สรรคที่ ๒๔

๏ สร๎วํ วิการํ ท๎ฤษ๎ฏวา ตุ ปุณ๎ยโศ๎ลกัส๎ย ธีมตห์

๏ ครานั้นเกศินีศรีสมร ฟังสุนทรพจนาสารถี สังเกตเห็นกิริยาท่าที แห่งภูมีบุญโศลกฦๅชา จึ่งลากลับเข้ายังในวังราช บังคมบาทแม่อยู่หัวสุดสง่า แล้วจึ่งทูลแถลงแจ้งกิจจา ทุกสิ่งสารพัตสิ้นที่ยินยล ฯ

ทมยัน์ตี ตโต ภูยห์ เป๎รษยามาส เกศินีม์

๏ ครานั้นโฉมทมยันตี ฟังคดีทราบสร้านทุกเส้นขน จึ่งตรัสแด่เกศินีนิรมล เราขอวานอีกหนเถิดเปนไร เราอยากพบพระนลวิมลราช เจ้าและอาจช่วยเราสำเร็จได้ วานไปเฝ้าพระมาตุราชไซ้ร และขานไขทูลความตามสั่งมา ว่าข้าได้เพ่งพิศพินิศนัก สังเกตลักษณ์วาหุกแล้วทุกท่า ข้าแสนพะวงสงกา คิดว่าเขาคือพระนลผู้ทรงชัย แต่ว่ารูปร่างกายนั้นผิดแผก ดูแปลกชวนหลงและสงไสย แต่ข้านี้เหลือที่จะหักใจ อยากจะใคร่แลดูประจักษ์ดี ข้าอยากขอประทานพระมารดร โปรดให้เขาบทจรมาในนี่ หรือจะโปรดอนุญาตให้ข้านี้ ออกไปยังที่เขาหยุดพัก การทั้งนี้สุดแท้แต่พระองค์ จะทูลพระบิตุรงค์ให้ตระหนัก หรือไม่ทูลก็ตามแต่นงลักษณ์ ขอแต่อย่าให้ชักชืดไป ฯ

๏ เอวัม์ อุก์ตา ตุ ไวทร๎ภ๎ยา

๏ จะกล่าวถึงพระแม่อยู่หัวเจ้า ได้ฟังข้าหลวงเล่าคดีไข พระนางไม่รอรั้งชั่งฤทัย รีบไปทูลภีมะราชา เล่าความตามคำรํ่าขยาย อภิปรายแห่งธิดาเสนหา พระจอมเมืองมิได้ขัดอัธยา พระมารดาก็โปรดประนอมตาม ฯ

สา ไว ปิต๎ราภ๎ยนุช๎ญาตา มาต๎รา จ

๏ ฝ่ายทมยันตีศรีสง่า ครั้นทราบว่าพระบิดรไม่ย้อนถาม ทั้งสององค์ทรงอนุญาตตาม เจ้านงรามสมถวิลก็ยินดี จึ่งเชิญพระนลวิมลเดช ให้ประเวศวังในวิไลยศรี ให้เชิญถึงพระตำหนักรูจี โดยภูมีจอมวังสั่งให้มา ฯ

๏ ตาง ส๎ม ท๎ฤษ๎ฏ๎ไวว สหสา ทมยัน์ตี นโล น๎ฤปห์

๏ ครานั้นพระนลวิมลราช เข้าถึงในตำหนักมาศเลขา แลดูทมยันตีศรีโสภา ดูมิได้วางตาด้วยจับใจ ดูพลางทางคนึงรำพึงโศก คิดถึงยามวิโยคอันโศกใหญ่ ความทุกข์รุกเร้าให้เศร้าใจ อัสสุชลล้นไหลลงอาบพักตร์ ฯ

