- ๑. แม่จ๋า
- ๒. อดีตมหาราชสดุดี
- ๓. วารสดุดี
- ๔. คลื่นแห่งสังสารวัฏฏ
- ๕. ภาพและสภาพ
- ๖. จริงกับแต่ง
- ๗. สังสารวัฏฏ
- ๘. รส
- ๙. ธรรมชาติกับมนุษย์
- ๑๐. แม้เมฆดำยังแรขอบน้ำเงิน
- ๑๑. ราตรี
- ๑๒. เตรียมชรา
- ๑๓. น้ำมันระกำ
- ๑๔. หัวไม้เก่าใหม่
- ๑๕. กิเลส
- ๑๖. นักกีฬา
- ๑๗. กีฬาไม่ถือชาติ
- ๑๘. น้ำใจนักกีฬา
- ๑๙. บทเพลงกราวกีฬา
- ๒๐. คำวิพากย์
- ๒๑. มิตรามิตร
- ๒๒. ภาพ ๔
- ๒๓. รามรันทด
- ๒๔. สามสอน
- ๒๕. มฤตยู
- ๒๖. ออปติมิสัมกับเป็สสิมิสัม
- ๒๗. สองนักสิทธ์
- ๒๘. ฉันเป็นหญิงหรือชาย
- ๒๙. ฉันเป็นชายหรือหญิง
- ๓๐. ชิงสุกก่อนห่าม
- ๓๑. ฉันขยันจริงๆ
- ๓๒. เขาเป็นคนขลาด
- ๓๓. เป็นตัวเราดีกว่า
- ๓๔. หัวหน้ากับลูกน้อง
- ๓๕. ไม้เรียว
- ๓๖. กถาศึกษาของเก่า
- ๓๗. นรี-นรุปฐาก
- ๓๘. พร
- ๓๙. โหราศาสตร์
- ๔๐. ดาราทองแห่งการแข่งขันยานยนตร์
- ๔๑. นักกีฬา
- ๔๒. การฝึกซ้อม Training
- ๔๓. แม่สำอาง
- ๔๔. จันทรชิต
- ๔๕. ดอกไม้
- ๔๖. หมอคงกับอาจารย์คำ
- ๔๗. ยถากรรม
- ๔๘. กระดูกสันหลัง
- ๔๙. เศรษฐเสนา สู้เศรษฐสงคราม
- ๕๐. เศรษฐกิจตกต่ำ
- ๕๑. โลกกับเครื่องจักร
- ๕๒. ภัยโลก
- ๕๓. พระของเรา
- ๕๔. ทำไม ?
- ๕๕. โจกโลก
- ๕๖. วัฏฏโก โลโก
- ๕๗. ชัยก่อกับชัยทำลาย
- ๕๘. กรรมงาม
- ๕๙. ยิหวาวิทยุ
- ๖๐. งานหกสิบ
- ๖๑. พฤษภ. ๒๔๗๙
- ๖๒. พรสี่
- ๖๓. ศานติสมัย
- ๖๔. อุดมคติกับสัมฤทธิคติ
- ๖๕. ใครและอะไรเอ่ย
- ๖๖. ดิม็อคระซีกับดิกเตเตอร์ชิป
- ๖๗. ไข้สันนิบาต
- ๖๘. คติพบใหม่
- ๖๙. สงครามจำแลง
- ๗๐. ชำร่วยโลก
- ๗๑. เงาะถอดรูป
- ๗๒. มัชฌิมาปฏิปทา
- ๗๓. ระบอบไหนแน่ ?
- ๗๔. ผีบุญ (๑)
- ๗๕. ผีบุญ (๒)
- ๗๖. ฝัน ?
- ๗๗. กฤษณา ?
