สรรคที่ ๗

๏ เอวัม์ ส สมยํ ก๎ฤต๎วา ๏ ครานั้นจึ่งกลีร้าย และสหายผู้ชื่อทวาบร สองซ่อนสัญญากัน เปนสัมพันธมิตร์ร่วมฤทัย พร้อมใจกันไปยังนิเวศน์ เขตอันเตปุระระโหฐาน ที่พระผู้ผ่านกรุงนิษัธ อยู่เปนศรีสวัสดิ์หรรษา สองเทวาต่างมุ่งจิต เปนนิตย์มิได้ขาด หาโอกาศทุกคืนวัน เพื่อเหตุนั้นอยู่นิษัธนาน จนกาลล่วงลับไป ได้ถึงสิบสองพรรษา กลีจึ่งหาโอกาศ ตามที่ปราถนาได้ สาเหตุไซ้รคือจอมภพ ไถ่มูตร์จบสำเร็จไซ้ร ได้เสวยนํ้ามนต์ดื่ม แต่พะเอินลืมล้างบาท ยามลิลาศไปบวงสวรรค์ ณเมื่อนั้นแลจึ่งกลี เห็นได้ทีจึ่งเข้าสิงสถิต ในดวงจิตพระนล ทั้งดลจิตพระบุษกร ผู้โสทรอนุชา ให้หาพระบุษกรนั้น มาพลันกล่าวยุยง ๏ เอหิ ทีว๎ย นเลน ไว ๏ เธอจงชวนพระเชษฐา ทอดสกาพนันกัน ตัวเธอนั้นคงชำนะ พระนลแพ้ละอย่าสงไสย ตัวเราไซ้รจะคอยบันดาล ให้ท่านชนะเปนมั่นแม่น แม้เขตแคว้นกรุงนิษัธ และสมบัติพัสถาน นลนฤบาลจะวางประจำ แล้วแพ้ระยำยิบไป นั้นแล ฯ

๏ เอวัม์ อุก์ตัส๎ ตุ กลินา ๏ ได้ฟังกลีเธอเสริมส่ง ส่อยุยงเสี้ยมสอน ๏ ปุษ๎กโร นลัม์ อัภ๎ยยาต์ ๏ พระบุษกรจึ่งตรงเข้าไป เฝ้าจอมไผทนลบดี ฝ่ายกลีผีทุจริต เข้าสิงสถิตในลูกสกา คอยท่าบุษกรอยู่ ยามเข้าไปสู่พระภูธร แล้วพระบุษกรผู้สามารถ อาจต่อสู้ศัตรูกล้า ทูลพระราชานลบพิตร์ ผู้สถิตอยู่เฉภาะหน้า ว่าข้าแต่พระภูธร ผู้ภราดรเหนือเกศ เชิญทรงเดชทรงสกา กล่าววาจาชวนเปนหลายหน ฝ่ายพระจุมพลมิ่งมกุฎ ฟังอนุชท้าเช่นนั้น ทรงธรรม์ฟังบ่นิ่งอยู่ได้ เพราะพระไทยชอบทางสกา ทั้งในเวลานั้นไซ้ร ไวทรรภีนางก็ฟังอยู่ ภูธรฤๅจะยอมจำนน ภูวดลก็ทรงสกาพลัน ๏ ชียเต สม นลัส๎ ตทา ๏ ครานั้นนลนฤบดี มีแต่เสียบ่มิวาย เหตุด้วยผีร้ายกลี เข้าสิงที่ลูกบาต ๏ หิรัณ๎ยัส๎ย สุวร๎ณัส๎ย ยานยุค๎ยัส๎ย วาสสาม์ ๏ ภูวนาถเสียซึ่งหิรัญ อีกสุวรรณก็พลอยหมด อีกม้ารถยวดยานสิ้น ภูมินทร์เสียจนเครื่องทรง พระองค์ไซ้รคลั่งสกา ประหนึ่งว่าวิกลจริต ผู้มีจิตจงรัก จะทูลทักบ่มิหยุด สุดจะห้ามแหนได้ พระไนษัธธรณินทร์ ผู้ผลาญอรินแขงขลัง ดูดุจคลั่งเคลิ้มสัญญา เล่นสกาบ่มิหยุดหย่อน ได้เลย ฯ