ตาง ตุ ท๎ฤษ๎ฏ๎วา ตถายุก์ตํ ทมยัน์ตี นลํ ตทา

๏ ฝ่ายทมยันตีศรีสอาด เห็นพระนลนฤราชผู้ทรงศักดิ์ เสด็จเดินเข้ามาเฉภาะพักตร์ นงลักษณ์วูบวาบปลาบฤทัย พิศพลางนางคำนึงถึงความหลัง อัสสุชลพลั่ง ๆ หลั่งไหล แสนโศกราวโรคสถิตใจ น่าสงสารทรามไวยอนาทร นุ่งผ้ากาษายวัสอยู่ ดูประหนึ่งหญิงหม้ายไร้สมร ทั้งเกศารุงรังไร้อาภรณ อีกแปกปอนหมองหม่นเปนมลทิน นางพิศดูวาหุกสารถี คิดใคร่ลองดูทีเพื่อรู้สิ้น นางจึ่งกล่าวสุนทรกลอนวาทิน เพื่อลองดูภูมินทร์ให้แน่ใจ ดูราวาหุกฉลาดลํ้า จงตอบคำเราเถิดอย่าไถล อันชายใดขึ้นชื่อว่าซื่อไซ้ร และสถิตเที่ยงในคลองธรรม์ ชายเช่นนี้มีฤๅที่ทิ้งขว้าง เหินห่างเมียนอนในไพรสัณฑ์ ฤๅว่ามีที่ทอดทิ้งกัน ให้โศกศัลย์อ้างว้างอยู่กลางดง ก็ใครเล่าทิ้งเมียไปเสียได้ ปล่อยไว้ให้พะว้าพะวงหลง มิเสียแรงเมียรักภักดียง ผัวไม่จงใจถนอมกล่อมเมียเลย ช่างทิ้งได้ในพงดงสงัด โศกถนัดอนาถานิจจาเอ๋ย ใครหนอทิ้งเมียงามผู้ทรามเชย ท่านอย่าเย้ยเราจะบอกด้วยสัจจัง ชายผู้ทิ้งมิ่งเมียเหมือนเสียคน คือพระนลบุญโศลกกำลังขลัง เล่าไปไม่น่าเชื่อเหลือจะฟัง แต่จริงดังเราว่าอย่าติดใจ โอ้พระมหิบดีศรีวิโรจน์ ไฉนเธอกริ้วโกรธหารู้ไม่ ข้าประพฤติผิดพาลประการใด ฤๅชั่วช้าอย่างไรจึ่งโกรธา เหตุไฉนพระลี้หนีข้าเจ้า ให้โศกเศร้าอ้างว้างอยู่กลางป่า ยามข้าสนิทนิทรา พระราชาหนีไปเหมือนไม่รัก โอ้เสียแรงไม่ยอมพร้อมใจ ไปเปนเมียเทวัญบรรฦๅศักดิ์ อุส่าห์เลือกภูวนัยตามใจรัก เพราะสมัครักแท้แน่จริง เสียแรงจงรักและภักดี ทั้งได้มีราชบุตรชายหญิง ช่างกระไรหฤทัยเธอดำจริง จึ่งทอดทิ้งเมียได้ไม่เมตตา ต่อหน้าพระอัคนีศรีสวัสดิ์ เธอจับหัดถ์ข้าน้อยไว้แน่นหนา แล้วแถลงซึ่งสัจจวัจนา ต่อหน้าเทวดาทิพาลัย เธอตรัสว่าจะถนอมกล่อมเกลี้ยง บำรุงเลี้ยงมิให้อนาถได้ อันพระวาจาสัตย์ซึ่งตรัสไว้ ไฉนมาหายไปไม่คงทน ตรัสพลางนางทมยันตี สอื้นโศกีหมองหม่น ยิ่งคิดยิ่งซํ้าชํ้ากมล อัสสุชลไหลหลั่งพะพลั่งพรู ฯ

