สรรคที่ ๑๘

๏ อถ ทีร๎ฆัส๎ย กาลัส๎ย ๏ ครั้นเมื่อล่วงกาลนานมา ๏ ปร๎ณาโท นาม ไว ท๎วิชห์ ๏ จึ่งทวิชาจารย์ผู้หนึ่ง ซึ่งมีนามสมัญญา ว่าปรรณาทปรากฏ จรจรดกลับยังนคร เฝ้าบังอรไภมี ทูลคดีบ่ได้ช้า ๏ ทมยัน์ติ ๏ ว่าข้าแต่พระเทวี ทมยันตีสิริวิลาศ ยามข้าบาทเที่ยวค้น หาพระนลไนษัธไซ้ร ข้าเข้าไปถึงอโยธยา มหานครเกษมสันต์ ณที่นั้นข้าได้เฝ้า ผู้ผ่านเผ้าอยุธยา ฤตุบรรณภางคาสุรี ภูมีฟังคำกลอน อันพระนางสอนให้ขับ จนสิ้นศัพทกระแส แต่ฤตุบรรณราชา มหายศมั่งคั่ง บ่ได้รับสั่งเฉลยพจน์ อีกทั้งหมดราชบริษัท อันแออัดสันนิบาต อยู่ในราชวราคาร ฟังสารแล้วบ่ได้เฉลย เลยสักคำสักคน ข้ากล่าวยุบลซํ้าไป ก็บ่มีใครกล่าวตอบสาร ๏ อนุช๎ญาตํ ตุ มาง ราช๎ญา ๏ ครั้นภูบาลกล่าวอนุญาต ให้ข้าบาทถอยออกมา พ้นจากน่าพระที่นั่ง ข้ามายับยั้งอยู่ผู้เดียว ๏ ฤตุปร๎ณัส๎ย ปุรุโษ ๏ ครั้นเหลียวไปจึ่งประสบ พบราชบุรุษผู้รับใช้ ในองค์ท้าวฤตุบรรณ ๏ วาหุโก นาม นามตห์ ๏ อันมีนามปรากฎมา ว่าวาหุกเสวี เปนสารถีแห่งนเรนทร์ เห็นรูปร่างนั้นวิปริต แขนสั้นผิดชนสามัญ แต่แขงขันการขับขี่ มีชื่อถนัดในอัศวการ ทั้งชำนาญมีฝีมือ ขึ้นชื่อทางเปนพ่อครัว ตัวเอกแต่งโภชนา ชายนั้นมาถอนใจใหญ่ และสอื้นไห้เปนหลายครั้ง แล้วเริ่มตั้งกระทู้ถาม ความร้ายดีที่ไปมา แล้วจึ่งเผยวาจาสุนทร เปนสุรพจน์บทกลอน ดังนี้ ฯ

๏ ไวษัม๎ยัม์ อปิ สัม์ป๎ราป์ตา ๏ ถึงแม้ยามชอกช้ำระกำใจ สัตรีใดเชื้อเลิศเสริฐสมร ย่อมรู้จักข่มตนและทนร้อน จึ่งบังอรถึงฟ้าสุราลัย ถึงแม้ผัวทิ้งไปด้วยใจโฉด หล่อนจะโกรธภรรดาก็หาไม่ อันหญิงดีอยู่ดีไม่มีภัย เพราะความดีคุ้มได้ดังเกราะทอง ถึงแม้ผัวใจชั่วมั่วโมหัน และผัวนั้นล้างสุขสิ้นทั้งผอง ทั้งทอดทิ้งเมียไว้ไม่อยู่ครอง นางบ่ข้องเคืองผัวผู้ตัวทราม อันชายนั้นดั้นด้นค้นหากิน นกมันบินโฉบผ้าต่อหน้าหยาม จึ่งต้องเที่ยวทนทุกข์ทุกโมงยาม แม่งามขำบ่ได้โกรธสักนาที ถึงอย่างไรใจดีฤๅใจชั่ว เมื่อเห็นผัวคงเศร้าฤดีศรี โอ้ไร้เมืองไร้เครื่องบำเรอดี ทุกข์ทวีหิวโหยโรยแรงเอย ฯ

