วันที่ ๕ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๔๗๖ ดร

บ้านซินนะมอน ฮอลล์, ปีนัง

วันที่ ๕ กุมภาพันธ์ พุทธศักราช ๒๔๗๖

ทูล สมเด็จกรมพระนริศรฯ

ไดอารีที่หม่อมฉันเขียนกับสมุดรูปที่หม่อมฉันถ่ายเมื่อไปเกาะสุมาตราพิมพ์เสร็จแล้ว จึงส่งมาถวายท่านพร้อมกับจดหมายฉะบับนี้ตามที่ได้ทูลสัญญา

ในจดหมายของหม่อมฉันเขียนเมื่อกลับจากสุมาตรา ได้ทูลต่อไปถึงเรื่องพวกฮินดูทำพิธีการแห่แหนในปีนัง เมื่อวันหม่อมฉันกลับมาถึง ได้ทูลไปแต่ย่อๆ เพราะรีบเขียนจดหมาย ยังไม่ได้เที่ยวดูงานของเขาให้ถ้วนถี่ ครั้นต่อมาได้ไปดูงานอีกหลายครั้ง จนถึงวันสุดของการพิธีได้ความรู้เห็นเพิ่มเติม จึงจะเล่าถวายในจดหมายฉะบับนี้

๑. ที่ในเกาะปีนังมีเทวสถานของพวกชาวฮินดูหลายแห่ง สร้างที่ในเมืองบ้าง นอกเมืองบ้าง บนภูเขาบ้าง แต่ละแห่งมีปรางค์ประดับด้วยรูปภาพอย่างเช่นที่ถนนสีลม แต่เทวสถานที่ถนนน้ำตกเปนใหญ่และสำคัญกว่าเพื่อน เปนเทวสถานอยู่ในที่ราบมีกำแพงล้อมบริเวณกว้างใหญ่ และมีเทวสถานน้อยอยู่บนไหล่เขาเนื่องไปอีกแห่ง ๑ จึงเปนที่ทำพิธีที่บรรยายว่าทำทุกปี และพวกเจติที่มีอาชีพให้คนกู้เงินออกค่าใช้จ่ายให้ทำปีละหลายๆ หมื่นเหรียญ

๒. การพิธีที่ทำ ตามหนังสือพิมพ์ฝรั่งเรียกว่า Thai Phusam (หม่อมฉันได้ตัดหนังสือพิมพ์พรรณาการพิธีตามสำนวนฝรั่งส่งมาถวายด้วย) ได้หลักเพียงว่าเปนพิธีทำเมื่อพระจันทรเต็มดวงในปุษยมาส แต่อย่างไรเจ้าพวกนี้มาทำกลางเดือน ๓ หาทราบไม่

๓. โครงการพิธีนั้น คือวันต้นเชิญเทวรูปองค์ ๑ จากสถานแห่ง ๑ ในเมืองขึ้นรถแห่ไปประดิษฐานที่เทวสถานถนนน้ำตก พวกฮินดูบอกว่าเชิญเทพเจ้าผู้เปนผัวให้ไปอยู่กับเทพธิดาผู้เปนเมีย

๔. ที่ในเทวสถานเขาไม่ห้ามปรามปล่อยให้เราเข้าไปเดินดูได้ตามใจชอบ ห้ามแต่มิให้เราเข้าไปในกุฏิปรางค์ที่ตั้งเทวรูป ถึงกระนั้นก็พอแลเห็นเทวรูปได้ถนัด แต่จะพิจารณาว่าจะเปนรูปเทพเจ้าองค์ไหนรู้ไม่ได้ ด้วยเขาคลุมด้วยเครื่องอาภรณ์มีเพ็ชรพลอยอย่างมีค่าเต็มไป เห็นแต่หน้าเทวรูปเท่านั้น สังเกตุวัตถุที่ตั้งบูชาในเทวสถานก็ปลาดใจ ด้วยไม่มีรูปศิวลึงค์ หรือนันทีหรือครุฑและวานร มีแต่รูปนกยูง เทวรูปปั้นไว้บนหลังประตูเทวสถานก็เปนรูปพระขันธกุมาร

