สรรคที่ ๒๑

๏ ตโต วิทร๎ภาน์ ส์มป์ราป์ตํ สายาห๎เณ สัต๎ยวิก๎รมัม์

๏ รถเลื่อนเคลื่อนไปในวิถี สดศรีวิไลยราวหงส์ พอเวลาสายันห์ตวันลง ก็ถึงตรงน่าวิทรรภเวียงไชย ฯ ๒ คำ ฯ

ฤตุปร๎ณํ ชนา ราช๎เญ ภีมาย ป๎รต๎ยเวทยัน์

๏ บัดนั้น ฝ่ายนายประตูน้อยใหญ่ เห็นท้าวฤตุบรรณนั้นไซ้ร มาใกล้จะถึงธานี แบ่งปันกันอยู่ระวังการ แทบที่ทวารกรุงศรี ตัวนายไปเฝ้าจอมบุรี เพื่อทูลคดีเหตุการณ ฯ ๔ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น ท่านท้าวภีมะราชมหาศาล ทราบเหตุปลื้มเปรมกมลมาลย์ จึ่งมีบรรหารสั่งไป จงเชิญพระจอมอยุธยา เข้าสู่ภาราอย่าช้าได้ แล้วจงทูลองค์ภูวนัย ให้เสด็จตรงยังวังนี้ ฯ ๔ คำ ฯ

๏ บัดนั้น นายประตูประณตบทศรี รีบจากพระโรงรูจี ไปที่ทวารเวียงไชย ฯ ๒ คำ ฯ

ส ภีมวจนาท์ ราชา กุณ์ฑินัม์ ป๎ราวิศัต์ ปุรัม์

๏ ครั้นถึงจึ่งประณตบทบงสุ์ ทูลองค์ฤตุบรรณเปนใหญ่ ว่าพระจอมวังรับสั่งใช้ ให้เชิญภูวเรศร์ประเวศวัง ฯ ๒ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น ท่านท้าวฤตุบรรณกำลังขลัง ได้ยินระบอบชอบฟัง จึ่งตรัสสั่งเลื่อนรถเข้าสู่เวียง ฯ ๒ คำ ฯ

นาทยัน์ รถโฆเษณ สร๎วาห์ สวิทิโศ ทิศห์

๏ รถขวัญ เสียงสนั่นแดนดินได้ยินเสียง ไพเราะเหมาะหมายคล้ายจำเรียง ฟังเพียงเพลงเพราะเหมาะใจ ยินถึงพระยาม้าต้น ของพระนลทรงฤทธิ์อดิศัย อันอยู่ในโรงที่ข้างใน ก็ดีใจต่างร้องก้องกังวาฬ ต่างตัวเริงร้องลำพองเต้น ราวกับเห็นพระนลมหาศาล เห็นม้าท่าเปรมกมลมาลย์ พนักงานต่างคิดฉงนนัก ฯ ๖ คำ ฯ

ทมยัน์ตี ตุ ศุศ๎ราว รถโฆษํ นลัส๎ย ตัม์

๏ เมื่อนั้น ฝ่ายทมยันตีมีศักดิ์ นั่งอยู่ในราชสำนัก นงลักษณ์ยินเสียงรถพระนล ครืน ๆ อธึกกึกก้อง คล้ายฟ้าร้องเมฆคำรามยามฝน ได้ยินเสียงอกเต้นเห็นชอบกล นฤมลยินศัพท์ก็จับใจ เผยพระแกลแลดูราชรถ เห็นเลี้ยวลดตามท้องถนนใหญ่ สารถีขับม้าอาชาไนย ดูไปใจวาบปลาบวิญญา ดูราวพระนลกมลครรภ เธอทรงขับพาชีสี่สง่า ทั้งดูพาชีที่ขับมา ก็คล้ายม้านลราชปลาดครัน ยูงเกาะหลังคาปราสาทสล้าง พระยาช้างยืนโรงแขงขัน ยินฝีเท้ามิ่งม้ามาครานั้น อีกเสียงรถเลื่อนลั่นสนั่นวัง ยูงรำแพนแอ่นอกร่าร้อง พระยาช้างร้องก้องเหมือนเสียงสังข์ ทั่วทั้งวังขวัญสนั่นดัง เหมือนเสียงเมฆกำลังวรรษกาล ฯ ๑๒ คำ ฯ

๏ เพ่งพิศดูรถสดสี นางทมยันตีศรีสมาน ดูยามเข้ามาน่าพระลาน เยาวมาลย์จึ่งนึกตรึกไตร ฯ ๒ คำ ฯ

