อธิบายในลักษณประพนธ์

ในการประพนธ์เรื่องพระนลคำหลวงนี้ ข้าพเจ้าได้ตั้งใจใช้ลักษณประพนธ์ต่าง ๆ ตามที่ใช้อยู่โดยมากเพื่อแต่งหนังสือไทย ท่านผู้อ่านคงจะได้สังเกตเห็นแล้วว่า บางอย่างก็มีอยู่ข้างจะบริบูรณบางอย่างก็บกพร่อง จึ่งขออธิบายไว้ว่าทั้งนี้เปนไปโดยความตั้งใจให้เปนเช่นนั้น ไม่ใช่เพราะหลงลืม ดังจะได้อธิบายต่อไปนี้

๑. โคลง มีทุกชนิดที่หาตำราได้ และมีทั้งที่จำกัดเอกโทและไม่จำกัด การที่มีโคลงครบบริบูรณทุกชนิดเช่นนี้ เพราะแท้จริงเปนแบบประพนธ์อันเหมาะแก่ภาษาไทย อาจที่จะแต่งให้เพราะได้โดยไม่ยากเย็นปานใดนัก

๒. กลอน มีแทบทุกชนิดที่จะต้องใช้ในการแต่งหนังสือโดยมาก ขาดแต่สักระวากับดอกสร้อย ซึ่งแท้จริงก็คล้ายกลอนลครฤๅเสภานั้นเอง ผิดแต่มีจำกัดว่าบท ๑ มีเพียง ๘ บาท (ฤๅเรียกตามภาษากลอนลครว่า “๔ คำ”) เท่านั้น และสักระวาต้องเริ่มว่า “สักระวา ฯ ล ฯ” และในบาทที่ ๘ ต้องลงเอย ส่วนดอกสร้อยต้องเริ่มว่า “ดอกเอยดอกสร้อย งามแฉล้มแช่มช้อยเหมือนเสกสรร” ดังนี้เปนตัวอย่าง และในบาทที่ ๘ ก็ลงเอยเหมือนกัน แต่ทั้งสักระวาและดอกสร้อยจะนำมาลงไว้ในเรื่องพระนลนี้ก็หาที่เหมาะไม่ได้จึ่งงดไว้

๓. กาพย์ มีทุกชนิดที่ใช้แต่งหนังสือไทย คือกาพย์ ๑๑ ฉบงง (๑๖) และสุรางคณา (๒๘)

๔. ฉันท์ ได้เลือกเอาแต่เฉภาะที่แต่งได้โดยง่ายและสดวกแก่ภาษาไทย ซึ่งหาคำลหุได้ยากนัก จึงต้องเลือกเอาฉันท์ที่มีลหุน้อย ๆ คือ อินทรวิเชียร (๑๑) ภุชงคประยาต (๑๒) และวสันตดิลก (๑๔) นอกจากนี้ก็มีที่แต่งยาก ๆ ซึ่งถึงแม้จินตกะวีผู้ชำนาญในทางแต่งฉันท์ก็แต่งได้แต่ตอนละน้อย ๆ ต้องจัดเปนฉันท์วิสามัญ ซึ่งนาน ๆ จะมีที่ใช้คราว ๑ ทั้งถึงแม้เมื่อแต่งขึ้นแล้วก็ไม่ใคร่เพราะด้วย

อนึ่งในการแต่งหนังสือเปนคำโคลงฉันท์กาพย์กลอน ตามแบบเขามักบอกนามลักษณประพนธ์ไว้ที่ต้นบท แต่ในหนังสือนี้ข้าพเจ้ามิได้บอกไว้ เพี่อจะตัดความรุงรังลงเสียส่วน ๑ แต่เพี่อให้เปนประโยชน์แก่ผู้ศึกษา จึ่งได้เก็บเอานามลักษณประพนธ์มารวมลำดับไว้ในภาคผนวกนี้แห่งเดียว ดังต่อไปนี้