๏ ตัส๎ย ตัท์ วจนํ ศ๎รุต๎วา ๏ ฟังคำเฉลยแห่งเสวี สารถีฤตุบรรณราช ข้าเห็นว่าฉลาดแหลมอยู่ ข้าจึ่งจรจู่รีบมา เพื่อทูลกิจจาถ้วนถี่ พระเทวีได้ทรงสดับ สิ้นศัพท์พจนสุนทร กลอนกล่าวมาดังนี้แล สุดแต่จะทรงประมาณ การจะควรทูลพระจอมกษัตร์ ฤๅจะมีดำรัสฉันใด ข้าจะได้รับเหนือเกล้า ขอพระแม่อยู่หัวเจ้า จุ่งเอื้อนเสาวนี สั่งเทอญ ฯ

๏ เอตัจ์ฉ๎รุต๎วา ๏ ฟังคดีถ้อยแถลง แห่งปรรณาทวิปราจารย์ จึ่งเยาวมาลย์นฤมล อัสสุชลนองทั้งสองเนตร์ แล้วจึ่งประเวศโดยลับ ถับถึงที่พระมาตุราช อภิวาททูลวิงวอน ด้วยสุนทรวาจา ดังนี้ ฯ

๏ อยัม์ อร๎โถ น สํเวโท๎ย ภีเม มาตห์ กถัญ์จน ๏ ขอพระมารดาบังเกิดเกศ จงได้ทรงสมเพชแก่ตูข้า สิ่งใด ๆ ที่จะทูลพระมารดา ขอจงอย่าทูลภีมะทรงไชย ลูกขอประทานอนุญาต จะประศาสน์สั่งกิจน้อยใหญ่ แก่พราหมณ์สุเทพผู้ไว้ใจ ในที่เฉภาะพักตร์พระมารดร ขอพระแม่อย่าภิปรายขยายเรื่อง ให้ฦๅเลื่องถึงภีมะทรงศร ลูกคิดแก้ให้เหือดความเดือดร้อน พระมารดรโปรดช่วยให้สมใจ เมื่อตัวข้าตกระกำลำบาก พ้นความยากความเข็ญพบเย็นได้ จนกลับสู่พงศ์พันธุ์แล้วนั้นไซ้ร เพราะสุเทพผู้ใหญ่ได้พามา ขอให้สุเทพผู้ประเสริฐ ไปโดยมงคลเลิศเชิดสง่า กระทั่งนครอยุธยา รับพระนลราชามาพลันเอย ฯ

๏ ป๎รณาโท ท๎วิชสัต์ตโม ๏ ปางนั้นปรรณาทธชี ศรีทวิชเปนยอดไซ้ร ได้สำเร็จกิจด้วยดี ผ่อนอินทรีย์สำราญ จึ่งนงคราญไวทรรภี ด้วยปรีดีรู้คุณ จึ่งเจือจุนบำนาญ ด้วยธนสารมากมาย อีกโฉมฉายดำรัส ตรัสรับรองไว้ล่วงหน้า ๏ วิป๎ร ๏ ว่าดูกรวิปราจารย์ แม้ภูบาลนลนเรนทร์ ผู้เปนปิยสวามี ถึงบุรีนี้แล้วไซ้ร ตูข้าจะให้ซึ่งสินเสริม เพิ่มพูลยิ่งกว่าเก่า ตามที่เราให้แล้วไซ้ร เพราะท่านได้ทำกิจ สัมฤทธิโดยเรียบร้อย ดีไม่น้อยเชิงฉลาด แสนสามารถว่องไว หาผู้ใดจะเปรียบบ่ปาน เพราะเหตุท่านช่วยฉนี้ เราจึ่งมีท่วงท่า พบภรรดาผู้พรากกัน ดังนั้นท่านผู้ยอดพราหมณ์ มีความชอบจะตอบแทน บ่มิหวงแหนสิ่งใด ๏ เอวัม์ อุก์ต๎วา ๏ ครานั้นไซ้รปรรณาท ได้ฟังประศาสน์โฉมฉาย ก็ถวายอาศีรพาท ประสาทศุภมงคล แด่นิรมลมิ่งขวัญ ครั้นสัมฤทธิ์กิจแล้ว จิตผ่องแผ้วเปนนักหนา บังคมลานิ่มนงคราญ กลับไปเคหสถาน บัดนั้นแล ฯ