๏ ยถาเสา รถนิร๎โฆษห์ ปูรยัน์นิว เมทินีม์

๏ ฟังเสียงรถนั้นลั่นเลื่อน เหมือนเสทือนแทบเมทินีไหว ยินเสียงก็ปลื้มประหลาทใจ คำนึงในนึกแน่ว่าท้าวนล แม้วันนี้ไม่พบนลราช พักตร์พิลาศเพียงจันทร์ณเวหน ไม่พบองค์ผู้ทรงคุณอนนต์ คงจะวอดวายชนม์เปนแน่นอน แม้มิได้พิรพงศ์วงศ์สวรรค์ มารับขวัญปลอบโยนด้วยโอนอ่อน แม้วันนี้เริดร้างห่างพระกร คงเร่าร้อนดาลดิ้นสิ้นชีวัง แม้พระไนษัธขัตติเยศร์ ไม่เสด็จแม้นเมฆอุโฆษขลัง เราจะเข้ากองไฟไม่รอรั้ง ให้ไหม้ดังสีทองรองเรือง แม้ราชาไม่มาณวันนี้ เหมือนสีหราชกาจกระเดื่อง ฤๅเหมือนช้างงาสง่าเมือง ก็คือเครื่องฆ่าเราให้บรรไลย นึกไปจะได้ยินพระตรัสปด ฤๅทำคดสักสิ่งบ่นึกได้ บ่เคยยินวาจาด่าผู้ใด ภูวนัยพูดตรงทรงธรรม์ คิดสูงรู้ถ่อมพร้อมกลั่นกล้า พระไทยดียิ่งกว่ากษัตร์สรรพ์ อันสิ่งเลวทรามหยามหยาบนั้น ทรงธรรม์จักทำหาไม่เลย ทุกค่ำเช้าเฝ้านึกถึงพระคุณ แสนจะขุ่นวิญญานิจจาเอ๋ย หฤทัยร้างรักสมัคเชย ไร้เสบยทรวงร้าวราวจะราน ฯ ๑๖ คำ ฯ

๏ เอวํ วิลปมานา สา

๏ คร่ำครวญนวลนงทรงพิลาป แปลบปลาบอกไหม้เหมือนไฟผลาญ แขงพระไทยขึ้นบนพระวิมาน ดูภูบาลบุญโศลกฦๅไชย เห็นรถทรงอยู่กลางหว่างพระลาน มหิบาลฤตุบรรณเปนใหญ่ อยู่พร้อมด้วยนายวาร์ษไณย อีกวาหุกผู้ไกรพาชี วาร์ษไณยโจนลงมิได้ช้า วาหุกลงรถสดสี ปล่อยซึ่งสายขับพาชี ดังนี้หยุดรถราชา ฯ ๖ คำ ฯ

โสวตีร๎ย รโถปัส๎ถาท์

๏ เมื่อนั้น ท่านท้าวฤตุบรรณนาถา พอรถหยุดที่กลางหว่างชลา ลงจากมหารถยาน ดำเนินขึ้นสู่ปราสาท โอภาสพิไลยไพศาล หวังพบภีมราชแรงชาญ ผู้ผ่านวิทรรภธรณิน ฯ ๔ คำ ฯ

ตัม์ ภีมห์ ป๎รติชค๎ราห ปูชยา ปรยา ตตห์

๏ เมื่อนั้น ฝ่ายท้าวภีมะราชทรงศิลป์ ต้อนรับฤตุบรรณภูมินทร์ เสร็จสิ้นสมควรทุกสิ่งไป พระคิดว่าเจ้ากรุงอยุธเยศร์ ไม่มีเหตุจะมานั้นหาไม่ เพราะมิรู้ว่าธิดายาใจ คิดอุบายลวงให้เธอนั้นมา พระจึ่งถามพระจอมอยุธเยศร์ เหตุใดเสด็จถึงเมืองข้า พาซื่อมิรู้ว่าเธอมา เพราะประสงค์ธิดานงลักษณ์ ฯ ๖ คำ ฯ

ฤตุปร๎โณปิ ราชา ส ธีมาน์ สัตยปราก๎รมห์

๏ เมื่อนั้น องค์ท้าวฤตุบรรณมีศักดิ์ ความคิดฉลาดแหลมนัก ทั้งประจักษ์แกล้วกล้าเปนพ้นไป เหลียวดูในวังรัตนา ท้าวพระยาลูกเจ้าหามีไม่ สยมพรพิธีไม่มีไว้ อีกมิได้เห็นพราหมณ์ชุมนุมกัน รู้ว่ามาเสียทีไม่มีผล จึ่งพระจอมโกศลรังสรรค์ ตอบว่าข้ามาเฝ้าพระทรงธรรม์ เพื่อบังคมคัลพระทรงไชย ฯ ๖ คำ ฯ

