- เมษายน
- วันที่ ๒ เมษายน พ.ศ. ๒๔๗๖ ดร
- วันที่ ๔ เมษายน พ.ศ. ๒๔๗๖ ดร
- วันที่ ๕ เมษายน พ.ศ. ๒๔๗๖ น
- —หนังสือขอมจารึกบนลานทอง
- วันที่ ๖ เมษายน พ.ศ. ๒๔๗๖ ดร
- วันที่ ๑๒ เมษายน พ.ศ. ๒๔๗๖ น
- วันที่ ๑๔ เมษายน พ.ศ. ๒๔๗๖ ดร
- วันที่ ๑๔ เมษายน พ.ศ. ๒๔๗๖ น
- วันที่ ๑๖ เมษายน พ.ศ. ๒๔๗๖ ดร
- วันที่ ๑๙ เมษายน พ.ศ. ๒๔๗๖ น
- วันที่ ๒๒ เมษายน พ.ศ. ๒๔๗๖ ดร
- วันที่ ๒๖ เมษายน พ.ศ. ๒๔๗๖ น
- วันที่ ๒๖ เมษายน พ.ศ. ๒๔๗๖ ดร
- พฤษภาคม
- มิถุนายน
- กรกฎาคม
- สิงหาคม
- พฤศจิกายน
- ธันวาคม
- มกราคม
- กุมภาพันธ์
- วันที่ ๓ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๔๗๖ น
- วันที่ ๕ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๔๗๖ ดร
- —เล่าเรื่องไปสุมาตรา เมื่อ พ.ศ. ๒๔๗๖
- วันที่ ๑๐ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๔๗๖ น
- วันที่ ๑๐ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๔๗๖ ดร
- วันที่ ๑๔ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๔๗๖ ดร
- วันที่ ๑๗ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๔๗๖ น
- วันที่ ๑๙ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๔๗๖ ดร
- วันที่ ๒๔ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๔๗๖ น
- วันที่ ๒๕ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๔๗๖ ดร
- วันที่ ๒๘ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๔๗๖ ดร
- มีนาคม
- วันที่ ๑ มีนาคม พ.ศ. ๒๔๗๖ ดร
- วันที่ ๓ มีนาคม พ.ศ. ๒๔๗๖ ดร
- วันที่ ๓ มีนาคม พ.ศ. ๒๔๗๖ น
- —ระเบียบการพระบรมวงศานุวงศ์กราบถวายบังคมลา
- วันที่ ๗ มีนาคม พ.ศ. ๒๔๗๖ ดร
- วันที่ ๗ มีนาคม พ.ศ. ๒๔๗๖ น
- วันที่ ๙ มีนาคม พ.ศ. ๒๔๗๖ ดร
- วันที่ ๑๐ มีนาคม พ.ศ. ๒๔๗๖ น
- —กำหนดระยะทางเสด็จ ฯ
- วันที่ ๑๔ มีนาคม พ.ศ. ๒๔๗๖ ดร
- วันที่ ๑๗ มีนาคม พ.ศ. ๒๔๗๖ น
- วันที่ ๒๐ มีนาคม พ.ศ. ๒๔๗๖ ดร
- วันที่ ๒๔ มีนาคม พ.ศ. ๒๔๗๖ น
- วันที่ ๒๘ มีนาคม พ.ศ. ๒๔๗๖ ดร
- วันที่ ๒๘ มีนาคม พ.ศ. ๒๔๗๖ น
- วันที่ ๓๑ มีนาคม พ.ศ. ๒๔๗๖ ดร
- วันที่ ๓๑ มีนาคม พ.ศ. ๒๔๗๖ น
วันที่ ๓ มีนาคม พ.ศ. ๒๔๗๖ ดร
บ้านซินนะมอน ฮอลล์, ปีนัง.