๏ นโล ท๎ฤษ๎ฏ๎วา

๏ ครานั้นพระนลวิมลรัตน์ เห็นนางกษัตร์โศกศัลย์รำพรรณอยู่ พิศดูโฉมวนิดาผู้ตาตรู โอ้พรํ่าพรูชลเนตร์เวทนา เจ้างามขำตาดำนิลสนิท ยิ่งพินิศจิตสงสารเปนหนักหนา พระแลดูงามสรรพผู้จับตา แล้วจึ่งเผยพจนาประภาษไป อันตัวพี่เพลี่ยงพลํ้าซํ้าเสียราชย์ เพราะอำนาจการพนันบันดาลให้ มิใช่เพราะผิดลงด้วยจงใจ มิใช่ทำชั่วช้าสามาญ เหตุด้วยกลีผีร้าย มุ่งหมายอาฆาฏแสนอาจหาญ ดลใจให้พี่นี้เดือดดาล จึ่งทิ้งเจ้าเยาวมาลย์คู่ชีวา เหตุฉนั้นยามน้องต้องพลัดพราก ไปจากสามีเสนหา ต้องทุกข์ร้อนจรดลด้นพนา ทุกทิวาราตรีมีแต่ครวญ ครั้งนั้นเจ้าได้สาปผู้คิดร้าย มุ่งหมายกระทำให้กำสรวล อันคำแช่งแรงเหลือแม่เนื้อนวล ล้วนถมเทลงตรงกลี แต่นั้นมากลีก็เข้าสิง แนบนิ่งอยูในกายพี่ ร้อนรนเปนพ้นพันทวี ด้วยเหตุที่คำแช่งกำแหงราญ ร้อนขึ้นทุกทีทวีหนัก บ่ได้มีผ่อนพักทวีผลาญ เหมือนก่อเพลิงเติมเพลิงเถกิงกานต์ เพลิงผลาญราญรุมสุมฤดี แต่บัดนี้กลีผีร้าย แพ้พ่ายอำนาจตะบะพี่ ทั้งพี่บำเพ็ญด้วยดี จึ่งอาจปราบกลีนั้นแพ้ไป ดูราเทวีศรีศุภา สารพัตสิ่งทุกข์ขุกไข้ สิ้นแล้วนะแก้วตาผู้ยาใจ อย่าสงไสยในคำแห่งพี่ยา อันตัวพี่ผีออกพ้นตัวแล้ว ทั้งคลาศแคล้วปวงบาปอันแน่นหนา พี่จึ่งรีบทำใจไม่รอรา รีบมาหาเจ้าเยาวมาลย์ มุ่งมาหาน้องผู้ต้องจิต หวังนิยมชมชิดยอดสงสาร ไม่มีอะไรนอกนั้นมาบันดาล ไม่ต้องการประโยชน์อื่นไกล อันนารีผู้มีผัวสมัค บำรุงรักจ่อจิตพิสมัย ได้ให้ถ้อยให้คำจำมั่นไว้ เหตุไฉนจะเสียซึ่งวาที เหตุไฉนจึ่งจำนงจงใจ หาผัวใหม่คลอเคลียให้เสียศรี ไฉนคิดผิดไปได้ดังนี้ เจ้าภีรุจงแถลงให้แจ้งใจ พระนฤบดีภีมกษัตร์ แต่งทูตไปสู่รัฐทั้งน้อยใหญ่ เที่ยวร้องป่าวฉาวความทั่วไป ใจความทุกแห่งต้องกัน ว่าโฉมนางไภมีศรีสวัสดิ์ จะเลือกทวยกษัตร์แขงขัน เปนภรรดาที่สองครอบครองกัน เกษมสันต์เชยชมภิรมย์ใจ นางพระยาธิดานรบดี จะมีที่กีดขวางก็หาไม่ นางจะหาภรรดายาใจ เลือกใหม่ตามแต่จิตจำนง ท้าวภางคาสุรีบรมนาถ ทราบประกาศตั้งใจใฝ่ประสงค์ จึ่งเสด็จด่วนมาโดยตรง เพราะหวังได้อนงค์เปนชายา ฯ

