ภาพ ๔

ฟ้อน, ขับ, เขียน, กับทั้ง แถลงพจน์
รวมสี่ภาพกำหนด แน่ไว้
อาจแสดงสิ่งใดหมด เหมือนอย่าง จริงนอ
ครูสี่สำแดงได้ ดั่งนี้เชิญฟัง

๑. ภาพฟ้อน

ครูละครฟ้อนงามนามภรต[๑] สำแดงบทแบบระบำทำทีท่า
ทั้งพระนางยักษ์ลิงท้าวพระยา รุ่นชราเด็กผู้ใหญ่ได้ทั้งนั้น
จะทีรัก, ทีโกรธ, หรือทีเกลียด, หรือขึ้งเครียด, เซาซบ, หรือขบขัน
แม้เหตุการณ์ร้ายดีทุกวี่วัน สารพรรณผูกฟ้อนสอนในคน
ประจงฉากบากชุดสุดจะเหมาะ ให้จำเพาะหมายแสดงทุกแห่งหน
ชวนโศกศัลย์หรรษาเวลายล เห็นจริงจนผูกจิตต์ติดใจ เอยฯ

๒. ภาพขับ

ฝ่ายนารถ[๒] นักสิทธ์ ผู้ต้นคิดสร้างพิณ ขึ้นสายกินเสียงผะสาน ก้องกังวานหวานขับ คลอเสียงรับพอเหมาะ เพราะยิ่งเพราะอีกไสร้ ชวนโสตให้เงี่ยสดับ บังคับหูให้เอียง ผึ่งรับเสียงสู่ประสาท ด้วยอำนาจบรรเลง เพลงเพราะชวนให้เพลิน เพลงเดิรชวนให้ก้าว เพลงโลมร้าวทรวงกระสัน เพลงโศกพลันจิตต์สลด ชวนกำสรดโศกเศร้า เพลงฉิ่งเร้าเชิงรำ เพลงกราวทำให้เต้น เพลงตลกเล่นหัวเราะ เพลงกล่อมเหมาะม่อยหลับ เชิงสดับย่อมประดิษฐ์ได้ ดุจภรตอวดไว้ บ่เว้นสักน้อย เลยนาฯ

๓. ภาพเขียน

อัปสร[๓] อร[๔] ก่องกาญจนา นามจิตรเลขา[๕]
เลขขจิตร[๖] จิตรกรรม
ตระการก่องอาภรณ์อำ- ไพโอ่เอี่ยมสำ-
อางสมอัปสรโกศล[๗]
ก่องศิลป์หัตถศาสตร์โสภน เสาวภาพกำนน
กำเนิดแต่หัตถ์พรหมา
พรหมมอบศิลปสิทธิ์วิทยา เวทยยอดหา
ให้ยิ่งกว่ายอดฤามี
ฤกษ์เหมาะเหาะมาพอดี พอได้สดับปรีดิ์
เปรมแสดงและแสร้งข่าวขาน
ข้าเขียนเวียนวาดวิจารณ์ วิจิตรจิตรการ[๘]
ตระกองเทพถ้วนลักขณา
ลักขณกษัตริย์นานา เนกนองพารา
ภูรีบุรุษเลอบุญ
บันลือนรศารทุล[๙] สารทิศอวยคุณ
คืออนิรุทธเลอวรรณ
และเวนอุษาสาวสวรรค์ เสร็จสบสำคัญ
สมข้าอุษาอุ้มสม
สมอ้างทางเลขะนิยม นิยายหมายชม
เหมาะชี้ว่าภาพพึงแสดง ฯ

๔. ภาพพจน์ (มาณวกฉันท์)

วาลมิกิ[๑๐] ผู้ ครูรจนา
ว่องวิทยา จินตกะวี
ฟังพจมาลย์ ขานวุฒิดี
ต่างวิธิมี จิตตรำคาญ
ชวนจะมิฟัง ดังจะมิเชื่อ
เผยพจเพื่อ มอบมติ[๑๑] ขาน
สุนทรเป็น ฉันทชำนาญ
ภูมิปฏิภาณ อาทิกวี

(อีทิสังฉันท์)