๕. เมื่อแห่เทวรูปไปไว้ในเทวสถานแล้ว พวกฮินดูก็พากันไปนมัสการกราบไหว้และขอสิริมงคล หม่อมฉันได้ไปยืนดูวิธีขอสิริมงคล ดูชอบกลคล้ายกับทำขวัญ คือมีพราหมณ์ผู้ทำพิธีประจำอยู่ที่ประตูปรางค์ ใครไปขอสิริ (เมื่อให้ค่าธรรมเนียมหยอดลงกระป๋องแล้ว) พราหมณ์ผู้ทำพิธีเอามะพร้าวห้าวผ่าเปน ๒ ซีกเทน้ำทิ้งเสีย แล้วเอากล้วยกับใบพลูใส่ลงในมะพร้าวซีก ๑ ส่งให้ผู้ขอสิริมงคลถือไว้ พราหมณ์จุดไฟในตะเกียงกิ่งขึ้นแกว่งบูชาตรงหน้าเทวรูปครู่ ๑ แล้วดับตะเกียงนั้น หยิบขี้ธูปที่มีสำรองไว้ส่งให้ผู้ขอสิริเอาไปโรยบนศีร์ษะ ทาหน้าผาก และโปรยลงบนของในกะลามะพร้าว รับถือไปเดินประทักษิณปรางค์แล้วกลับมาตรงหน้าเทวรูป ทำเบญจางคประดิษฐ์บ้าง อัษฎางคประดิษฐ์บ้าง เสร็จแล้วนั่งกินกล้วยขวัญลูก ๑ หรือมิถึงลูกแล้วเปนเสร็จพิธี เมื่อจะกลับไปกะลามะพร้าวขวัญนั้นก็ทิ้งไว้ที่นั่น

๖. การพิธีที่ร้ายกาจนั้น เมื่อแห่เทวรูปไปแล้วรุ่งขึ้นตามเทวสถานอื่นๆ จัดการให้คนแก้สินบล (ลูกหม่อมฉันได้ไปดูแห่ง ๑ กลับมาเล่า แต่ตัวหม่อมฉันไม่ได้ไปดูเอง) ผู้ที่บลนั้นมักจะเปนชั้นรุ่นและเด็ก ผู้ชายก็มีผู้หญิงก็มี ไปให้พราหมณ์แทงแก้มแทงลิ้นและแทงตัวด้วยเข็มเหล็กจนทลุ นัยว่าที่เปนลมก็มี แล้วแห่เอาไปยังเทวสถานที่ถนนน้ำตก ให้ประทักษิณแล้วให้เดินต่อไปขึ้นเขาถึงเทวสถานน้อย ประทักษิณแล้วจึงปลดเข็มออก เปนเสร็จสิ้นการแก้บลพรรณนาในหนังสือพิมพ์ฝรั่งดูน่าสยดสยอง

๘. ถึงวันที่สุดเวลาค่ำเชิญเทวรูปแห่กลับไปส่งเทวสถาน เมื่อรถเชิญเทวรูปมาถึงสนามม้าหยุดที่นั่น มีจุดดอกไม้ไฟที่สนามให้พระเปนเจ้าทอดพระเนตรอย่างหรูหรา คล้ายกับเมื่อสมเด็จพระพุทธเจ้าหลวงเสด็จกลับจากยุโรปคราวหลัง คนไปดูกันทั้งบ้านทั้งเมือง ว่าสั่งดอกไม้มาจากยุโรปราคาตั้งหมื่นเหรียญ

พิเคราะห์ดูมันเปนเรื่องเดียวกับพิธียืนชิงช้าและแห่พระนเรศร์พระนารายณ์ของเรา จะหาตำหรับตำราอะไรสอบก็ไม่ได้ ได้ลองถามพราหมณ์คน ๑ ที่พูดภาษาอังกฤษได้ พี่แกก็ไม่สู้รู้อะไรนักบอกแต่ว่าพวกนี้เปนชาวปจันตประเทศ ทำไม่ถูกต้องตามแบบแผนจะถือเอาเปนหลักไม่ได้ แบบแผนที่ถูกเปนอย่างไรแกก็ไม่บอกอธิบายก็เปนอัน “จนด้วยเกล้า”

หม่อมฉันได้รับลายพระหัตถ์ฉะบับลงวันที่ ๓ มีจะทูลสนองความในลายพระหัตถ์นั้นบางข้อ คือ

เรื่องพระราชทานเพลิงพระศพพระราชชายานั้น ถ้าเปนอย่างแต่ก่อนหม่อมฉันก็เต็มใจรับเปนผู้แทนพระองค์ แต่อยู่ไกลไปไม่ไหวเสียแล้ว

ควรมิควรแล้วแต่จะโปรด

สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ

แชร์ชวนกันอ่าน

แจ้งคำสะกดผิดและข้อผิดพลาด หรือคำแนะนำต่างๆ ได้ ที่นี่ค่ะ