วันที่ ๑๔ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๔๗๖ ดร

บ้านซินนะมอน ฮอลล์, ปีนัง.

วันที่ ๑๔ กุมภาพันธ์ พุทธศักราช ๒๔๗๖

ทูล สมเด็จกรมพระนริศร ฯ

หม่อมฉันได้เขียนจดหมายถวายท่านฉะบับ ๑ จะให้ชายดิศศานุวัติ ถือมาถวายเองเมื่อกลับเข้ามากรุงเทพฯ เพื่อทูลขอพระบารมีท่านทรงช่วยเสด็จไปมั่นหญิงหลุยต่อเจ้าจอมมารดาอ่อนให้แก่เธอแทนตัวหม่อมฉัน และเชื่อว่าคงจะทรงพระกรุณาโปรดโดยไม่รังเกียจ ขอทูลรายการตามความคิดให้ทรงทราบในจดหมายฉะบับนี้ คือในชั้นนี้ตกลงกันเพียงแต่จะมั่นไว้ก่อน ส่วนที่จะแต่งงานนั้นจะต้องรอไว้จนกว่าชายดิศศานุวัติมีงานทำหาผลประโยชน์ได้พอเลี้ยงกันได้จึงจะแต่งงาน หม่อมฉันมาคิดปรารภว่าในเวลานี้ชายดิศศานุวัติก็ถูกไล่จากราชการ เปนคนลอยตัวอยู่จะให้เที่ยวเตร็จเตร่อยู่ในกรุงเทพ ฯ หม่อมฉันก็วิตก ด้วยตัวเธออยู่ในบุคคลจำพวกที่รัฐบาลได้ประกาศว่าไม่ไว้ใจ ถ้าเผลอพลั้งอย่างไรก็จะได้ความเดือดร้อน ถ้าออกมาอยู่เสียด้วยกันกับหม่อมฉันให้ห่างไกลจนกว่าจะหางาน ทำได้ จะค่อยคลายความวิตกและจะเปนประโยชน์แก่ตัวหม่อมฉันด้วย เพราะมีแต่ลูกผู้หญิงอยู่ด้วยกัน ไม่มีใครสำหรับจะใช้สอยในเมื่อมีกิจสำหรับผู้ชายทำ หม่อมฉันยังลำบากอยู่ด้วยเรื่องนี้ แต่ชายดิศศานุวัติก็มีกิจที่ต้องทำการแทนหม่อมฉันในเรื่องเก็บผลประโยชน์ทางกรุงเทพฯ แต่ก็ไม่เปนการมากมายใหญ่หลวงฉันใด เธอทูลลามาครั้งนี้ ๑๕ วัน หม่อมฉันจึงแนะนำว่าเมื่อกลับเข้าไปกรุงเทพ ฯ แล้ว ให้ขอประทานอนุญาตมาอยู่กับหม่อมฉันได้ตลอดเวลาที่หม่อมฉันอยู่ปีนัง ต่อมีกิจธุระจึงเข้าไปกรุงเทพ ฯ เหมือนอย่างเช่นเขาทูลลาไปมาที่หัวหินประจำตัว ไม่ต้องทูลลาทุกคราวที่มา หม่อมฉันหวังใจว่าคงจะโปรดประทานอนุญาตตามประสงค์

ชายดิศศานุวัติได้นำของที่คุณโตฝากมาส่งหลายสิ่ง ขอได้โปรดบอกเธอด้วยว่าหม่อมฉันขอบคุณเธอมาก ของต้องใจโดยฉะเพาะนั้นคือปลาแห้งเพราะหายากที่นี่ ปลาดอยู่ที่ชาวปีนังถ้าเปนจีนไม่ชอบกินปลาน้ำจืด เพราะฉะนั้นปลาน้ำจืดเช่นปลาดุกเปนต้น ในตลาดขายราคาถูกมาก แต่ปลาแห้งดูชาวเกาะหมากหาชอบกินกันไม่ เมื่อก่อนหญิงจงจะกลับเข้าไปวันหนึ่ง ไม่รู้ว่าไปได้ปลาแห้งมาจากที่ไหน เอามาทอดให้กินอร่อยเหมือนเมื่อกินที่ห้ององครักษ์ เล่นเอาคิดถึงหญิงอาม หมู่นี้กำลังคิดปรับค่าใช้จ่ายให้สิ้นเปลืองน้อยลง เช่นเปลี่ยนดวงโคมไฟฟ้าให้เล็กลง บอกเลิกโทรศัพท์และเตาไฟฟ้าเปนต้น คิดดูค่าการกินอยู่ปีนังถูกกว่าอยู่หัวหินเสียอีก และหาอะไรกินก็ไม่ยาก เว้นแต่บางอย่าง เช่นปลาแห้งดังทูลมาแล้ว อากาศก็กำลังสบายไม่หนาวจัดหรือไม่ร้อนจัดทั้ง ๒ อย่าง ความรำคาญที่รู้สึกว่ามาอยู่บ้านเมืองของเขาอื่นเมื่อคุ้นเข้าก็ค่อยคลายไป ชาวเมืองนี้ก็ดูเหมือนจะรู้จักมากขึ้น เดี๋ยวนี้โทรเลขหรือหนังสือที่เขียนแต่ชื่อหม่อมฉันกับปีนังเท่านั้นก็ส่งมาถึง

นึกขึ้นถึงคำสำหรับถวายทรงพิจารณาได้คำหนึ่ง คือที่มักพูดกันว่า ศรีสันวัณณะ คำว่า “สัน” มาแต่อะไร และของสิ่งหนึ่งที่เรียกกันว่าสีสวรรค์ คำว่า “สวรรค์” มาแต่อะไร คำว่า สรร กับ สวรรค์ ที่ใช้ประกอบกับคำ “ศรี” นี้เปนญาติกันหรือไม่