ราชาปิ จ ส๎มยัน์ ภีโม มนสา สมจิน์ตยัต์

๏ เมื่อนั้น ภีมราชฟังคำเฉลยไข ตรองดูแล้วกริ่มยิ้มใน สงสัยในกระแสวาที อันจะสู้ดั้นด้นสถลมารค ลำบากร้อยโยชน์มาถึงนี่ สู้ผ่านบ้านเมืองมากมี เพื่อที่จะกราบกรานกู เพื่อเหตุเล็กน้อยเพียงนี้ไซ้ร จะอุส่าห์มาไกลกระไรอยู่ จำจะนิ่งรอรั้งฟังดู บางทีจะได้รู้ต่อไป คิดพลางทางถามข่าวคราว เรื่องราวสนทนาปราไสย แล้วตรัสว่าเธอมาทางไกล เชิญไปพักร้อนผ่อนพระกาย ฯ ๘ คำ ฯ

ส สัต์ก๎ฤตห์ ป๎รห๎ฤษ๎ฏาต๎มา ป๎รีตห์ ป๎รีเตน ปาร๎ถิวห์

๏ เมื่อนั้น พระปิ่นโกศลฦๅสาย ได้รับต้อนรับล้วนสบาย สมหมายยินดีปรีดา บังคมสมเด็จวิทรรภราช อภิวาทราชันหรรษา เสด็จจากพระโรงรจนา ลีลาตามกรมวังไป ฯ ๔ คำ ฯ

ราชเป๎รไษ๎ยร์ อนุคโต ทิษ๎ฏํ เวศ๎ม สมาวิศัต์

๏ กรมวังนำองค์พระทรงศักดิ์ ถึงพระตำหนักสดใส ฤตุบรรณพร้อมนายวาร์ษไณย เสด็จขึ้นอาไศรยด้วยสราญ ฯ ๒ คำ ฯ

วาหุโก รถัม์ อาทาย รถศาลาม์ อุปาคมัต์

๏ เมื่อนั้น ฝ่ายว่าวาหุกใจหาญ จึ่งนำพระราชรถยาน สู่สถานโรงรถด้วยพลัน จึ่งแก้สี่อัศวราช แล้วกราดแต่งเสร็จขมีขมัน ปลอบม้าให้สงบทั่วกัน แล้วตัวนั้นนั่งพักบนรถทอง ฯ ๔ คำ ฯ

ทมยัน์ตี ตุ โศการ๎ตา ท๎ฤษ๎ฏ๎วา ภางคาสุรึ น๎ฤปัม์

๏ เมื่อนั้น ฝ่ายทมยันตีหม่นหมอง ยามชะแง้แลจากบัญชรทอง มองท้าวภางคาสุรี อีกเห็นวาร์ษไณยเต็มตา ทั้งวาหุกนายสารถี นางกลับมาตรองหมองฤดี เปนที่สุดพ้นพรรณนา ฯ ๔ คำ ฯ

กัส๎ไยว รถนิส๎วนห์

๏ รถใครฟังเสียงสำเนียงยวด เร็วรวดจับใจเปนหนักหนา คล้ายรถพระนลราชา แต่ว่าบ่เห็นองค์พระนล ฤๅว่าวาร์ษไณยได้ศึกษา รู้วิชาทันแทนแสนฉงน ยามฟังรถจรดจรดล จึ่งคล้ายเสียงพระนลเธอขับเอง ฤๅฤตุบรรณนั้นเรียนรู้ พอสู้นลราชกาจเก่ง รถแล่นจึ่งดังวังเวง เพียงพระไนษัธเองขับมา ฯ ๖ คำ ฯ

เอวํ สา ตร๎กยิต๎วา ตุ ทมยัน์ตี

๏ เสร็จนึกตรึกไตรในฤดี จึ่งทมยันตีศรีสง่า ตรัสเรียกสาวใช้คนหนึ่งมา ใช้ไปเฝ้าราชาด้วยฉับพลัน ฯ ๒ คำ ฯ

๏ เรื่องพระนลสรรคที่ ๒๑ ดังนี้ ฯ

แชร์ชวนกันอ่าน

แจ้งคำสะกดผิดและข้อผิดพลาด หรือคำแนะนำต่างๆ ได้ ที่นี่ค่ะ