วันที่ ๑๔ มีนาคม พ.ศ. ๒๔๗๖ ดร

บ้านซินนะมอน ฮอลล์, ปีนัง.

วันที่ ๑๔ มีนาคม พุทธศักราช ๒๔๗๖

ทูล สมเด็จกรมพระนริศร ฯ

ไปรษณีย์นำลายพระพระหัดถ์ฉะบับลงวันที่ ๑๐ มาส่งต่อหม่อมฉัน ณ วันจันทรที่ ๑๒

ขอขอบพระเดชพระคุณได้ทรงพระกรุณาตรัสขอและมั่นหญิงหลุย ให้แก่ชายดิศศานุวัติ หม่อมฉันก็อยู่ในพวกที่มีความเห็นว่ามั่นกันแล้วไม่ควรจะรอแต่งงานให้ช้าเหมือนกัน ลูกหม่อมฉันที่ได้แต่งงานมาแต่ก่อน พอมั่นกันแล้วก็รีบหาฤกษ์แต่งงาน ต้องรอช้าแต่เมื่อหญิงพร้อมแต่งกับกรมหลวงสิงห์ เพราะสมเด็จพระพุทธเจ้าหลวงตรัสขอแล้วก็เสด็จยุโรป จึงต้องรอมาพระราชทานเมื่อเสด็จกลับ กับหญิงบันดาลอีกคน ๑ พอสมเด็จกรมพระยาเทววงศทรงมั่นแล้วก็สิ้นพระชนม์ จึงต้องรอมาแต่งเมื่อพระราชทานเพลิงพระศพสมเด็จกรมพระยาเทววงศเสร็จแล้ว ส่วนชายดิศศานุวัตินั้นก็เห็นจะไม่ต้องรอไปช้านานเท่าใดนัก หม่อมฉันประมาณว่าเธอคงจะได้งานทางภายนอกทำเปนหลักแหล่งได้ในราวสัก ๓-๔ เดือนนี้ แต่เมื่อยังไม่ได้งานอยู่ตราบใด จึงไม่อยากขยายความให้ปรากฏเหมือนหมายน้ำบ่อหน้า ถ้าจะรีบแต่งก่อนได้งานทำ การที่เริ่มมีครอบครัวพัวพันธ์อาจจะเปนเครื่องกีดขวางไม่พอใจของผู้ที่เขาจะให้งานอีกประการหนึ่ง ถ้ารีบแต่งกันในเวลาอัตภาพยังเปนเช่นนี้ ก็น่าจะต้องอาศัยผู้ใหญ่เลี้ยงทั้ง ๒ ฝ่าย ถึงผู้ใหญ่จะไม่เสียดายดูก็ไม่สมควรแก่ตัวเอง ความที่ทูลนี้บ่าวสาวทั้ง ๒ คนก็ดูเหมือนจะเข้าใจกันอยู่แล้ว

ระยะทางเสด็จพระราชดำเนินที่ประทานมา เปนของต้องการมากด้วยหม่อมฉันกำลังอยากรู้ว่าวันที่ ๑ เมษายนจะเสด็จประทับอยู่ที่ไหนจะได้ส่งโทรเลขไปถวายพรปีใหม่ หมู่นี้มามีอะไรสกัดใจให้คิดขึ้นเรื่อง ๑ ด้วยได้เห็นในหนังสือพิมพ์ว่าหลวงวิจิตรวาทการจะจัดคณะราชบัณฑิตย์เปนอย่างใหม่ใหญ่หลวง ให้มีจำนวนราชบัณฑิตย์ขึ้นมาก และมีศักดิ์เปนหลายชั้น ได้นำความคิดเขาเสนอรัฐสภา ถูกทักท้วงถึงความสิ้นเปลือง ลงที่สุดตั้งกรรมการไปพิจารณาโครงการ ที่เขาจะทำกันอย่างไรก็ไม่ใช่ธุระของเรา ข้อที่หม่อมฉันมานึกขึ้นนั้นเพราะคะเนว่าบางที เมื่อเขาประกาศตั้งคณะราชบัณฑิตยสภาตามคิดใหม่นี้ อาจจะเชิญพระองค์ท่านและบางทีถึงตัวหม่อมฉัน เปนสมาชิกในคณะราชบัณฑิตย์นั้นด้วย ถ้าเขาไม่เชิญก็แล้วไป แต่ถ้าเขาเชิญเช่นนั้นเราจะทำอย่างไร จึงทูลหารือมา ควรจะปรึกษากันเตรียมไว้ปฏิบัติให้เปนอย่างเดียวกัน