๏ ทมยัน์ตี ตุ ตัจ์ฉ๎รุต๎วา

๏ ครานั้นโฉมทมยันตี เทวีฟังพลางทางก้มหน้า ครั้นเมื่อพระนลราชา ปริเทวะว่าทุกสิ่งอัน จึ่งประนมก้มเกล้าเกศา ทั่วทั้งกายานั้นเทิ้มสั่น แล้วเฉลยเผยพจน์ไปพลัน ทูลพระนลทรงธรรม์ด้วยจริงใจ ว่าพระทูลกระหม่อมจอมผัว อย่านึกว่าน้องชั่วเช่นนั้นได้ น้องมิได้คิดคดขบถใจ ตราบบรรไลยซื่อตรงจงรัก เสียแรงเลือกนิษธาธิบดี เปนสามีปรากฎยศศักดิ์ สู้ละเลยเทวาสุรารักษ์ หวังพำนักพึ่งพระนลจนวันตาย อันพวกพราหมณ์ส่งไปในสิบทิศ ด้วยจำนงจงจิตมุ่งหมาย ให้ค้นหาราชาผู้ยอดชาย พราหมณ์ทั้งหลายรับสั่งไปเหมือนกัน ถึงแห่งใดให้หมั่นขับร้อง พร้องคำเปนกลอนสุนทรสรร พรรณนาครวญครํ่ารำพรรณ ตามที่กระหม่อมฉันได้สอนไป ณวันหนึ่งจึ่งพราหมณ์นามปรรณาท ผู้ฉลาดรู้วิชาน้อยใหญ่ ไปถึงโกศลเกรียงไกร เข้าในนิเวศน์ฤตุบรรณ พราหมณ์พบพระองค์ทรงยศ เปนนายขับรถอยู่ที่นั่น พราหมณ์กล่าวถ้อยคำรำพรรณ ทรงธรรม์ก็ตอบคำมา พราหมณ์กลับมาเล่าแล้วไซ้ร จึ่งสงไสยสมเหมาะเฉภาะท่า หม่อมฉันคิดอุบายได้ขึ้นมา เพื่อลวงพระราชามาที่นี้ อันผู้จะขับมิ่งม้า ดั้นมาร้อยโยชน์เต็มที่ ภายในวันเดียวนั้นไม่มี ในโลกนี้นอกจากพระจอมคน เพื่อเปนพยานสัจจะวาท ขอกราบแทบเบื้องบาทพระสักหน แม้ไม่จริงดังแถลงแจ้งยุบล ขอให้ป่นปี้ไปในพริบตา ถึงในดวงใจไม่เคยคิด ทุจริตต่อพระองค์ทรงเกศา ไม่เคยคิดติฉินท์นินทา หรือว่าเคี้ยวคดขบถใจ ขอท้าวเจ้าลมอุดมศักดิ์ ผู้มักเที่ยวทั่วโลกรอบได้ เปนพยานเห็นทั่วภพไตร จงได้เปนพยานข้านี้ ถ้าแม้ข้าคิดคดขบถไซ้ร ขอให้พระภูตะสักขี ทำลายปราณประหารชีวี ให้เปนที่ปรากฎด้วยพลัน อนึ่งขอให้พระผู้กระจ่าง ส่องสว่างเวหนบนสวรรค์ ผู้เสด็จเยี่ยมภพจบทุกวัน พระองค์นั้นเปนพยานวาจา ถ้าแม้ข้าคิดคดขบถไซ้ร ขอพระไฟบนสวรรค์อันแสงกล้า ทำลายปราณประหารชีวา เพื่อให้ปรากฎชัดถนัดยล อีกขอพระจันทิมามหายศ ผู้อยู่หมดทั่วไปทุกแห่งหน ทั้งทราบสิ้นสรรพกิจในจิตคน เปนพยานบันดาลผลจงมากครัน ถ้าแม้ข้าคิดคดขบถไซ้ร ขอจงไท้เทเวศร์วิเศษสรรพ์ ทำลายปราณประหารชีวัน ด้วยฉับพลันปรากฎทุกประการ สามเทพมหิทธิ์ฤทธิ์เดช แสนวิเศษกำแหงแรงหาญ บำรุงแคว้นแดนไตรให้สราญ ขอจงเปนพยานวาจา ขอทรงสำแดงให้ถนัด เปนพยานความสัตย์แห่งข้า ฤๅแม้ไม่ทรงพระเมตตา จงทิ้งข้าเสียพลันในวันนี้ ฯ