๏ ภารต ๏ ดูกรภารตบดี ๏ ตตห์ เปารชนาห์ สร๎เว ๏ จึ่งชาวบุรีนิษัธนั้น ก็พร้อมกันมาวังราช ๏ มัน์ต๎ริภิห์ สห ๏ พร้อมด้วยอมาตย์มนตรีทั้งหลาย ต่างมุ่งหมายเฝ้าภูธร เพื่อทูลวอนงอนง้อ ขอให้พระบรรเทาลง ซึ่งความพะวงเหมือนโรคร้าย แลนา ๏ ตตห์ สูต ๏ จึ่งนายสูตราชไซ้ร เข้าไปแทบพระทวาร กราบกรานแล้วแถลงเหตุ ทูลนาเรศร์ทมยันตี ๏ เทวิ ๏ ข้าแต่เทวีเหนือเกล้า ๏ เอษ เปารชโน ท๎วาริ ติษ๎ฐติ การ๎ยวาน์ ๏ บัดนี้เล่าชาวภารา พากันมานับร้อย คอยอยู่ แทบทวารอัดแอ ๏ นิเวท๎ยตาง ไนษธาย ๏ เชิญพระแม่อยู่หัวเจ้า ไปเฝ้าทูลพระราชา ๏ สร๎วาห์ ป๎รก๎ฤตยห์ ส๎ถิตห์ ๏ ว่าบรรดาพศกนิกร มาสโมสรอยู่พร้อมกัน ทั้งนั้นต่างร้อนใจ ในการที่มีเหตุร้าย มากลํ้ากลายซึ่งพระองค์ ผู้ทรงธรรมลํ้าธรณี นั่นแล ฯ

๏ ตตห์ สา วาษ๎ปกลยา ๏ ครานั้นเทวีรูปวิไลย สอึกสอื้นไห้น่าสงสาร เยาวมาลย์ไปทูลพระราชา ทุกข์เวทนาปรากฎถนัด นารีรัตนไภมี ฤดีท่วมด้วยโศกาดูร จึ่งทูลองค์พระปิ่นนิษัธ ผู้เปนรัตนภรรดา ๏ ราชัน์ ๏ อ้าพระทูลกระหม่อมแก้ว ๏ เปารชโน ท๎วาริ ๏ อันประชาชนมาคอยอยู่แล้วที่พระทวารวัง พร้อมพรั่งพากันมาเพื่อวันทาแทบพระบาท ๏ มัน์ต๎ริภิห์ สหิตห์ สร๎ไว ๏ ทั้งอมาตย์มนตรีผู้มีปัญญาแหลมหลัก ๏ ราชภัก์ติปุรัส๎ก๎ฤตห์ ๏ เพราะซื่อตรงจงรักต่อฝ่าลอองธุลี ๏ ตํ ท๎รัษ๎ฏุม์ อร๎หสิ ๏ ขอภูมีจงโปรดเกล้าให้เข้ามา ด้วยเทอญ ๏ อิต๎เยวัม์ ปุนห์ ปุนร์ ภาษต ๏ นางพระยาพรํ่าซํ้าทูล แด่นเรนทร์สูรเปนหลายเทื้อ ๏ อาวิษ๎ฏห์ กลินา ๏ ฝ่ายพระเชื้อชาติกษัตรีย์ เหตุด้วยกลีเข้าสิงอยู่ไซ้ร ๏ ตาง ตถา รุจิราปางคึ ๏ ฟังอรไทยทรงศักดิ์ ผู้ลำนักเนตร์งามงอน ๏ วิลปัน์ตึ ตถา วิธาม์ ๏ จะทูลวิงวอนอ่อนหวาน น่าสงสารปานใดก็ดี ๏ ราชา นาภ๎ย ภาษต กิญ์จน ๏ ภูมีก็คงแต่นิ่งเฉย บ่มิได้เฉลยสุนทรวาท ๏ ตตัส๎ เต มัน์ต๎ริณห์ ส๎รเว ๏ ฝ่ายว่าอมาตย์ทวยลูกขุน สุนทรราชมนตรี ๏ เต ไจว ปุรวาสินห์ ๏ อีกทั้งชาวบุรีนิษัธ ซึ่งแออัดพากันมา ๏ ทุห์ขาร๎ต์ตา ๏ ต่างก็พากันเปล่งอุทาน ด้วยทุกข์ราญระทมใจ ๏ นายํม์ อัส๎ติ ๏ ว่าฉนี้ไซ้รผิดกว่าเคย โอ้กระไรเลยพระทูลเกล้า ๏ ว๎ฤๅฑิตา ชัค๎มุร์ อาลยาน์ ๏ ต่างก็เศร้าสลดใจ พากันกลับไปยังที่อยู่ ฯ

๏ ยุธิษ๎ฐิร ๏ ดูกรยุธิษเฐียร ๏ พหุน์ มาสาน์ ๏ เวลาเวียนไปเปนหลายมาส ๏ ตถา ตัท์ อภวัท์ ท๎ยูตัม์ ปุษ๎กรัส๎ย นลัส๎ย จ ๏ นลราชกับพระบุษกร บ่มิพักผ่อนการเล่นสกา ๏ ปุณ๎ยโศ๎ลกัส๎ ต๎วชียต ๏ ราชาบุญโศลกไซ้ร เสียเสมอไปทุกเวลา นั้นแล ฯ

๏ เรื่องพระนลสรรคที่ ๗ ดังนี้ ฯ

แชร์ชวนกันอ่าน

แจ้งคำสะกดผิดและข้อผิดพลาด หรือคำแนะนำต่างๆ ได้ ที่นี่ค่ะ