โหราศาสตร์
(กลอน ๖)
ดาวเดือนเกลื่อนกลาดดาดฟ้า | ล้วนหล้าลอยคว้างกลางหาว |
เข้ากลุ่มคุมเห็นเป็นระนาว | ดาวโลกล้อมดาวอาทิตย์[๑] |
ลางโลกโชคดีมีจันทร์[๒] | หมดสว่างกลางวันพลันสฤษดิ์ |
แสงงามยามค่ำร่ำพิศ | บุญฤทธิ์เสกสร้างฝั่งฟ้า |
ดาวฤกษ์ทั้งหลายฉายแสง | เด่นแดงดวงเพลิงพลามหล้า[๓] |
ดาวโลกบริวารนานา | เข้ากลุ่มจักราศีตน |
โลกน้อยของเราเท่าผง[๔] | เวียนวงว่ายเวิ้งเวหน |
มนุษยโอ่โวว่าโลกตน | ใหญ่จนดาวจิ๋วปลิวฟ้า |
จันทร์ฉุดสมุทรนูนน้ำแบ่ง[๕] | จุดแห่งอาทิตย์ฤทธิ์กล้า |
นิมิตรวิปริตนานา[๖] | โลกานุเคราะห์เหมาะมี |
ใหญ่บังคับน้อยค่อยขลัง | นามบังคับรูปควรที่ |
อันว่าชาตามนุษย์นี้ | เป็นไปร้ายดีฉันใด ? |
คนบังคับดาวหรือดาว | บังคับคน, กล่าวไฉน |
อย่างแรกแปลกๆ เป็นได้ | อย่างหลังเหลวใหลแน่แล้ว |
หากว่าชาตาคนเรา | ดาวเข้าบังคับคล่องแคล่ว |
ใจคนไม่มีวี่แวว | ที่จะสอดแคล้วแดดาว[๗] |
คนกลายเป็นวัตถุธาตุ | ปราศจากวิญญาณสืบสาว[๘] |
ไม่แผกดินฟ้านภาพราว | นามธรรมทั่วด้าวดับพลัน |
รูปธรรมบังคับนามธรรม | กฎอำนาจเพริดเฉิดฉัน |
กำลังเป็นใหญ่ไกวัล[๙] | นามธรรม, ยุติธรรม์บัลลัย |
หากยังมีทางสงกา | ว่ามหาจักรวาฬน้อยใหญ่ |
ย่อมมีนามธรรมงำไว้ | ช่วงใช้แช่งชูหมู่มนุษย์ |
ก็ต้องสอดคล้องคล่องอ้าง | แผนสร้างโลกดีที่สุด |
กำปั้นตีดิน[๑๐]ดินทรุด | มนุษย์อ้างพระเจ้าเข้าไว้ |
นี้หรือเราเห็นเป็นจริง? | มนุษย์หยิ่ง, ทะเล้น, เป็นได้ |
ตัวนิด, โลกน้อยจ้อย, ใน | จักรวาฬเวิ้งใหญ่ไหล่เรียง[๑๑] |
โยงตัวทั่วฟ้านภาพื้น | ดาวเดือนเหมือนผืนภาพเที่ยง |
คอยแต่รับใช้ใกล้เคียง | ส่งเสียงเสนอข่าวคราวตน[๑๒] |
แต่พระพุทธองค์ทรงญาณ | ขานกรรมทำไว้ให้ผล[๑๓] |
อันใดสัยศาสตร์[๑๔] มืดมนต์ | ทรงค้นแก้ไขใฝ่ธรรม |
ตุล. ๗๓
[๑] ......อาทิตย์ Solar System กลุ่มอาทิตย์ของเรามีดาวโลกเรียก ดาวพระเคราะห์ Plannets หมุนไปรอบดวงอาทิตย์ ด้วยอำนาจของใหญ่ดูดดึงของน้อยกับอำนาจความแล่นประกอบกัน รวม ๙ ดวง ทั้งที่พบใหม่นับจากอาทิตย์ไป คือ พุธ, ศุกร์, โลก, อังคาร, พฤหัส, เสาร์, มฤตยู, เกตุ, ปลูโต. กลุ่มอาทิตย์เช่นของเรานี้ในจักรวาฬที่ว่างทั่วไปมีนับไม่ถ้วน
