

กราบทูล สมเด็จกรมพระยาดำรงฯ ทราบฝ่าพระบาท

ลายพระหัตถ์ ลงวันที่ ๑๔ แลที่ ๑๖ ได้รับประทานแล้วทั้ง ๒ ฉะบับ พระเดชพระคุณหาที่สุดมิได้

ความคิดที่จะบูรณปฏิสังขรณ์ปฐมบรมราชานุสสรณ์นั้น เกล้ากระหม่อมกราบทูลเร่งร้นเกินไปหน่อย เพราะนึกถึงความตาย ถ้าพวกเราพากันร่วง ๆ หมดไปเสียแล้ว กลัวจะไม่มีใครอินัง ความหวังที่รัฐบาลจะให้เงินนั้นมีน้อยเต็มที ความหวังอันมีมากที่สุด ก็ที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เมื่อถึงโอกาสที่สมควรก็คงจะทรงบริจาคพระราชทรัพย์ส่วนพระองค์สนองพระเดชพระคุณอีกไม่น้อย

ปัญหาเรื่องบรรจุพระอัฏฐิสมเด็จพระปฐมบรมมหาชนกที่กราบทูลถามมานั้น สาเหตุที่ทำให้สงสัยก็คือเครื่องทองน้อยนั้นเอง ตามเสด็จเมื่อเล็ก ๆ เห็นทรงบูชา เข้าใจเอาเป็นมั่นเหมาะว่าทรงบูชาพระอัฏฐิ แต่จะเป็นพระอัฏฐิใครไม่มีหัวพอที่จะเข้าใจ แต่ที่เข้าใจว่าเป็นทรงบูชาพระอัฏฐินั้น จะเป็นใครบอกหรืออย่างไรก็นึกไม่ออกเลย จึงได้กราบทูลถามเผื่อจะทรงทราบแน่นอน

จะกราบทูลเรื่องพระที่นั่งพุทไธสวรรย์ ราชบัณฑิตยสภาคิดจะซ่อม นายฟอรโนจึ่งไปตรวจมาทำแบบเพื่อกะการซ่อม เกล้ากระหม่อมไปเห็นแบบก็สนใจ ด้วยได้ทราบสิ่งที่ไม่เคยทราบขึ้นบ้าง ใต้ถุนพระที่นั่งนั้น ถัดที่ตั้งพระพุทธสิหิงค์เดี๋ยวนี้เข้าไปข้างหลังอีกห้องหนึ่งมีก่ออิฐเป็นแท่นปูนไว้สองข้างชิดฝา น่าจะเป็นทำขึ้นเพื่อรองรับปราสาทปรางค์ ๕ ยอด ของเก่า ถ้าเป็นดังนั้นคงจะรับแต่หัวคานฐานปราสาท กลางเปิดไว้เปนช่องเดิร พาไล เกล้ากระหม่อมว่าเป็นของต่อใหม่เช่นเคยกราบทูลไว้ แต่นายฟอรโนแกไม่ยอม แกว่าแกขุดดูตัวไม้ขื่อพาไลที่ฝังเข้าไปในผนังดูตัวหนึ่ง เพื่อจะรู้ว่าผุหรือไม่ผุ เห็นขื่อนั้นฝังเข้าไปลึกมาก จนอีกสองสามนิ้วก็จะทลุถึงผนังข้างใน ถ้าเป็นของขุดฝังเติมทีหลังจะต้องทลุถึงรูปเขียน ข้างในเสีย นี่รูปเขียนก็อยู่ดี จะเป็นขุดฝังใหม่ไม่ได้ เกล้ากระหม่อมก็ไม่มีอะไรเถียง แต่เสาสี่เหลี่ยมซึ่งแสดงว่าเป็นแบบในรัชชกาลที่ ๓ นั้น มีเสาไม้อยู่ข้างใน ลางทีของเดิมจะเป็นเสาไม้ หรือเป็นเสาไม้บวกปูนปั้นบัวปลายเสาเป็นบัวคลุ่ม อย่างเดียวกับที่พาไลพระวิมาน เห็นทีจะเป็นเช่นนั้นเสียมาก แล้วจะแตกแตนผุพัง จึงมาก่อแก้เป็นเสาเหลี่ยมอึดทึดในรัชกาลที่ ๓

ทางเที่ยวมณฑลนครศรีธรรมราช ตามที่ทรงพระเมตตากะประทานไปนั้น เกล้ากระหม่อมตกลงถือเอาอย่างออกจากสงขลาไปนครศรีธรรมราช แล้วไปพัทลุงข้ามไปเมืองตรัง แล้วกลับมาลงเรือที่สงขลา ถ้ามีอะไรควรดูที่อยู่ใกล้เคียงแถวนั้นก็จะไปเปลี่ยนทางเอาข้างหน้า

ใบให้พรของราชบรรณาลัยกรุงกัมพุชนั้นของเขาเข้าทีอยู่มาก ในหน้าปกเขาสวมชวนพรให้แก่ประชาชนทั่วไป พรอันจะเป็นที่พึงใจแก่คนทั้งหลายทั่วไปเขาเห็นว่าน้ำฝน จึงทำเปนรูปพระพุทธเจ้าปางเรียกฝน มีความคิดอยู่ในนั้นมาก เกล้ากระหม่อมควรจะเขียนถอดหนังสือเขมรเป็นไทยมาถวายแต่ทำไม่ทัน จะถวายมาทีหลัง

หวังว่าฝ่าพระบาทจะทรงพระสำราญพร้อมทั้งหลาน ๆ ด้วย

ควรมิควรแล้วแต่จะโปรด

สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้ากรมหลวงนริศรานุวัดติวงศ์

แชร์ชวนกันอ่าน

แจ้งคำสะกดผิดและข้อผิดพลาด หรือคำแนะนำต่างๆ ได้ ที่นี่ค่ะ