วันที่ ๓ มีนาคม พุทธศักราช ๒๔๗๖
ทูล สมเด็จกรมพระนริศรฯ
จดหมายถวายสัปดาหะนี้มีเรื่องที่จะทูลบันเล็งเปนทำนองอนุสนธิ์กับเรื่องพิธีแขกฮินดูที่ได้เล่าไปในจดหมายฉะบับก่อน พิธีของพวกแขกฮินดูทำเมื่อพระจันทรเต็มดวงกลางเดือนปุษยะ (แต่ปีนี้มีอธิกมาส จึงเลื่อนมาทำกลางเดือน ๓) ครั้นถึงกลางเดือนมาฆะ (ปีนี้เลื่อนมาทำกลางเดือน ๔) เปนกำหนดการพิธีใหญ่อย่างหนึ่งของพวกจีนเรียกว่า เฉลิมเกียรติ Twa Pek Kong (เรียกอย่างแต้จิ๋วที่ไทยเราใช้ดูเหมือนจะเปน ตั้วเป๊กก๋ง หรืออย่างไร ถ้าพระเจนจีนอักษรมาเฝ้าทรงไล่เลียงดูก็จะได้ความ) ฝรั่งบอกอธิบายว่าเปนวันเกิดของเทพเจ้า Twa Pek Kong นั้น กลางเดือนที่ ๑ จึงมีการพิธี ๓ วัน คือขึ้น ๑๔ ค่ำ ๑๕ ค่ำ และแรมค่ำ ๑
ลักษณการทำพิธีนั้น
๑. ตามบ้านพวกจีนแต่งประทีปอย่างงานเฉลิมพระชนมพรรษาของเรา
๒. มีการแห่เทพเจ้าองค์นั้น ๒ วันข้างต้นผ่านหน้าบ้านไปทุกถนนดังใบปลิวที่ส่งมาถวาย
๓. เขาว่าตามธรรมเนียมแต่ก่อน หญิงสาวลูกผู้ดีอยู่แต่ในบ้านเรือน ถึงงานนี้ปล่อยให้ออกเที่ยวดูประทีป ๓ วัน แต่เดี๋ยวนี้ตั้งแต่มีรถยนต์ให้เที่ยวได้ไม่ห้ามหวง ถึงกระนั้น ในงานนี้ก็แต่งตัวเต็มเปาขึ้นรถเที่ยวดูประทีปเปนโอกาสที่พวกชายหนุ่มคอยดูหญิงสาวตามที่แต่งประทีป และสองข้างถนนจึงเปนงานที่ผู้คนครึกครื้นทั้งกลางวันกลางคืน
เขาว่าแต่ก่อนนี้หรูหรามาก แต่ปีนี้เปนเวลาเศรษฐกิจฝืดเคืองจึงทำแต่พอเปนกิริยาบุญ หม่อมฉันได้ไปดู จะพรรณนาตามตาเห็นต่อไป
การแห่นั้น เปนแห่อย่างจีนคล้ายกับที่แห่เจ้าในเมืองเรา กระบวรแห่ดูเหมือนว่าใครมีกำลัง เช่นบริษัทหนึ่งหรือสกุลหนึ่ง ก็จัดกระบวรแห่กระบวรหนึ่งไปสมทบกัน เครื่องแห่เกือบจะเหมือนกัน แต่ละกระบวรมีธงสามชายขนาดใหญ่ คันยาวตั้ง ๘ ศอก ตัวธงบอกยี่ห้อคัน ๑ หรือหลายคันนำกระบวร ต่อนั้นมีผ้าปักทองเหมือนผ้าห้อยหน้าเตียงนอน บอกยี่ห้อมีคนถือ ๒ คน แล้วถึงโคมจีนมีคันคนถือ ๒ โคม เล่าโก๊วง ๑ เปนประจำทุกกระบวร นอกจากนั้นแล้วแต่จะแต่งอะไรเปนพิเศษเข้ากระบวร เปนรถยนต์บ้าง รถจักรยานบ้าง ที่สุดคงมีเกวียนใส่น้ำร้อนน้ำเย็นของกิน สำหรับเลี้ยงพวกกระบวรแห่ตามข้างท้ายกระบวรเหมือนกัน กระบวรต่างๆ เดินติดต่อกันยืดยาว จอดรถดูเกือบ ๒๐ นาที จึงผ่านหมด สุดท้ายกระบวรมีรถบุษบกแต่งหรูหรา ตั้งกระถางธูปและป้ายนามเทพเจ้า เมื่อรถผ่านไปถึงบ้านไหนเจ้าของบ้านจุดธูปบูชา แต่น่าเสียใจอย่างหนึ่งที่คนซึ่งเข้ากระบวรแห่มักจะเปนเด็กและชายหนุ่มล้วนแต่งตัวอย่าง “หัวหลั่ง” มีแต่งเปนจีนแต่คนแก่ ๆ ที่จ้างมาถือเครื่องแห่