[๒] ......จันทร์ โลกเรามีจันทร์ดวงเดียว โลกพฤหัสมีหลายดวง เสาร์ มีแสงเห็นเป็นวงแหวนรอบ จันทร์ของโลกไหนก็หมุนไปรอบโลกนั้นด้วยกฎเดียวกันกับที่โลกต่างๆ หมุนรอบดวงอาทิตย์
[๓] ......หล้า ดาวฤกษ์ คือ ดวงอาทิตย์ทั้งหลายยังมีธาตุไฟอยู่ มีแสงสว่างในตนเอง ส่วนดาวบริวาร คือ แปลนเน็ตทั้งหลายนั้น กลายเป็นธาตุดิน น้ำ ลม เย็นลงแล้วมากและน้อยต่างๆ กัน ไม่มีแสงของตนเอง ได้แต่รับแสงแดดฉายไปสว่างที่อื่นอย่างกระจก ถ้าเราไปอยู่ที่พระจันทร์ ก็จะเห็นส่วนสว่างของโลกที่เป็นกลางวัน เหมือนพระจันทร์เวลาเดือนหงาย
[๔] ......ผง เส้นผ่าศูนย์กลางแห่งดวงอาทิตย์ของเรา ยาวตั้ง ๑๐๐ เท่าของเส้นผ่าศูนย์กลางแห่งโลก และดวงอาทิตย์ของเรายังเป็นขนาดย่อมในหมู่อาทิตย์ทั้งหลายในจักรวาฬเวิ้งว้างไม่รู้สิ้นสุด ฉะนั้นโลกเราก็ราวผง
[๕] ......แบ่ง พระจันทร์มีกระแสลมแห่งโลกเป็นแรงช่วย บังคับน้ำทะเลให้มีขึ้นลง การขึ้นลงแห่งทะเล ท้นน้ำในแม่น้ำลำคลองที่ใกล้ทะลให้มีขึ้นลงไปตามด้วย
[๖] ......นานา นักวิทยาศาสตร์สอบความแปรปรวนแห่งดินฟ้าอากาศในโลกว่าเนื่องจากจุดในดวงอาทิตย์ Sun Spots ที่แปรปรวนอยู่เสมอ
[๗] ......ดาว สอดแคล้ว คือแตกต่างกัน ผิดกับสอดคล้องที่ตรงกันหรือลงคลองเดียวกัน แด คือ ใจ ทั้งหมดหมายความว่า ถ้าใจคนจะเอาตามใจตนบ้างไม่ได้
[๘] ......สืบสาว การสร้างสมอบรมมา ที่มักเรียกกันว่า ยถากรรม
[๙] ......ไกวัล ไกวัล คือ สิ้นเชิง, ล้วน, อย่างเดียว ทั้งวรรคตรงกับภาสิตขึ้นชื่อของมหาสงครามว่า Might is Right.
[๑๐] ......ดิน อ้างอย่างครอบจนไม่อาจให้ความรู้, อ้างอย่างชัดไม่ให้เถียง เช่น อ้างผีสางเทวดา หรือแม้พระเจ้า จนหมดพูด
[๑๑] ไหล่เรียง เคียงไหล่, ตีเสมอ, คือ ตัวเพียงเล็กน้อย ปลายอ้อ ปลายแขม เผยอเข้าไปเทียบกับจักรวาฬ มโหฬาร จนหยั่งรู้ที่สุดไม่ได้
[๑๒] ......ตน คือบอกชาตาให้มนุษย์
[๑๓] ......ผล คำสั่งสอนในพุทธศาสนาว่า ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว เราย่อมเสวยผลแห่งกรรมที่ได้กระทำไว้ ฉะนั้น ชาตาของมนุษย์ ก็คือผลแห่งกรรมทั้งหลายที่มนุษย์ได้อบรมทำแล้วนั้นเอง
[๑๔] สัยศาสตร์ ศาสนาพราหมณ์ ซึ่งมีมาก่อนพุทธศาสนานานนัก