เออแนะ! ท่านกระนั้นสิย่อมจะมี
วิวิธวรรณนาวิธี แถลงอวด
ใครก็ย่อมจะยกดนู[๑๒]และยวด
จะแข่งจะขันประชันประกวด ก็ตามที
เราประสงค์จะแสร้งกระนั้นละซี!
จะชอบมิชอบ จะดีมิดี อภัยอาตม์
ครั้นจะไม่สำแดงก็ดูจะขาด
เพราะภาพประพันธ์ และฉันทศาสตร์ จะหม้ายหมัน
อันจะแจ้งประจักษะรูปและสรร-
พนามะธรรมและอนันต์ นะไม่ยาก
เพียงจะเผยสุภาพพจีวิภาค
วลีและคุณประกอบก็หาก จะให้ชัด
หรือจะพลิกจะแพลงจะแผลงจะดัด
จะยืดจะย่อจะต่อจะตัด ก็ทำได้
ถ้าประสงค์จะทาบสุพรรณประไพ
มณีอร่ามวะวามวิไล ก็จงประพันธ์
กลอนฤโคลงลิลิตและกาพยะฉันท์
เชลงฉลาดก็เลอสวรร- คะฟ่องฟ้า
นี่แหละเอกอุดมวิทยา
ประสมสำรับสำหรับวิชา ประชันภาพ
เมื่อประมวญก็สี่วิธีก็ทราบ
ประดุจแสร้งแสดง ณ คาบ[๑๓] กระนี้เทียวฯ

ข้อคติ (โคลงวิวิธมาลี)

เพรง[๑๔]บา[๑๕]คร่าเวทย์ไว้ ศิลปศาสตร์
เราจึ่งรับมฤดก สืบไสร้
รังรักษ์จักอนุชาต บุตร[๑๖]ดุจ
อภิชาตด้วยได้ ยิ่งดี
มวลหมู่ชนสืบเมื้อ[๑๗] อนาคต
เราเก่งจักเขาที เก่งด้วย
เราทรามจักกำหนด เขายาก
สืบจุ่งสืบแม้ม้วย ชื่อดี
ใครมีกระพัด[๑๘]เมื้อ ทางใด
ควรเร่งใฝ่ใจมี จิตต์น้อม
เอาภารธุระใน ศิลปศาสตร์ นั้นนอ
มากฝึกมากมือซ้อม จักเจน
ปลูกวิชามากช่างไว้ ชูเมือง
ทวยราษฎร์อมาตย์เสน[๑๙] ทั่วหน้า
มากศรีกวีเรือง เลอศักดิ์
เฉลิมพระเกียรติ์เจ้าหล้า แห่งเรา

พฤศจิก. ๕๖


[๑] ภรต เป็นชื่อพระมุนีตนหนึ่ง ซึ่งนิยมกันว่าเป็นพระปถมาจารย์ ครูเฒ่าแห่งนาฏยศาสตร์​ คือวิชารำ

[๒] นารถ นามเทพฤษีตนหนึ่ง ซึ่งเป็นผู้นำข่าวไปมาระหว่างเทวดากับมนุษย์ และมักไปไหนพร้อม ๆ กับพระบรรพตเทพฤษี อนึ่ง นิยมกันว่าท่านผู้นี้เป็นผู้เริ่มริทำพิณขึ้นก่อน จึ่งยกย่องเป็นครูพิณพาทย์ และในตำแหน่งนี้มีฉายาว่า “เทพคนธรรพ์” “คนธรรพราช” หรือ “ปรคนธรรพ” ซึ่งไทยเรียกเพี้ยนมาเป็น พระโคนธรรพ

[๓] อัปสร นางฟ้า

[๔] อร งาม นางงาม

[๕] จิตรเลขา นางอัปสรผู้ชำนาญในการเขียนภาพ นับว่าเป็นครูในทางจิตรกรรม

[๖] เลขขจิตร เขียนงาม

[๗] โกศล ฉลาด

[๘] จิตรการ หรือ จิตรกรรม คือ วิชาช่างเขียน

[๙] ศารทุล แปลว่า เสือ ‘นรศารทุล’ แปลว่า เสือในหมู่คน สันสกฤตใช้เป็นคำสำหรับชมชายกล้า

[๑๐] วาลมิกิ พระพรหมฤษี ผู้แต่งกาพย์เก่าที่สุดในภาษาสันสกฤต คือเรื่อง “รามายณ” ซึ่งในรามเกียรติ์ของเราเพี้ยนไปเป็น พระวัชมฤคี

[๑๑] มติ ความเห็น

[๑๒] ดนู ตน

[๑๓] คาบ ครั้ง หน

[๑๔] เพรง แต่ก่อน อดีต

[๑๕] บา ครู

[๑๖] อนุชาตบุตร บุตรดีเหมือนบิดา ถ้าดียิ่งกว่าบิดา เรียก ‘อภิชาตบุตร’ ต่ำทรามกว่าบิดา เรียก ‘อวชาตบุตร’

[๑๗] เมื้อ เมื่อ ต่อไป

[๑๘] กระพัด กระหวัด ผูกพัน

[๑๙] เสน เสนา ทหาร

แชร์ชวนกันอ่าน

แจ้งคำสะกดผิดและข้อผิดพลาด หรือคำแนะนำต่างๆ ได้ ที่นี่ค่ะ