๏ ยุธิษ๎ฐิร ๏ ดูกรท่านยุธิษเฐียร ผู้ทรงเพียรฟังยุบล จักอนุสนธิความ ตามเรื่องเดิมนั้นต่อไป ๏ ตตห์ สุเทวัม์ อาภาษ๎ย ทมยัน์ตี ๏ จึ่งอรไทยทมยันตี เรียกสุเทพธชีมาแล้ว นางแก้วอยู่เฉภาะหน้า พระมารดาประเสริฐศรี นางเทวีทุกข์โศก เพื่อวิโยคพระบดีศร บังอรมีสวนีประศาสน์ แด่ทวิชาติผู้มีปัญญา ๏ คัต๎วา สุเทว ๏ ว่าดูกรสุเทพผู้ใหญ่ ท่านจงไปยังนคร ที่สโมสรสถิต แห่งบพิตร์เปนเจ้า ผู้ผ่านเผ้าอยุธยา เผยพาจาทูลทรงธรรม์ ฤตุบรรณนฤบดี ทำทีประหนึ่งจรไป บ่มิตั้งใจจงเจาะ จำเภาะเพื่อทำนูลสาร ท่านจงแถลงแจ้งพจน์ เปนมธุรสบทกลอน ดังนี้ ฯ

๏ อาส๎ถาส๎ยติ ปุนร์ ไภมี ทมยัน์ตี ส๎วยํวรัม์ ๏ โฉมยงองค์ทมยันตี ผู้บุตรีภีมะราชทรงศร จะตั้งกิจพิธีสยมพร เพื่อเลือกคู่สู่สมรใหม่อีกองค์ อันราชาสามนต์ทุกตนเล่า ทั้งลูกเจ้าพร้อมใจใฝ่ประสงค์ จึ่งรีบไปกรุงวิทรรภ์ยรรยง เพราะหวังได้เอกอนงค์เปนชายา กำหนดวันกระชั้นอยู่เต็มที คือยามรุ่งพรุ่งนี้อย่ากังขา แม้พระองค์ผู้ทรงมหิทธา รออยู่ช้าอีกไซ้รไม่ทันกาล พออาทิตย์อุไทยไขแสง มิทันแรงร้อนแดดจะแผดผลาญ นางจะเลือกภรรดาคู่ชีวานต์ พระภูบาลอย่านิ่งนอนฤทัย ฝ่ายพระนลบดีสามีเก่า นงเยาว์บ่รู้ว่าอยู่ไหน จะล้มตายหายจากไปแล้วไซ้ร ฤๅยังอยู่ฉันใดไม่รู้เอย ฯ

๏ เอวํ ตยา ยโถค์โต ไว ๏ ฟังทรามเชยประศาสน์สอน จำสุนทรถ้อยถ้วนสรรพ์ ครานั้นสุเทพธชี ลาเทวีวรรณวิไลย รีบไปยังอโยธยา เฝ้าราชาฤตุบรรณ แล้วจึ่งพลันขับร้อง พร้องพจน์บทกลอนสาร ดังเยาวมาลย์สั่งมา แด่มหาราชา บัดนั้นแล ฯ

๏ เรื่องพระนลสรรคที่ ๑๘ ดังนี้ ฯ

แชร์ชวนกันอ่าน

แจ้งคำสะกดผิดและข้อผิดพลาด หรือคำแนะนำต่างๆ ได้ ที่นี่ค่ะ