วันที่ ๔ มกราคม ร.ศ. ๑๒๖

สวนดุสิต

วันที่ ๔ มกราคม รัตนโกสินทร๔๐ศก ๑๒๖

ถึง พระยาสุขุม

ที่เรือนชายอุรุพงษ์นั้น อยากจะให้มีกำแพงกั้นด้านหลังบังตา ตอนต่อกับข้างในกำแพงนั้นยืนมาแต่โรงรถ จนถึงมุมถนนแล้วเลี้ยวมาตามแนวต้นโศก จนถึงมุมเรือนมุขใต้ สกัดเข้าไปหาเรือน สำหรับที่จะลงมาเล่นได้ในพื้นที่ไม่ต้องแลเห็นกันกับข้างใน ไม่ต้องใช้กำแพงสูง เพียงเสมอรั้วอีกฟากหนึ่งนั้นพอแล้ว เป็นกำแพงตันแต่ต้องทำให้แบบบางงาม จะไว้ต้นโศกนอกกำแพงก็ได้

อนึ่งด้านหลังโรงรถต่อกับลานเรือนนั้น ควรจะมีที่ครัวฤๅไว้ของบ่าวไพร่อยู่หันหลังออกหาโรงรถต่ำๆชั้นเดียว ตลอดมาจนกระทั่งถึงหลังเรือน ซึ่งถ้าหากว่ามีแขกบ้านค้านเมืองจะต้องเลี้ยงในที่นั้น จะได้เป็นที่อุ่นของแล้วขึ้นทางห้องแปนตรีหลังเรือนได้ กำแพงนี้น่าจะทำเสียให้แล้วทันกันกับเรือน ขอให้ช่วยคิดอ่านให้ตลอดด้วย บัดนี้ครูฝรั่งที่จะมาสอนหนังสือก็จะมาถึงอยู่แล้ว อยากจะให้เรือนแล้วเสียในเดือน ๔ จะได้ให้มาสอนในที่นั้นทีเดียว ในรหว่างนี้จะให้สอนที่อื่นไปพลาง

อนึ่งประตูในรหว่างโรงรถที่เป็นประตูรั้วเหล็กอยู่นั้น เมื่อได้ก่อกำแพงเช่นนี้แล้วจะกรุเสียให้ตันก็ควร ไม่ต้องเปลี่ยนเป็นบานไม้ ใช้บานเหล็กนี้เองแต่กรุตามช่องที่โปร่งๆนั้นเสีย

อนึ่งขอให้ตามาโยเขียนแปลนพื้นที่ให้เป็นสวนแต่อย่าให้ซุกซิกมาก จะวางถนนรนแคมอย่างไรให้เขาลองขีดๆมาให้ดู ไม่ต้องเขียนอย่างดีเลอียดอะไรก็ได้ เมื่อตกอย่างแล้วจะวานพระยามหาเทพเขาทำถนนเล็กๆที่สำหรับเดินในลานบ้านนั้นเสีย

อนึ่งรย้าโคมไฟเข้าใจว่าจะยังไม่มี ของที่ปลดเปลื้องลงไปจากพระที่นั่งจะมีอะไรเหลืออยู่บ้าง ถ้าหากว่าไม่พอคิดอ่านชักถอนที่เรือนสุขุมาล แลพระที่นั่งวิมาณเมฆไฉล่ไกล่เกลี่ยกันก็จะเกือบพอ เพราะที่เหล่านั้นไม่ต้องใช้โคมที่งดงามอะไรนัก ต้องการแต่แสงสว่าง ที่เรือนนี้เป็นที่จะรับแขก ควรจะผ่อนเอารย้าดีๆ มาใช้ ให้เอาพระยาวรพงษ์เข้าคิดด้วย แล้วขึ้นไปดูบนพระที่นั่งวิมาณเมฆ รย้าแก้วแลรย้าทองมีพอใช้ทีเดียว จะต้องหาเพิ่มเติมบ้างก็แต่เล็กน้อย ไม่ต้องสั่งใหม่ ของใหม่หาไปเปลี่ยนพระที่นั่งวิมาณเมฆอย่างเลวๆ ก็ได้ ถ้าถึงเวลาจะแขวนได้ขอให้แขวนรย้าแลติดสายขึ้นไว้เสียก่อน เพราะเป็นการประดักประเดิดรุงรังกินเวลามาก