ลำดับลักษณประพนธ์

นมัสกฤติกถา โคลง ๔
อารัมภกถา โคลง ๔
นิทานวัจนะ ร่าย กับ โคลงวิชชุมาลี
สรรคที่ ๑ ร่าย กับ โคลง ๔ สลับกันตลอด
สรรคที่ ๒ ร่าย “ตั้งแต่กาลเมื่อนั้น ฯ ล ฯ”
โคลง ๓ “พระมุนีนารท ฯ ล ฯ”
โคลง ๒ “จอมแมนฟังพรตเจ้า ฯ ล ฯ”
ร่าย “ปัถวีบาลทั้งผอง ฯ ล ฯ”
โคลง ๓ “ฟังคำถามศักรินทร์ ฯ ล ฯ”
ฉบงง “ดูก่อนท่านท้าวมัฆวา ฯ ล ฯ”
ร่าย “พอมุนีนารท ฯ ล ฯ”
โคลงวิชชุมาลี “ปางนั้นนลราชเจ้า ฯ ล ฯ”
ร่าย “ฝ่ายเทวาทั้งสี่ ฯ ล ฯ”
โคลงวิชชุมาลี “ดูก่อนขัตติยผู้ ฯ ล ฯ”
สรรคที่ ๓ ร่าย “พระนลประนมวันทา ฯ ล ฯ”
โคลงวิชชุมาลี “ข้าแต่เทวะไท้ ฯ ล ฯ”
โคลง ๓ “องค์มัฆวานฟังปุจฉา ฯ ล ฯ”
โคลง ๔ “ทั้งสี่คือเทพไท้ ฯ ล ฯ”
โคลง ๓ “ฟังบรรหารศักรินทร์ ฯ ล ฯ”
โคลงวิชชุมาลี “ทั้งสี่มีเจตน์ล้วน ฯ ล ฯ”
โคลง ๓ “วัชรีตอบคำขัด ฯ ล ฯ”
โคลง ๔ “ฟังความดำรัสไท้ ฯ ล ฯ”
ฉบงง “ฝ่ายว่าพระนลทรงธรรม์ ฯ ล ฯ”
ร่าย “ฝ่ายฝูงเยาวนารี ฯ ล ฯ”
โคลง ๓ “โฉมยงองค์สุดา ฯ ล ฯ”
โคลง ๔ “ดูราท่านผู้เอก ฯ ล ฯ”
โคลง ๒ “ทรงธรรม์นลราชเจ้า ฯ ล ฯ”
โคลงวิชชุมาลี “นามกรเรานี้ชื่อ ฯ ล ฯ”
สรรคที่ ๔ กาพย์ ๑๑ “โฉมยงนิ่มนงคราญ ฯ ล ฯ”
โคลง ๔ “ทมยันตีแน่งน้อย ฯ ล ฯ”
โคลง ๓ “พิศพนิดาโฉมศรี ฯ ล ฯ”
โคลงวิชชุมาลี “จนใจแห่งพี่แล้ว ฯ ล ฯ”
โคลง ๓ “ทมยันตีชลนา ฯ ล ฯ”
โคลง ๔ “หม่อมฉันเห็นแล้วซึ่ง ฯ ล ฯ”
โคลง ๒ “ฟังเทวีวิทรรภแล้ว ฯ ล ฯ”
โคลง ๔ “เธอไปเห็นหล่อนแล้ว ฯ ล ฯ”
ฉบงง “ตูข้ารับใช้เทวัญ ฯ ล ฯ”
สรรคที่ ๕ ร่าย “ครั้นคำณวนถึงกาล ฯ ล ฯ”
โคลง ๓ “ทรามไวยนิ่งวินิจ ฯ ล ฯ”
โคลง ๒ “ด้วยวาจามนัสพร้อม ฯ ล ฯ”
โคลง ๔ “ฟังสุนทรถ้อยแห่ง ฯ ล ฯ”
ร่าย “ฝ่ายสี่ไท้เทวินทร์ ฯ ล ฯ”
ฉบงง “ครั้นเห็นภีมราชสุดา ฯ ล ฯ”
