วันที่ ๑ มกราคม พ.ศ. ๒๔๗๖ น

ตำหนักปลายเนีน คลองเตย

วันที่ ๑ มกราคม ๒๔๗๖

กราบทูล สมเด็จกรมพระยาดำรง ทราบฝ่าพระบาท

ได้รับลายพระหัตถ์ ลงวันที่ ๒๓ เดือนก่อน รู้สึกมีใจเบิกบานจนทำให้เกิดสงสัยว่า เรื่องก็ไม่มีอะไรนอกจากความเปนอยู่ในพระองค์โดยปกติเท่านั้น แต่ทำไมจึ่งทำให้ใจเบิกบาน แล้วก็ได้คำตอบในใจว่าเพราะคิดถึงฝ่าพระบาทมากเท่านั้นเอง เมื่อได้รับลายพระหัตถ์ก็ตัดความระลึกถึงให้หย่อนลงไปได้บ้าง เกล้ากระหม่อมกับทั้งแม่โตและลูกหลานอยู่สบายดีด้วยกันสิ้น ขอถวายบังคมมาแทบฝ่าพระบาท

เกล้ากระหม่อมตั้งใจมาแต่หาดใหญ่ ว่ากลับถึงกรุงเทพฯ แล้วจะไปซ่อมแซมร่างกายสองอย่าง คือ ๑ ทำฟัน ด้วยแต่ก่อนได้ทำไว้แต่ข้างล่าง ข้างบนฟันเดิมยังใช้ได้ แล้วก็ค่อยหักไป ในที่สุดเหลือสามซีก แต่ก็คลอนใช้การไม่ได้ จึงได้ถอนมันออกเสีย เหงือกยังเปนแผลกดพิมพ์ยังไม่ได้ จึงไปเที่ยวหัวหินเสียก่อน ตั้งใจว่ากลับแล้วจะไปทำ แต่ครั้นกลับก็ไม่ได้ทำ เลยเตลิดเปิดเปิงไปเที่ยวไหนต่อไหนเปนหลายเดือน เพิ่งจะได้ไปกดพิมพ์ เขากำลังทำยังไม่สำเร็จ ๒ ตรวจหู ด้วยว่าหูนั้นข้างซ้ายไม่ได้ยินอะไรเลย ข้างขวาได้ยินบ้าง แต่ไม่ค่อยได้ความชัด ปรึกษาถาวรที่หาดใหญ่ก็บอกเปิด ว่าไม่เข้าใจในทางหูเลย แนะนำให้ไปหาขุนโกศล ซึ่งเขาเปนสเปเชียลิสต์ในการรักษาหู ทีหลังได้พบพระวรสุนทโรสถที่สถานีหาดใหญ่ ได้ร้องทุกข์แก่เขาอีก เขาว่าน่าสงสัย ถ้าเสียไปเพราะชราก็ควรจะเสียเหมือนกันทั้งสองข้าง นี่ข้างหนึ่งพอฟังได้อีกข้างหนึ่งฟังไม่ได้ น่าจะมีอะไรเปนเหตุขัดขวาง แล้วก็แนะนำให้ไปหาขุนโกศลเหมือนกัน เมื่อมาอยู่กรุงเทพฯ ได้มีโอกาศไปหาขุนโกศลให้เขาตรวจ เขาว่ามีขี้หูซึ่งราวกับว่าขี้ผึ้งยัดอยู่เต็ม เขาควักเอาออกมามากมายจนแลเห็นแก้วหูว่ามีฝ้าขาวดาษอยู่ เห็นจะเปนด้วยขี้หูปิดอุดอยู่เสียนาน แล้วเขาล้างให้มีผลได้ยินอะไรขึ้นบ้างเล็กน้อย

