สรรคที่ ๑๒

๏ สา นิหัต๎ย ม๎ฤคว๎ยาธัม์ ป๎รตัส๎เถ กมเลก์ษณา  
๏ พ้นภัยพาลพาดพ้อง อรองค์ แก้วเอย
นางกมลเนตร์ตรง ไต่เต้า
วนัม์ ป๎รติภยํ ศูน๎ยํ ณิล์ลิกาคณนาทิตัม์  
เข้าสู่ประเทศดง แดนเปลี่ยว
เสียงแต่เรไรเร้า ยั่วเย้าเย็นใจ ฯ

๏ พ้นภัยพาลพาดพ้อง หมดสิ่งข้องขัดทางไป โฉมนางสำอางค์นัยน์ รีบครรไลสู่ไพรพง ๏ สงสารเยาวเรศร์ ประเวศเดียวเปลี่ยวในดง เดินในไพรระหง เรไรเร้าเศร้าวิญญา ๏ แลดูเห็นหมู่สัตว์ วิ่งเลาะลัดอยู่ไปมา ส่ำสิงห์วิ่งโผนผา พยัคฆาและเสือดาว ๏ ฝูงกวางค่อยย่างเยื้อง แลชำเลืองขนเหลืองวาว กระทิงวิ่งวู่ฉาว หมีขนยาวสนิทนิล ๏ แลดูหมู่ปักษา มีนานาลงหากิน บ้างโดดโลดบนดิน บ้างบินว่อนแล้วร่อนลง ๏ แนวพงดงดอนเปลี่ยว เปนที่เที่ยวฝูงคนดง ดัสกรก็ว่อนวง คอยข่มเหงบ่เกรงใคร ๏ แลดูหมู่พฤกษา มีนานาชอุ่มใบ ต้นรังบังสูรย์ใส อีกต้นไผ่กอกำยำ ๏ มะขามและมะเดื่อ อีกมะเกลือสนิทดำ อิงคุทสุดงามลํ้า กิงศุกลำต้นพ่วงพี ๏ อรชุนดอกขาวก่อง ดอกคำผ่องเหมือนทองดี งิ้วแดงส่องแสงสี ดีดูเพลินจำเริญตา ๏ ชมพูชมภูดี ราวกับสีสะพัตรา มะม่วงกาญจนา เนื้ออ่อนเหลืองเรืองรองราย ๏ สีเสียดช่างเสียดสี เหมือนนารีสีเสียดชาย เจ็บยามถูกหนามหวาย ไม่เหมือนเจ็บเล็บมือนาง ๏ ประทุมสีแดงจ้า ชื่นนาสาไม่จืดจาง แม้ผัวเปนเพื่อนทาง ช่วยชมพลางหว่างมรรคา ๏ หอมกลิ่นกลัมพัก อกแทบหักเจียวพี่อา คิดยามอยู่ภารา เคยอบผ้าให้เธอทรง ๏ ถึงต้นอุฑุมพร โอ้อกอ่อนระทวยองค์ นึกคราราชาสรง พระเคยนั่งตั่งหรรษา ๏ ไทรย้อยละห้อยจิต คิดคำนึงถึงภรรดา ยามครองป้องราชา เหมือนไทรร่มพระสมภาร ๏ ต้นหมากนึกหมากเมี่ยง เคยเลี้ยงในพระโรงธาร ต้นตาลนึกใบตาล อยู่งานพัดจอมปัถพี ๏ รุกขชาติกลาดเกลื่อนตา พรรณนานามากมวลมี ดูพลางหว่างวิถี พอเพลิน ๆ เดินดูไป ฯ

๏ นานาธาตุศไตร์ นัท์ธาน์ วิวิธาน์ อปิ จาจลาน์  
๏ ส่ำไศลแลวากเวิ้ง วงผา
ผากอปธาตุนานา หลากล้น
นิกุญ์ชาน์ ปริสํฆุษ๎ฏาน์ ทริศ๎จาท์ภูตทร๎ศนาห์  
ล้นหลามเหล่าพฤกษา ดาดาษ
ดาษประหนึ่งสวนพ้น เพริศพริ้งเพลินตา ฯ