โคลงวิชชุมาลี “ภูบาลอื่น ๆ ผู้ ฯ ล ฯ”
โคลง ๒ “ภูธรไนษัธไท้ ฯ ล ฯ”
โคลง ๔ “แต่วันบุญโศลกเจ้า ฯ ล ฯ&rdquo
สรรคที่ ๖ ร่าย “ครั้นเยาวมาลย์ไภมี ฯ ล ฯ”
สุรางคณา “ยามกลีโกรธา ฯ ล ฯ”
ฉบงง “ครั้นเห็นเทเวศร์มเหศร์ไกร ฯลฯ”
สรรคที่ ๗ กลอนร่าย (อย่างเทศมหาชาติ)
สรรคที่ ๘ ร่าย “ครานั้นนางทมยันตี ฯ ล ฯ”
ฉบงง ครั้นเห็นวาร์ษไณยสารถี ฯ ล ฯ”
สุรางคณา “ฟังพระเสาวนี ฯ ล ฯ”
สรรคที่ ๙ ร่าย “เมื่อวาร์ษไณยสารถี ฯ ล ฯ”
โคลงวิชชุมาลี “ศรีเอยลูกบาตตั้ง ฯ ล ฯ”
โคลง ๓ “ภูมินทร์นลราช ฯ ล ฯ”
โคลง ๒ “นฤมลแสนโศกสร้อย ฯ ล ฯ”
โคลง ๔ “อ้าใจเทวศเพี้ยง ฯ ล ฯ”
โคลง ๒ “ฟังนารีรัตน์เว้า ฯ ล ฯ”
โคลงวิชชุมาลี “ทมยันตีแน่งน้อย ฯ ล ฯ”
โคลง ๒ “ทรามเชยจึ่งนอบเกล้า ฯ ล ฯ”
โคลง ๔ “แม้มหาราชเจ้า ฯ ล ฯ”
สรรคที่ ๑๐ โคลง ๒ “ภูบาลสดับถ้อย ฯ ล ฯ”
โคลงวิชชุมาลี “พระบิดาทรงราชย์เรื้อง ฯ ล ฯ”
โคลง ๒ “ภูธรนลราชเจ้า ฯ ล ฯ”
ร่าย “ปางเมื่อองค์สองกษัตร์ ฯ ล ฯ”
โคลงวิชชุมาลี “แม้กูทำกิจนั้น ฯ ล ฯ”
ร่าย “พระพลางคิดเช่นนี้ ฯ ล ฯ”
โคลง ๓ “ราชาแม้เคลิ้มจิต ฯ ล ฯ”
โคลงวิชชุมาลี “โฉมนวลนาเรศร์แก้ว ฯ ล ฯ”
ร่าย “จอมกษัตร์ตรัสเช่นนั้น ฯ ล ฯ”
โคลงกลบท “ราชาไปพ้นกลับ ฯ ล ฯ”
ร่าย “งวยงงเปนทุกข์ใหญ่ ฯ ล ฯ”
โคลงกลบท “กลีผีร้ายคร่าห์ ฯ ล ฯ”
สรรคที่ ๑๑ สุรางคณา กับ ฉบงง สลับกันไปจนตลอดสรรค์
(คือดำเนินเรื่องเปนสุรางคณา คำพูดเปนฉบงง)
สรรคที่ ๑๒ กาพย์ห่อโคลง (อย่างเห่เรือ)
สรรคที่ ๑๓ ร่าย “ฝ่ายอรไทยผู้งามสรรพ ฯ ล ฯ”
กาพย์ห่อโคลง “เดินมาวันหนึ่งไซ้ร ฯ ล ฯ”
ร่าย “ฝ่ายนิกรพณิคชน ฯ ล ฯ”
ฉบงง “โอ้โหกรรมเอยกรรมมี ฯ ล ฯ”
ร่าย “ปางเมื่อกองพณิชกร ฯ ล ฯ”
วสันตดิลกฉันท์ ๑๔ “โอ้โอ๋กระไร ฯ ล ฯ”