๏ เอวัม์ อุก์ตัส๎ ตยา วายุร์ อัน์ตรีก์ษาท์ อภาษต

๏ จะกล่าวถึงเทวดาวายุราช ได้ยินคำประกาศแห่งโฉมศรี จึ่งเปล่งเสียงตรัสมามิช้าที เปนพยานเทวีวิไลยวรรณ ว่าดูราพระนลวิมลรัตน์ เรานี้กล่าวแต่สัตย์ทุกสิ่งสรรพ์ อันนิ่มนางโฉมแชล่มแจ่มจันทร์ บาปนั้นบ่มีติดกาย ราชันพิรพงศ์ผู้ทรงฤทธิ์ ศีละนิธิ์ในองค์แม่โฉมฉาย หล่อนรักษามั่นไว้ไม่กระจาย มิได้มีบุบสลายเปนมลทิน ภายในสามปีมานี้ไซ้ร เราได้หมั่นมองดูรอบรู้สิ้น ทั้งคุ้มเกรงรักษายอดนารินทร์ บ่มิให้ภัยภินอนงค์นาง อันอุบายคิดมาในครานี้ นางหวังดีต่อเธอผู้อยู่ห่าง อันร้อยโยชน์วันเดียวจะเดินทาง ได้เหมือนอย่างเธอนี้จะมีใคร อันเธอควรเกษมสันต์ณวันนี้ เพราะประสบไภมีศรีใส อีกพระนางไภมีก็ดีใจ เพราะเหตุได้พบปะพระภรรดา ท่านจงเลิกสงกาสารพัต สองกษัตร์จงได้หรรษา เชิญประโลมรับขวัญภรรยา ผู้เยี่ยมยอดเสนหายาใจ ฯ

ตถา พ๎รุวติ วาเยา ตุ ปุษ๎ปว๎ฤษ๎ฏิห์ ปปาต ห

๏ สิ้นกระแสวาจาวายุราช อันประกาศคุณนางสอางค์ใส ก็ถนัดอัศจรรย์ทันใด เทพไทโปรยบุบผาสุมามาลย์ ยินเสียงบรรเลงเพลงสวรรค์ เสนาะนันท์สำเนียงเสียงหวาน ลมรับศัพท์มาพาสราญ เพลงประสานส่งใจให้เปรมปรีย์ ฯ

๏ ตัท์ อัท์ภูตตมํ ท๎ฤษ๎ฏ๎วา นโล ราชาถ

๏ ครานั้นพระนลวิมลกษัตร์ เห็นถนัดบุบผชาติสอาดสี อีกได้ฟังวังเวงเพลงดนตรี เสนาะที่ตำหนักจันทน์ชั้นใน ดูทมยันตีศรีสวาท ภูวนาถจับจิตพิสมัย สิ้นความกินแหนงแคลงฤทัย เชื่อแน่ในความสัตย์แห่งชายา จึ่งทรงห่มผ้าทิพย์สีสอาด ปราศจากลอองผ่องสง่า แล้วรำพึงถึงนาคราชา ในพริบตารูปเดิมก็คืนคง ฯ

๏ ส๎วรูปิณํ ตุ ภร๎ตารํ ท๎ฤษ๎ฏ๎วา ภีมสุตา ตทา

๏ ครานั้นโฉมภีมะสุดา นัยนาตั้งดูอยู่พิศวง เห็นพระผัวทรงเดชวิเศษทรง กลับพระรูปกลายคงเช่นเดิมมา นางร้องกรีดหวีดขึ้นด้วยตกใจ และปลื้มเปรมหฤทัยเปน
หนักหนา ตรงเข้าไปกอดพระบาทา แห่งราชาบุญโศลกโลกวิชิต ฯ