๏ ส่ำไศลแลวากเวิ้ง เปนชั้นเชิงชะเวิกผา ผงาดธาตุนานา แกมประกอบดูชอบกล ๏ พฤกษามีดาดาษ สอาดตาดูน่ายล เย็นรื่นชื่นกมล ราวสวนหลวงลวงหลอกตา ๏ เดินผ่านธารนํ้าใส ไหลลงสระชะเชิงผา วาปีมีบุษบา หมู่มัจฉาว่ายเวียนวน ๏ สัตว์อยู่ดูหลายชาติ ทวิบาทซร้องสับสน โผแผลวสู่แนวพน จัตุบทจรดจร ๏ สัตว์ส่ำดูกำแหง ร่างกายแขงแรงเริงรอน โอ้อนงค์เอกองค์อร หล่อนขยาดเจียนขาดใจ ๏ แลโพ้นโน่นงูหลาม เลื้อยเล่นตามเหลี่ยมไศล รากษสลดเลี้ยวไป ไล่ผีป่าน่าสยอง ๏ รีบไปไม่ยั้งยับ จนนางถับแทบริมหนอง นํ้าใสไม่มีฟอง ราวคันฉ่องส่องฉายา ๏ ยอดผาสง่าแง่ แลตระหง่านลานลายตา สูงเยี่ยมเทียมเวหา พาให้นึกตรึกตรอมใจ ๏ คิดถึงปรางค์ปราสาท ในพระราชนิเวศใน อันองค์อดิศัย เธออยู่เย็นเปนหรรษา ๏ นํ้าพุพุ่งกระเซ็น กระแสเย็นเยือกกายา เหมือนบัวสุวรรณา ท่อธาราที่เคยสรง ๏ กายนางพลางชุ่มนํ้า แต่อกชํ้าแห้งเปนผง คำนึงถึงพระองค์ ปิยราชขาดปรีดี ๏ คิดพลางนางงามสรรพ องค์วิทรรภสุดาศรี ดูสัตว์สารพัตมี ในป่าดงระหงดอน ๏ กระทิงมหิงษา แลหมูป่าฝ่าดงจร หมีใหญ่ใฝ่ภมร อีกงูป่าน่าพิศวง ๏ แม้สัตว์ที่ดุร้าย บ่มิกลายกลํ้าอนงค์ เดชะสัตยายง องค์ประจักษ์ลักขณา ๏ นางซื่อถือความรัก สามิภักดิ์แด่ภรรดา สัตว์ร้ายหมายบีฑา จึ่งแพ้บารมีนาง ๏ รากษสและปิศาจ ต่างขยาดบ่อาจขวาง ต่างไปให้พ้นทาง ที่สุรางค์จะครรไล ๏ เดินเดียวเปลี่ยวอกเศร้า ราวเพลิงเผาเร่าร้อนใน ครวญคร่ำร่ำพิไร ไปเที่ยวหาพระสามี ๏ ธิดาภีมะราช บ่ขยาดภัยยายี พาลภัยใด ๆ มี แด่องค์เองไม่เกรงกลัว ๏ เดินทางหว่างไพรสาณฑ์ เยาวมาลย์ย่อมลืมตัว คำนึงถึงแต่ผัว กลัวแทนองค์พระทรงไชย ๏ ครวญคร่ำกำสรวลโศก เพื่อวิโยคภูวนัย ทุกข์ชํ้าระกำใจ เฝ้าโหยไห้ถึงภรรดา ๏ เกรงพระจะทุกข์ยาก จะลำบากยากกายา หิวโหยจะโรยรา จะอ้างว้างกลางดงดอน ๏ โศกศัลย์สั่นระรัว สั่นไปทั่วทั้งองค์อร ยืนจอดยอดสิงขร บังอรพร่ำร่ำร้องหา ฯ

๏ ว๎ยูโฒรัส๎ก มหาพาโห ไนษธานาง ชนาธิป
๏ อ้าองค์ไนษัธเจ้า จอมประชา
แรงอุระพระพาหา ผึ่งกว้าง
ก๎ว นุ ราชัน์ คโตสีห์ ต๎ยัก์ต๎วา มาง วิชเน วเน
ไฉนทิ้งกนิษฐา ไว้เอก องค์นอ
ในพนัสอ้างว้าง ห่างบ้านเรือนคน ฯ