ฉบงง “ฝ่ายพวกผู้รอดชีวี ฯ ล ฯ”
วสันตดิลก “ฝ่ายโฉมวิทรรภ ฯ ล ฯ”
สุรางคณา “จึ่งเอกองค์อร ฯ ล ฯ”
ฉบงง “ยามนางประเวศเวียงไชย ฯ ล ฯ”
อินทรวิเชียรฉันท์ ๑๑ “เมื่อนั้นพะเอินองค์ ฯ ล ฯ”
ฉบงง “นางนมรับราชเสาวนี ฯ ล ฯ”
อินทรวิเชียร “อ้าแม่อนาถใจ ฯ ล ฯ”
วสันตดิลก “ครานั้นพระนาง ฯ ล ฯ”
อินทรวิเชียร “สิ้นวาจะทรามเสน่ห์ ฯ ล ฯ”
วสันตดิลก “ฟังสาระรส ฯ ล ฯ”
อินทรวิเชียร “ฟังวาทะไพเราะ ฯ ล ฯ”
วสันตดิลก “นันทาสดับ ฯ ล ฯ”
สรรคที่ ๑๔ สุรางคณา “ฝ่ายนลบดี ฯ ล ฯ”
ฉบงง “โอย ๆ เร็วเถิดพระนล ฯ ล ฯ”
สุรางคณา “ที่กลางเพลิงกาจ ฯ ล ฯ”
ภุชงคประยาตฉันท์ ๑๒ “ดนูนี้นะกรรโก ฯ ล ฯ”
สุรางคณา “พอขาดวาจา ฯ ล ฯ”
ภุชงคประยาต “พระจงค่อยลิลาศไป ฯ ล ฯ”
สุรางคณา “ครั้นเธอย่างไป ฯ ล ฯ”
ภุชงคประยาต “พระรูปทรงธแผกผิด ฯ ล ฯ”
สุรางคณา “ดูกรทรงภพ ฯ ล ฯ”
สรรคที่ ๑๕ ในสรรคนี้ เล่นเปนกระบวนฉันท์ต่างคณกับฉบงง สลับกันไป เลียนแบบแต่งลครสันสกฤตชนิดที่เรียกว่า “นาฏะกะ” ซึ่งกำหนดให้ใช้คณฉันท์ให้เหมาะกับตัวบุคคลผู้พูด ในที่นี้จึงใช้ดังนี้ คือ
(๑) ดำเนินเรื่อง ใช้สุรางคณา
(๒) คำตรัสพระนล ซึ่งบัดนี้แปลงเป็นไพร่จึ่งใช้ฉบงงเปนพื้น แต่เมื่อเผลอตัวก็พูดเปนวสันตดิลกไปบ้างตามอย่างเจ้านาย
(๓) คำตรัสท้าวฤตุบรรณ ใช้อินทรวิเชียร
(๔) คำพูดนายชีวลสารถี ใช้ฉบงง
สรรคที่ ๑๖ [หมายเหตุ—โคลงในสรรคนี้ และในสรรคต่อ ๆ ไป แต่งอย่างแบบโบราณ คือไม่จำกัดเอกโทจะมีฤๅไม่มีแล้วแต่จะเหมาะ]
ร่าย “ฝ่ายจุมพลภีมราช ฯ ล ฯ”
โคลงวิชชุมาลี “สูจงไปเที่ยวค้น ฯ ล ฯ”
ร่าย “ปวงพราหมณ์ได้ฟังสาร ฯ ล ฯ”
โคลงมหาวิชชุมาลี “เราไซ้รเห็นรูปเจ้า ฯ ล ฯ”
ร่าย “ครั้นธชีไตร่ตรอง ฯ ล ฯ”
โคลงจิตรลดา “ข้าแต่ไวทรรภราช ฯ ล ฯ”