การแต่งประทีปนั้นมีน้อยแห่งที่ถึงตั้งซุ้มจุดโคมไฟฟ้า ถึงกระนั้นก็มีผู้หญิงสาวแต่งตัวเครื่องเพ็ชรหรูหราขึ้นรถยนต์ออกเที่ยวดูมาก และมีพวกชายหนุ่มยืนคอยดูผู้หญิงสองข้างทางทั่วแทบทุกถนนเปนการแปลกอยู่ ปลาดที่ไม่เคยได้ยินว่าพวกจีนในกรุงเทพ ฯ เคยมีการแห่อย่างนี้ ขอให้ทรงไล่เลียงพระเจนดู
คราวนี้จะเล่าเรื่องอัคมนิยฐานถวายทรงฟังเรื่อง ๑ คือที่บ้านซินนะมอนนี้ ผู้เช่าเขาจ้างแขกกะลิงไว้รักษาสวนคน ๑ อยู่ที่เรือนบ่าวด้วยกันกับเมียของมันคน ๑ เมื่อหม่อมฉันมาอยู่ก็จ้างให้ทำสวน ต่อมาอ้ายแขกกะลิงคนนี้ชอบพาเพื่อนเข้ามาอยู่ด้วย คือว่ามาอาศัยที่อยู่ทั้งมาใช้น้ำใช้ซ่วมที่เราเปนผู้เสียเงิน ใช่แต่เท่านั้นแอบมาฉวยฟืนและแบ่งเศษของกินของเราที่ในครัวไปเลี้ยงเพื่อน พวกเรานึกว่าเปนธรรมเนียมของเขาอย่างนั้นมาแต่ก่อนก็ไม่ว่ากระไร ต่อมาคืนวันหนึ่งที่ห้องชั้นบนที่บ่าวอยู่ตรงกับเรือนของพวกแขกกะลิงลืมปิดหน้าต่าง มีผู้ร้ายขึ้นค้นหีบปัดเสื้อแสงทิ้งไว้เกลื่อนกลาด แต่ไม่ได้เอาอะไรไป ด้วยไม่มีเงิน จึงได้สั่งห้ามมิให้แขกกะลิงคนนั้นคบเพื่อนเข้ามานอนค้างอีกต่อไป ต่อมา หญิงจงไปจ้างแขกกะลิงอีกคน ๑ มาเปนคนรับใช้ในการทำครัว เผอิญไอ้แขกที่มาใหม่ถือศาสนาคริสตัง ตั้งแต่มาถึง ไอ้แขกเก่าก็ตั้งวิวาทบาดทะเลาะขู่เข็ญต่างๆ หญิงจงต้องให้อารักขาแขกใหม่จึงอยู่ได้ อยู่มาไอ้แขกเก่าไม่พอใจฉวยเอาขวานซึ่งหญิงจงให้ซื้อมาไว้ผ่าฟืนไปส่งโปลิศ ฟ้องว่าเปนขวานของไอ้แขกใหม่หามาเพื่อจะฆ่ามัน เท่านั้นยังไม่พอลอบไปฟ้องต่อเจ้าของบ้านว่า ตั้งแต่พวกหม่อมฉันมาอยู่ เอาโต๊ะ เก้าอี้ และกระถางต้นไม้ออกขายเสียหลายสิ่ง เขาไม่เชื่อแต่มากระซิบบอกให้ทราบ จึงตกลงใจว่าต้องไล่ไอ้แขกเก่า และบอกให้รู้ล่วงหน้าเดือนหนึ่งตามกฎหมายที่เมืองนี้ ครั้นครบเดือนจะไม่ไปต้องขู่ว่าจะไปเรียกโปลิศมาจับ จึงได้ยอมไปเมื่อวานนี้ มานึกขึ้นถึงเทศน์มหาชาติที่เขาแต่งว่าชูชกเปนชาวเมืองกลิงคราษฐ์ ทำนองนิสัยของพวกกะลิงมันจะเปนอย่างนี้มาแต่โบรมโบราณดอกกระมัง ลองถามเขาดูที่บ้านอื่นก็พาก่นออกปากว่า พวกกะลิงนิสสัยมันคดโกงดื้อด้านอย่างนั้นเอง
หวังใจว่าบรรดาสมาชิกตำหนักปลายเนิน จะสบายดีอยู่ด้วยกันหมด พวกหม่อมฉันอยู่ที่นี่ก็เปนสุขสบายดี
ควรมิควรแล้วแต่จะโปรด