ข่าวคราวที่นี่ตอนนี้ คุณจอมมารดาทับทิมออกมาถึงเมื่อวันพฤหัสบดีที่ ๘ มาอยู่ด้วยกันกับพระองค์หญิงประเวศซึ่งเช่าตึกได้หลัง ๑ อยู่สบายดีที่ Burmah Lane เมื่อวันเสาร์ที่ ๑๐ นี้มีเรือเยอรมันชื่อ Resolute พานักท่องเที่ยวมาถึงปีนังอีกลำ ๑ แต่ขนาดเพียง ๒๐,๐๐๐ ตัน คนโดยสารเพียง ๒๐๐ เศษ แต่พระองค์หญิงประเวศไม่เคยทอดพระเนตรเรือใหญ่ อยากทอดพระเนตรหม่อมฉันจึงพาไป ไม่น่าดูเหมือนเรือ Empress of Britain

ดูเหมือนหม่อมฉันได้เคยทูลไปนานแล้วเมื่อแรกมาถึงปีนัง หม่อมฉันได้ให้หมอตรวจหญิงพูน หมอว่าเส้นประสาทวิปริตมาก จะต้องรักษานับด้วยเดือนจึงจะหาย เขามีโรงพยาบาลตั้งพิเศษสำหรับรักษาด้วยวิธีทันสมัย หม่อมฉันจึงให้หญิงพูนไปรักษาที่โรงพยาบาลนั้น เขาให้ยากินและให้ไปที่โรงพยาบาลสัปดาหะละ ๒ ครั้ง ให้นอนเตียงไฟฟ้าและนวดฟั้นอะไรต่างๆดูอาการค่อยคลายขึ้นโดยลำดับ ฝ่ายหญิงพิลัยอยากจะรักษาตัวตามอย่างสมัยใหม่บ้าง ไปให้เขาตรวจเขาว่าเปนด้วยเลือดน้อย วิธีรักษาต้องฉายด้วย Violet Rays วิธีฉาย Violet Rays นั้น จำต้องให้แสงถูกทั่วสรรพางค์กายไม่มีอะไรปิดบัง คือว่าต้องเปลืองผ้าเปลือยกายอยู่กับยายแหม่มที่เปนผู้ฉาย หญิงพิลัยไม่ยอม เกี่ยงว่าถ้าจะให้ฉายเช่นนั้นก็ขอให้ยายแหม่มเปลือยกายด้วยกัน ยังไม่ตกลงกันจนบัดนี้

เรื่องกลิงคราษฎร์ที่พราหมณ์ศาสตรีถวายวิสัชนานั้น ประกอบด้วยหลักฐานดีอยู่ คือแต่โบราณมาอินเดียข้างตอนใต้ใกล้ปลายแหลมเปนที่อยู่ของพวกดราวิเดียน Dravidian เห็นจะตรงกับที่เราเรียกว่าทมิฬในบัดนี้ เปนชนชาติหนึ่งต่างหาก ผิดกับชาวอินเดียข้างตอนกลางเหมือนอย่างไทยกับมลายู กลิงคราษฎร์นั้นอยู่ในแดนอินเดียตอนกลางต่อกับมคธราษฎร์ พระเจ้าอโศกจึงได้ลงไปตี อยากจะสันนิษฐานต่อไปว่า ในคราวนั้นเอง พวกกลิงคราษฎร์อพยพหนีพระเจ้าอโศกลงไปอยู่ในดินแดนของพวกดราวิเดียนมากด้วยกัน จึงได้สืบเชื้อสายได้ชื่อว่ากลิงสืบมา แขกกลิงที่คุณโตพาไป มักจะเปนช้างเผือกหรือ ช้างสีปลาดของพวกกลิงดอกกระมัง แต่ข้อนี้ขอประทานรอสืบสวนต่อไป ด้วยพวกชาวปีนังที่หม่อมฉันได้ไต่ถามถึงพวกกลิงยังไม่พบใครสรรเสริญเลย

ควรมิควรแล้วแต่จะโปรด

สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ

  1. ๑. หม่อมเจ้าลุอิสาณ จักรพันธุ์

  2. ๒. หม่อมเจ้าดิศศานุวัติ ดิศกุล

  3. ๓. เจ้าจอมมารดาทับทิมในรัชกาลที่ ๕ พระมารดาพระเจ้าบรมวงศ์เธอ ชั้น ๕ พระองค์เจ้าประเวศวรสมัย

แชร์ชวนกันอ่าน

แจ้งคำสะกดผิดและข้อผิดพลาด หรือคำแนะนำต่างๆ ได้ ที่นี่ค่ะ