เมื่อเขียนจดหมายมาถึงเพียงนี้ หม่อมฉันได้รับลายพระหัตถ์ฉะบับลงวันที่ ๑๐ จึงเขียนตอบต่อกันไปทีเดียว

เมื่อเมล์คราวหลังหม่อมฉันได้ส่งจดหมายไปถวายฉะบับ ๑ เล่าเรื่องพิธีของพวกฮินดูโดยพิสดารตามที่ได้รู้เห็น กับได้ส่งคำให้การเรื่องไปเรื่องสุมาตราไปถวายด้วยในเมล์คราวเดียวกัน หวังใจว่าพอจะเปนเครื่องทรงสำราญพระหฤทัยได้บ้าง รายชื่อผู้ที่ไปส่งเสด็จที่สุมาตราตามที่หนังสือพิมพ์ลงนั้น มีพระนามกรมหลวงสิงห์กับพระยามโนเกินไป กรมหลวงสิงห์ไม่ได้ไปเพราะประชวรดังได้ทูลไปแล้ว ส่วนพระยามโนนั้น วันหนึ่งหม่อมฉันไปซื้อของที่ห้างไวต์เอเวที่เมืองนี้ พบพระยามโน แกมากระซิบถามว่าอยากจะไปส่งเสด็จที่สุมาตรา หม่อมฉันจะเห็นควรหรือไม่ หม่อมฉันได้ตอบว่าอย่าไปดีกว่า เพราะตัวแกมีข้อบาดหมางอยู่กับรัฐบาลในกรุงเทพ ฯ ถ้าแกไปส่งเสด็จอาจจะเกิดความเข้าใจผิดให้ในหลวงต้องรำคาญพระราชหฤทัย ไม่ไปดีกว่า มีไทยไปสุมาตราในเรือลำเดียวกับหม่อมฉันอีกพวกหนึ่ง คือคุณหญิงรามราฆพกับนายประสาท สุขุม จะไปรับเจ้าพระยาราม ซึ่งจะกลับมาด้วยเรือฮอลันดากำหนดวันที่ ๒๒ ได้มาปรึกษาหม่อมฉันเหมือนกันว่าจะเข้าไปเฝ้าส่งเสด็จด้วยควรหรือไม่ หม่อมฉันก็บอกว่าอย่าเข้าไปเลยจะดีกว่า ด้วยการที่เข้าไปนั้นก็ปรากฏอยู่ว่าไปรับเจ้าพระยาราม มิใช่เจตนาไปส่งเสด็จ อีกประการหนึ่ง พระเจ้าอยู่หัวเสด็จประทับเปนแขกของเจ้าเมืองอยู่ ไม่ใช่ในบ้านที่เราจัดหาเอง ท่าทางที่เข้าไปเฝ้าแหนดูก็จะยาก เลยหลบเสียทีเดียวดีกว่า ส่วนเจ้าพระยารามนั้น แคล้วกันไม่ได้พบกับหม่อมฉัน เพราะเขามาถึงภายหลังหม่อมฉันออกจากเมืองเมดานเสียแล้ว เมื่อหม่อมฉันไปถึงบรัสตากี ได้ทราบจากพวกโฮเตลว่าเจ้าพระยารามได้ขึ้นไปแต่ไม่ได้ค้าง เพราะรีบกลับลงมาลงเรือกลับกรุงเทพ ฯ พิเคราะห์ดูในหนังสือพิมพ์ข่าวเมื่อแกเข้าไปถึงกรุงเทพ ฯ ดูก็เปนเจ้าพระยารามอย่างแต่ก่อนอยู่นั่นเอง

เรื่องดูสังข์ทักษิณาวัตรให้ใช้ ออปั้นกิ่ม เปนกุญแจนั้นดีนัก หม่อมฉันยังไม่เคยได้ยินและไม่เคยมีกิจที่จะสังเกตด้วยจึงไม่ทราบ เรื่องมือเจ้าเซ็นที่นายฉ่ำนายช้างเขาทูลว่า เปนเครื่องหมายพระเจ้า ๕ พระองค์นั้น เปนความจริง หม่อมฉันเคยได้ยินคำอธิบาย เหตุด้วยตามคติศาสนาอิสลามห้ามขาดไม่ให้ทำรูปเคารพ พวกสุหนี่ใช้เขียนตัวหนังสือเปนเครื่องหมายพระเจ้า ๕ องค์ คือ ๑. มหมัต ๒. อบูบกัด ๓. โอสะหม่าน ๔. โอมา ๕. อาลี ครั้นพวกอิสลามแยกออกเปนนิกายเซียะ (คือพวกเจ้าเซ็น ไม่นับถือกาหลิบที่ถืออำนาจต่อพระมหมัด ๓ องค์) จึงตั้งคติพระเจ้า ๕ องค์ขึ้นใหม่ คือ ๑ พระมหมัต ๒. นางฟะติมา ธิดาพระมหมัด ๓. อาลี สามีนางคดียาธิดาพระมหมัต ที่เปนมารดาของสีหซัน และ ๕. ฮูเซน คิดทำเปนมือแทนโล่ห์ตัวหนังสือเปนเครื่องสักการบูชา ดังนี้

หม่อมฉันนึกเสียดายที่เณรงั่วไม่ได้เข้าแปลหนังสือเพิ่มประโยค ถ้าแปลได้ก็จะหาไทยธรรมส่งไปทำขวัญจากปีนัง

ควรมิควรแล้วแต่จะโปรด

สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ

แชร์ชวนกันอ่าน

แจ้งคำสะกดผิดและข้อผิดพลาด หรือคำแนะนำต่างๆ ได้ ที่นี่ค่ะ