๏ อ้าองค์ไนษัธเจ้า ผู้ผ่านเผ้าประชาชน อกใหญ่ไหล่วิมล สกนธ์อ่าพาหาผาย ๏ เหตุไฉนไปจากน้อง ทิ้งให้หมองอยู่เดียวดาย ในป่าน่าใจหาย ห่างถิ่นฐานบ้านเรือนคน ๏ อันองค์พระทรงเดช อัศวเมธทำกี่หน เส้นสรวงบำบวงบน บ่มิเว้นเส้นสรวงสรรค์ ๏ เหตุไฉนทรงสวัสดิ์ ผู้ทรงสัตย์ธำรงธรรม์ ลืมคำซึ่งสำคัญ สัญญาไว้ให้ภรรยา ๏ อ้าองค์ทรงเทริดหัว ผัวประเสริฐเลิศโลกา อันรสพจนา ว่าแก่น้องตรองจงดี ๏ รำฦกแลตรึกไตร สัญญาไว้สัจจะวาที นานช้ามาหลายปี ก่อนพิธีสยมพร ๏ จงจำคำหงส์ทอง รับคำน้องทูลสุนทร ลืมคำที่รํ่าวอน โอภูธรลืมไฉน ๏ หงส์ทองแถลงคำ พระองค์ซํ้าพูดจริงใจ ต่อหน้าข้าเองไซ้ร จำไม่ได้ฤๅราชา ๏ อันพระจัตุรเวท แสนวิเศษเหลือจะตรา คัมภีร์มีนานา ย่อมกล่าวมาเหมือน ๆ กัน ๏ ยกสัจจะวาที เปนของดีเลิศเลอสรร พระองค์ผู้ทรงธรรม์ ย่อมรู้แจ้งแห่งหฤทัย ๏ ขอองค์พระผู้ผลาญ ศัตรูพาลแหลกประไลย ยกสัตย์จัดเปนใหญ่ ให้เนาแน่นแฟ้นอุรา ๏ อย่าลืมพจนาท อันประกาศให้สัญญา ขอวีระราชา อย่าคืนคำจุ่งจำไว้ ๏ อันข้าผู้เปนเมีย มีที่เสียในข้อใด สิ้นรักฤๅไฉน ตัดอาไลยไม่ไยดี ๏ กลางไพรโอ้ไร้ผัว อันความกลัวมากมวลมี น้องเพรียกเรียกโดยดี เหตุไฉนพระไม่ขาน ฯ

ภัก์ษยัต๎เยษ มาง เราโท๎ร ว๎ยาต์ตาโส๎ย ทารุณาก๎ฤตห์
อรัณ๎ยราฏ์ ก๎ษุธาวิษ๎ฏห์ กิม์ มาง น ต๎ราตุม์ อร๎หสิ
๏ เห็นอรัณยราชร้าย แรงหาญ
ปากใหญ่รูปลํ่าปาน กระสอบเข้า
มันจ้องจะปองผลาญ ชีวิตร์
โอ้พระสถิตเกล้า ปล่อยน้องตายไฉน ฯ

๏ เห็นอรัณยราชร้าย ตัวเหลืองลายแรงเริงไกร ปากอ้ากายาไซ้ร เท่าถุงใหญ่ใส่สาลี ๏ มันจ้องจะปองผลาญ เปนอาหารไม่ช้าที ทูลหัวผัวครั้งนี้ จะปล่อยเมียเสียเฉย ๆ ๏ พระองค์ผู้ทรงศักดิ์ ว่าไม่รักคนอื่นเลย สม่อมฉันนั้นจะเชย เปนคู่ใจไม่จืดจาง ๏ ตรัสไว้ขอให้จริง อย่าทอดทิ้งไว้กลางทาง รักจริงฤๅทิ้งขว้าง ให้ร้างรักหนักอาดูร ๏ โอ้เมียเสียสติ เพราะพระสินเรนทร์สูร นาถาอย่าเพิ่มพูล ประมูลโศกโศกาลัย ๏ เชิญตอบเมียสักคำ เมียถามซ้ำอยู่ร่ำไป เชิญตอบให้ชอบใจ ข้ามิใช่ฤๅเมียรัก ๏ เชิญดูเถิดภูธร เมียอ่อนฟกอกแทบหัก หมดเลือดเผือดผิว พักตร์ เปื้อนโคลนเลอะเปรอะธุลี ๏ แม้ผ้ามีแต่กึ่ง ซึ่งบ่ปิดมิดอินทรีย์ เดินเดียวเหลียวบ่มี ที่พึ่งพาดอนาถครัน ๏ เหมือนกวางสำอางค์องค์ ดำเนินหลงเข้าไพรวัน ห่างเหินเดินไม่ทัน พลันพรากหมู่อยู่เยือกใจ ๏ โอ้พรากจากบดี น้องก็มีแต่รํ่าไร โอ้องค์พระทรงชัย ไม่เห็นน้องหมองอารมณ์ ๏ อยู่เดียวเที่ยวละเหี่ย แต่ไม่เสียสัตย์นิยม ภักดีที่บรม ขัตติยาสวามี ๏ โอ้ทูลกระหม่อมแก้ว น้องเรียกแล้วเปนหลายที ข้าคือทมยันตี นี่พระไยไม่ขานพลัน ๏ อ้าพระประเสริฐกูล บริบูรณศีลสุธรรม์ รูปทรงทั้งองค์สรรพ์ โสภณพรั่งทั้งกายิน ๏ ข้ามองในช่องเขา แลเห็นเงาคล้ายภูมินทร์ คิดถึงคำนึงถวิล เห็นพระปิ่นนโรดม ๏ ในดงพงพนัส สงัดเศร้าเปล่าอารมณ์ เสือสิงห์วิ่งดื่นดม โอ้อกกรมเกือบอาสัญ ๏ พระนอนฤๅพระนั่ง ฤๅยืนยังเหยียบอรัณย์ โอ้ไนษัธราชัน หม่อมฉันใฝ่ใคร่เห็นองค์ ๏ ฤๅพระจะดำเนิน เลียบเขาเขินฤๅเดินดง เมียเศร้าเฝ้าประสงค์ จะพบองค์ปิ่นเกศา ๏ โอ้อกฟกอนาถ ใจจะขาดเพื่อโศกา ตัวน้องเที่ยวมองหา เพื่อไต่ถามความร้ายดี ๏ อยากถามว่าใครพบ ประสบพระผู้สามี ใครยลนลบดี บ้างฤๅไม่ในแนวพน ๏ โอ้ใครจะตอบความ อันข้าถามถึงพระนล อันไปในไพรสณฑ์ ทนทุกข์เข็ญเปนอย่างไร ๏ ข้าคอยจะฟังศัพท์ จับจิตเจาะเหมาะเหมงใจ ๏ คือคำร่ำขานไข ตอบข้อถามตาม อยากยิน ๏ คือตอบด้วยวาที ชี้ทางสู่ภูบดินทร์ ใครตอบดังถวิล จินดาชอบจะขอบใจ ฯ