เครื่องเฟอนิเชอร์ได้ความจากดุ๊ก ว่าซื้อมาแต่ ๓ ห้อง คือห้องเรียกว่า ดรออิงรูม ต้องเข้าใจว่าจะจัดที่พักข้าราชการคงไม่พอ คงจะเป็นเฟอนิเชอร์ห้องซิตติงรูมชั้นบน ห้องนอนเป็นอันมีแล้วตรงกัน ห้องกินเข้าเข้าใจว่าคงจะเป็นเครื่องเล็กกว่าห้องข้างหลังซึ่งควรจะเป็นเครื่องกินเข้าใหญ่เดี๋ยวนี้ แต่มีเครื่องเฟอนิเชอร์ห้องโปโลโปเลของดุ๊ก ซึ่งนึกในเวลานั้นแลลืมเสียแล้ว ต้องนึกใหม่อีกหลายสำรับ เห็นจะพอเก็บจัดได้ เหตุด้วยเครื่องเฟอนิเชอร์เหล่านี้ไม่มีเวลาจะเลือกเอง ชี้ไว้แต่ว่าชอบชนิดนั้นๆ แล้วให้ดุ๊กอยู่จัดการต่อไป จะเลือกจะจัดมาเป็นห้องอย่างไรไม่รู้ ถามก็ไม่ได้ความ คงต้องเป็นความกัน ไว้ดูสิ่งของทีเดียวดีกว่า แต่สิ่งที่ซื้อนั้นคือสำหรับเปลี่ยนของพระที่นั่งภานุมาศคืนโดยมาก ผู้หญิงไม่ใช้เก้าอี้ แลของพระที่นั่งภานุมาศก็ไม่จำเป็นต้องคืนนัก กักเฟอนิเชอร์ทั้งปวงไว้แต่งเรือนนี้เสียให้พอก่อน แล้วจึงค่อยจำหน่ายเรือนอื่นๆ ดุ๊กแจ้งความจะแน่นอนฤๅไม่แน่ไม่รู้ เพราะเล็ดออกมาทีละเล็กละน้อย แล้วจึงได้แต่งรูปเป็นเรื่องเข้า คงได้รูปความว่าได้พบแซมสันซึ่งเป็นเอเยนต์ของห้างเมปล อันได้มาพบประมาณ ๑๕ วันมาแล้วบอกว่า ของที่ห้างนั้นได้ออกมาหมดแล้ว เขาได้บิลออฟเลดิงมา ดุ๊กจึงประมาณว่าอีกเดือนหนึ่งของนั้นจะมาถึง ที่ว่าดังนี้เพื่อจะให้ตัวเลขตรงว่าอย่างช้า ๒ เดือนครึ่งของคงจะมาถึง จะเชื่อเอาแน่ไม่ได้ทุกหลักคเนทั้งนั้น แต่เป็นการงามใกล้ข้างน่าจะจริง จึงสัณนิฐานใจเอาว่าของคงจะมาถึงก่อนเดือนสี่ ด้วยได้ให้เวลาทิ้งไว้เดือนหนึ่งเป็น ๓ เดือนครึ่ง

อนึ่งเรือนหลังนี้ให้เรียกว่า ตำหนักราชฤทธิ์รุ่งโรจน์ แทนราชฤทธิ์รุ่งโรจน์ในรัชชกาลที่ ๔ ซึ่งรื้อเสีย

หอสูงที่เขาดินในส่วนแง่เต๋งให้เรียกว่า หอภูวดลทัศไนย แทนภูวดลทัศไนยในรัชกาลที่ ๔.

สยามินทร์

แชร์ชวนกันอ่าน

แจ้งคำสะกดผิดและข้อผิดพลาด หรือคำแนะนำต่างๆ ได้ ที่นี่ค่ะ