ร่าย “ดูก่อนยุธิษฐิร ฯ ล ฯ”
โคลงมหาจิตรลดา “อรไทยผู้แน่งน้อย ฯ ล ฯ”
โคลง ๓ ดั้น “ฝ่ายสุเทพทวิช ฯ ล ฯ”
สรรคที่ ๑๗ โคลงนันทะทายี “ในวิทรรภธรรมราชเจ้า ฯ ล ฯ”
ร่าย “เทวีได้ฟังสาร ฯ ล ฯ”
โคลงมหานันทะทายี “อ้าศรีศุภลักษณ์เลิศ ฯ ล ฯ”
โคลง ๓ ดั้น “ฟังสารราชินี ฯ ล ฯ”
โคลงสินธุมาลี “กาลเมื่อใครบ่รู้ ฯ ล ฯ”
โคลง ๓ ดั้น “ฟังหลานผู้ยาใจ ฯ ล ฯ”
ร่าย “ดังนั้นพอเวลา ฯ ล ฯ”
โคลง ๓ ดั้น “นางเนาในราชฐาน ฯ ล ฯ”
โคลงสินธุมาลี “อ้าพระบังเกิดเกล้า ฯ ล ฯ”
กลอนร่าย “ฟังยุบลรำพรรณ ฯ ล ฯ”
สุรางคณา “ปางนั้นเทวี ฯ ล ฯ”
กลอนเพลงยาว “โอ้นักสกาของข้าเอ๋ย ฯ ล ฯ”
สุรางคณา “อีกหนึ่งพึงร่ำ ฯ ล ฯ”
กลอนเพลงยาว “อันเมียดีควรที่จะเคียงผัว ฯ ล ฯ”
สุรางคณา “เมื่อยามกล่าวกลอน ฯ ล ฯ”
ฉบงง “ปางเมื่อไภมีทรามไวย ฯ ล ฯ”
สรรคที่ ๑๘ ร่าย กับ กลอนเพลงยาว สลับกัน
สรรคที่ ๑๙ ร่าย “ได้ทรงสดับสุนทร ฯ ล ฯ”
โคลงมหาสินธุมาลี “ดูราวาหุกยอด ฯ ล ฯ”
ร่าย “ดูก่อนภูบาลทรงยศ ฯ ล ฯ”
โคลงจิตรลดา “ฉันใดนาเรศร์แก้ว ฯ ล ฯ”
โคลง ๓ ดั้น “ตรองดูใจระบบทุกข์ ฯ ล ฯ”
โคลงจิตรลดา “ข้าแต่พระนั่งเกล้า ฯ ล ฯ”
ร่าย “ปางนั้นไซ้รเสวี ฯ ล ฯ”
โคลงมหาจิตรลดา “ฉันใดวาหุกผู้ ฯ ล ฯ”
ร่าย “ครานั้นองค์พระนล ฯ ล ฯ”
โคลงนันทะทายี “นี่ใครขับรถแม้น ฯ ล ฯ”
ร่าย “ย้อนแย้งแยกย้ายยัก ฯ ล ฯ”
สรรคที่ ๒๐ พากย์ดึกดำบรรพ์ (ฉบงง)
สรรคที่ ๒๑ กลอนบทลคร
สรรคที่ ๒๒ กลอนบทลคร
สรรคที่ ๒๓ กลอนเสภา
สรรคที่ ๒๔ กลอนเสภา
สรรคที่ ๒๕ พากย์ดึกดำบรรพ์ (๑๑)
สรรค์ที่ ๒๖ พากยดึกดำบรรพ์ (ฉบงงและ ๑๑ สลับกัน)
อุตตรกถา วสันตดิลก กับ อินทรวิเชียรฉันท์ (สลับกัน)

แชร์ชวนกันอ่าน

แจ้งคำสะกดผิดและข้อผิดพลาด หรือคำแนะนำต่างๆ ได้ ที่นี่ค่ะ