๏ อรัณ๎ยราฑ์ อยํ ศ๎รีมางศ๎ จตุร๎ทํษ๎โฏ๎ร มหาหนุห์  
๏ แลดูอรัณยราชผู้ จอมไพร
เขี้ยวสี่ขาวคางใหญ่ กาจกล้า
ศาร๎ทูโลภิมุโข เภ๎ยติ ว๎รชาเม๎ยนัม์ อศังกิตา
ศารทูลมิ่งสัตว์ใน แถวเถื่อน
นางบ่เกรงขามอ้า โอษฐเอื้อนเยื้อนถาม ฯ

๏ แลดูอรัณยราช ช่างเก่งกาจนี่กระไร เขี้ยวสี่สีขาวใส อีกคางใหญ่ควรสยอง ๏ ศารทูลเปนมิ่งสัตว์ ในแนวชัฏสิ้นทั้งผอง กันยากล้าจะลอง ย่องเข้าไปและไต่ถาม ๏ ดูราพญาเสือ เปนใหญ่เหนือสัตว์เกรงขาม ทั่วพงดงดอนงาม เปนถิ่นฐานท่านเคยหรรษ์ ๏ ข้าคือดไนยา แห่งราชาครองวิทรรภ์ อันนามแห่งข้านั้น ทมยันติเทวี ๏ เปนอรรคชายา นิษธาธิบดี กำแหงแรงฤทธี ปราบอมิตร์ฤทธิ์สยอน ๏ ข้าค้นนลบดี ที่พลัดพรากจากนคร องค์เดียวเที่ยวดงดอน อนาทรเศร้าโศกศัลย์ ๏ ดูรามฤเคนทร์ เอนดูข้าผู้จาบัลย์ เห็นองค์พระทรงธรรม์ บ้างฤๅเปล่า จงเล่ามา ๏ ดูราพญาไพร เอาใจช่วยด้วยสักครา ไม่เห็นพระภรรดา จงบอกมาอย่ารั้งรอ ๏ ขอเชิญมฤคเศรษฐ จงสมเพชฟังข้าขอ กินข้าเสียอย่ารอ ให้หมองหม่นทนทุกข์ไป ๏ ฟังคำคร่ำครวญโศก วิโยคเศร้าเหงาฤทัย มฤคราชกาจเก่งไกร ค่อยเมียงเมินดำเนินหนี ๏ เสือลายดุร้ายเก่ง ย่อมยำเกรงบารมี แห่งทมยันตี ผู้ภักดีต่อภรรดา ๏ สมิงวิ่งมุ่งตรง ลงไปธารละหานผา นํ้าใสไหลซ่า ๆ ไหลเรื่อยตรงลงสาคร ฯ

