กระดูกสันหลัง

ข้าแต่สูเจ้าชาวนา ข้าขอบูชา
ว่าสูเลิศมนุษย์สุดแสวง
รูปร่างกำยำดำแคง เจ้าเป็นหัวแรง
กระดูกสันหลังรัฐเรา
เลี้ยงเทศเลี้ยงไทยไม่เบา ด้วยข้าวปลาเอา
แลกเปลี่ยนสินค้าควรเมือง[๑]
ครั้งกิจพาณิชย์รุ่งเรือง เจ้าไม่ฝืดเคือง
วัดวาอารามจำเริญ
กินบ้างเล่นบ้างอย่างเพลิน ทำบุญเหลือเกิน[๒]
กับวัดกับพระดะไป
ยามยากยังพอทนได้ ทองสะสมไว้
ขายหมด[๓]จำนองไร่นา
โอ้สูผู้พร่องศึกษา[๔] อดทนนักหนา
โทษใดไป่โทษโทษกรรม
สูไม่มากปากมากคำ สูเป็นคนทำ
ทำได้เท่าไรทำไป
ขาดแคลนแสนเข็ญเป็นไฉน สูเจ้าอยู่ได้
ด้วยดวงหน้ายิ้มพริ้มพราย
อิ่มประโยชน์โปรดคนทั้งหลาย เอือมกายใจสบาย
ฤๅพ่อเพื่อนยากแห่งสยาม
เป็นไฉนอย่างไรก็ตาม เจ้ายอดพยายาม
เป็นผู้คู่ควรบูชา

เมษ. ๗๗


[๑] ......เมือง สยามต้องอาศัยสินค้าต่างประเทศ เช่นเครื่องอุปโภค แต่ได้ส่งข้าวเป็นส่วนใหญ่ออกไปแลกเปลี่ยน

[๒] ......เหลือเกิน เราถือคติการบำรุงพระ ว่าเป็นการกุศลที่ฝังไว้ในพระศาสนาราษฎรของเราถึงจะอยู่ชั่วปากถึงท้องก็จะออกปากอยู่เสมอว่า “หาได้มาก็กินบ้าง ทำบุญบ้าง”

[๓] ......หมด พ.ศ. ๒๔๗๕ ทองออกจากประเทศ ราคา ๒๒,๔๖๔,๙๒๔ บาท พ.ศ. ๒๔๗๖ ทองออกจากประเทศ ๑๔,๑๒๓,๓๕๕ บาท นี้แสดงสถิติเวลาเศรษฐกิจตกต่ำในบ้านเมืองเรา เพราะราษฎรเก็บทองรูปพรรณเครื่องแต่งตัวไว้ แทนที่จะเก็บเงินในธนาคาร

[๔] ......ศึกษา พระราชบัญญัติประถมศึกษา เพื่อให้การศึกษาแก่ทวยราษฎร์ ออกใช้แต่ พ.ศ. ๒๔๖๔ แต่ถึง พ.ศ. ๒๔๗๗ ยังไม่มีเงินลงทุนในทางนี้ให้สมประกอบได้ วิชาชั้นประถม ๕-๖ ยังเพียงเริ่มเล็กน้อยเท่านั้น จะเรียกว่ายังไม่ทำก็ได้

แชร์ชวนกันอ่าน

แจ้งคำสะกดผิดและข้อผิดพลาด หรือคำแนะนำต่างๆ ได้ ที่นี่ค่ะ