ขอบใจเพื่อนฝูง พอเขารู้ว่ากลับมาก็หย่อยๆ กันมาเยี่ยม พระเจนมาเยี่ยมถามถึงฝ่าพระบาทว่าจะเสด็จกลับเมื่อไร เกล้ากระหม่อมก็บอกไปตามได้รับสั่งไว้ ว่าสิ้นมรสุมแล้วจะเสด็จกลับ หมอปัวษ์ก็มาเยี่ยม ว่าจะมาอยู่สามเดือน เห็นจะเข้ามาเพื่อหนีหนาว ดูร่างกายแกอ้วนท้วนสมบูรณกว่าเมื่อกลับออกไปมาก เกล้ากระหม่อมบอกว่าฝ่าพระบาทประชวรทรงพระสุบินถึงหมอ แกหัวเราะชอบใจ

พระศุภรัตนตายเสียแล้ว ว่าปอดบวม

ยังไม่ได้พบสมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ ไปเมืองชลยังไม่กลับ ว่าไปในการฉลองและขึ้นกุฎีใหม่ ซึ่งพวกศิษย์เขาช่วยกันสร้างถวาย ว่าจะกลับวันที่ ๖ ถามเณรงั่วว่าได้ยินข่าวลือเมื่ออยู่หาดใหญ่ ว่าสมเด็จพระพุทธโฆษาถูกไต่สวน ถูกเข้าอย่างไรบ้าง แกบอกว่าเปล่า สมเด็จพระวันรัตนดอกถูกไต่สวน มีเจ้าพนักงาน (เห็นจะเปนตำรวจ) ไปถามท่านว่า ท่านพูดการเมืองว่ากะไรบ้าง ท่านตอบว่ากูจะไปจำได้หรือแล้วก็เลิกกันไป

คำบอกทหารภาษามคธ ที่กราบทูลมาคราวก่อนว่าหาได้มาบ้างแล้วแต่วิปลาศคลาดเคลื่อนอยู่นั้น ได้ให้เณรงั่วดู แกเดาพุ่งแก้ที่พอเห็นว่าจะถูกได้หลายคำ แต่อย่างไรก็ดี ปรากฏว่าผู้ผูกเปนผู้ที่รู้แต่ศัพท์ ส่วนประโยคประธานวิภัชปัจจัยนั้นอ่อน จึงมานึกว่าจะเปนใครผูก คำบอกภาษามคธดูเหมือนเกิดใช้ในกรมทหารมหาดเล็กก่อน จะเปนพระสารสาสนที่เลี้ยงนกจอกเปนผู้ผูกกระมัง รอคอยจะปรึกษาสมเด็จพระพุทธโฆษาเมื่อกลับมาเสียก่อน แล้วจึงจะส่งมาถวาย

ในการเสด็จประพาสยุโรป หนังสือพิมพ์เขาลงว่าจะเสด็จจากกรุงเทพฯ ด้วยเรือวลัย ตรงไปขึ้นเรือใหญ่ที่เมดันเกาะสุมาตราไม่แวะที่ไหน เมื่อเช่นนั้นเจ้านายที่อยู่เกาะปินัง ก็คงจะมีไปส่งเสด็จที่เกาะสุมาตรากันบ้าง ลางทีฝ่าพระบาทก็จะต้องเสด็จไปด้วย ออกนึกเห็นลำบาก

รำลึกถึงฝ่าพระบาทกับหลาน ๆ เปนอันมาก แต่ก็โมทนาที่เสด็จอยู่เกาะปินัง ซึ่งจะเปนที่เบาพระทัยอยู่เปนสุขสำราญ คิดอยู่เหมือนกันว่าถ้าไม่เจ็บป่วยเสียก็จะเขียนหนังสือมาถวายทุกวันพุธ

ควรมิควรแล้วแต่จะโปรด

สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้ากรมหลวงนริศรานุวัดติวงศ์

  1. ๑. พระศุภรัตนภาษายานุกิจ (จวง จันทรสูต)

แชร์ชวนกันอ่าน

แจ้งคำสะกดผิดและข้อผิดพลาด หรือคำแนะนำต่างๆ ได้ ที่นี่ค่ะ