ไภมีม์ อปิ นโล ราชา ภ๎ราชมาโน ยถา ปุรา

๏ ครานั้นพระนลวิมลราช งามพิลาศเหมือนเดิมไม่มีผิด ทอดพระเนตร์ยอดหญิงผู้มิ่งมิตร์ พระจุมพิตไภมีศรีศุภา กอดนางพลางกอดสองลูกแก้ว ทั้งสามองค์ล้วนแล้วเสนหา ได้เริดร้างห่างสมานนานมา กลับมาพบสามราแสนเปรมปรีย์ นางพระยาศุภลักษณ์ลำนักเนตร์ แลดูองค์ทรงเดชวิเศษศรี ปลื้มเปรมเกษมสันต์พันทวี ซบพักตร์ลงตรงที่พระทรวงเธอ นึกถึงความเก่าก็เศร้าโศก ยามวิโยคทูลเกล้าเศร้าเสมอ นึกยามได้ประสบพบเธอ สุขก็เลอลบทุกข์สนุกใจ ฝ่ายพระสมิงคนนลราช พิศโฉมงามทรามสวาทแทบร้องไห้ อนิจจาซูบผอมเพราะตรอมใจ ทั้งฉวีเคยใสมาหมองมล แต่ยินดีที่ได้กลับมารับขวัญ ได้สร้วมสอดกอดกันแล้วอีกหน พิศดูมิ่งนารีศรีวิมล จึ่งพระนลแย้มยิ้มพริ้มพราย ฯ

๏ ไวทร๎ภีชนนี

๏ จะกล่าวถึงสมเด็จพระชนนี แห่งนางไวทรรภีโฉมฉาย เสด็จสู่ปราสาทขวัญพรรณราย แล้วถวายอภิวันท์พระภรรดา แล้วกราบทูลภีมะราชชาติกษัตร์ เรื่องบุตรีนารีรัตน์ศรีสง่า กับพระนลวิมลรัตน์ผู้ภัสดา ล้วนกิจจาตามจริงทุกสิ่งอัน มหาราชก็ประศาสน์ตอบเทวี ว่าพระนลภูมีผู้แขงขัน เมื่อชำระสระสนานแล้วนั้น จะได้ปรองดองกันกับลูกรัก ตัวเรายินดีเปนที่สุด ยอดบุรุษสิ้นเคราะห์เห็นเหมาะหนัก วันพรุ่งนี้เราจะพบประสบพักตร์ แห่งพระองค์ทรงศักดิ์ด้วยยินดี ฯ

๏ ตัส๎ย เตา สหิเตา ราต๎รึ กถยัน์เตา ปุราตนัม์

๏ จะกลับกล่าวถึงพระองค์ทรงนิษัธ กับพระนารีรัตน์มหิษี ชื่นชมภิรมยาในราตรี ทั้งสองศรีต่างสนทนากัน ต่างเล่าเรื่องยากแค้นในแดนดอน เล่าถึงยามพเนจรในไพรสัณฑ์ เล่าถึงเหตุเภทภัยในไพรวัน ต่างก็เล่าสู่กันทุกสิ่งไป ต่างยินดีบัดนี้เกษมสานต์ เนาสถานภีมราชเปนใหญ่ ต่างองค์บำเรอหฤทัย เพื่อให้สุขพร้อมประนอมรัก ทั้งพระไวทรรภีศรีสวัสดิ์ ทั้งพระนลไนษัธบรรฦๅศักดิ์ แสนสนุกสุขชมภิรมย์รัก ต่างชักชวนกันให้ยินดี ถึงสี่ปีที่ร้างห่างเมียขวัญ มาพบกันปลื้มเปรมเกษมศรี สมประสงค์จงจินต์จึ่งยินดี เปรมปรีย์เหลือล้นคณนา ฝ่ายทมยันตีศรีสมร ได้พบพระภรรดรเสนหา เหมือนฝนโปรยโรยพื้นพสุนธรา ก็เกิดผลนา ๆ ทั่วไป ฯ

๏ ไสวํ สเมต๎ย ว๎ยปนีย ตัน์ท๎ราง

๏ สิ้นเหนื่อยเมื่อยล้าเพราะผาศุก ส่างทุกข์สุขล้นกมลใส ทุก ๆ สิ่งสมถวิลจินตัย ผ่องประไพเพียงจันทร์เมื่อวันเพ็ญ ฯ

๏ เรื่องพระนลสรรคที่ ๒๔ ดังนี้ ฯ

แชร์ชวนกันอ่าน

แจ้งคำสะกดผิดและข้อผิดพลาด หรือคำแนะนำต่างๆ ได้ ที่นี่ค่ะ