อิมํ ศิโลจ์จยัม์ ปุณ๎ยํ ศ๎ฤงไคร์ พหุภิร์ อุจ์ฉ๎ริไตห์
๏ อ้าจอมคิริราชเจ้า สิงขร
หลายยอดระยับยอน ยั่วฟ้า
วิราชัท์ภิร์ ทิวิส๎ป๎ฤค์ภิร์ ไนกวร๎ไณร์ มโนหไรห์
แลเลิศมโนหร สีสลับ
สูงตระหง่านงํ้าหล้า เลิศชี้ถิ่นอมร ฯ

๏ อ้าจอมคิริราช สูงผงาดแง่สิงขร หลายยอดระยับยอน เยือนยั่วฟ้าน่ายินดี ๏ มโนหรก้อนหินสรรพ สีระยับสลับสี สูงลํ้างํ้าธาตรี ชี้สวรรค์อันพึงหมาย ๏ นานาโลหธาตุ ล้วนปลาดเหลือบรรยาย อีกแก้วแพรวพรรณราย หลายแก้วหลากมากมวลมี ๏ คีรีมหิมา สูงสง่าพนาลี เหมือนธงองค์วัชรี สีสล้างกลางไพรวัน ๏ มีสิงห์ศารทูลหาญ คชสารที่ซับมัน หมูหมีมีมากครัน กวางสุวรรณเที่ยวหรรษา ๏ ฝูงนกผกโผบิน เที่ยวเลือกกินผลนานา เริงร้องก้องกลางป่า น่าชมเล่นเย็น ๆ ใจ ๏ กิงศุกเคียงอโศก วายุโยกพิกุลไกว บุนนาคชอุ่มใบ อีกมิ่งไม้หลากหลายสี ๏ กรรณิกากลิ่นหอมรื่น มะเดื่อดื่นชื่นฤดี บุบผาสง่าสี สลับผลหล่นเกลื่อนทาง ๏ นํ้าใสไหลริน ๆ ตามซอกหินเช่นลำราง วิหคผกผันพลาง บ้าง เล่นนํ้าช่ำสราญ ๏ ดูราคิรีราช สูงผงาดเงื้อมพนานต์ ถามถึงซึ่งภูบาล ท่านรู้บ้างฤๅอย่างไร ดูก่อนสีขเรศ อจลเศรษฐสีอำไพ ยอดยงตรงขึ้นไป ใกล้จะถึงซึ่งสวรรค์ ๏ ท่านนี้เปนที่พึ่ง ซึ่งคนหลงในพงพัน มหิธรสุนทรสรรพ์ ตูข้าพลันขอวันทา ๏ ขออ่อนศีโรราบ บังคมกราบพ่อจอมผา ขอจงทรงเมตตา แด่ตูข้าราชบุตรี ๏ เปนคู่แห่งราชา ราชภรรยาผู้ภักดี อันตูแห่งข้านี้ ทมยันตีนามะไธย ๏ แล้วนางจึ่งแถลง สำแดงความตามจริงใจ แจ้งจริงทุกสิ่งไป ให้ถ่องถ้วนมวลมีมา ฯ

ราชา วิทร๎ภาธิปติห์ ปิตา มม มหารถห์
๏ พระบิดาข้าบาทไซ้ร จอมวิทรรภ์
เปนมหารถมหันต์ กาจกล้า
ภีโม นาม ก๎ษิติปติศ๎ จาตุร๎วร๎ณ๎ยัส๎ย รัก์ษิตา
นามภีมะราชอัน เปนเกษตร บดีเฮย
ผู้ผดุงไพร่ฟ้า สุขทั้งจัตุรวรรณ ฯ

๏ พระบิดาข้าบาทไซ้ร ภูวนัยจอมวิทรรภ์ มหารถมหันต์ อันพิรกล้าเริงราวี ๏ ภีมราชนามทรงเดช เปนเกษตระบดี รักษาประชาชี สี่พรรณเปรมเกษมสราญ ๏ เคยทำราชสูยะ อัศวเมธวิเศษสาร อีกปวงพลีการ มักอวยทานทักษิณา ๏ หมั่นบวงปวงเทเวศร์ จึ่งเปนเศรษฐะราชา ปรากฎยศสง่า ตาสว่างกระจ่างสี ๏ บำเพญกิจประเสริฐ ประพฤติเลิศล้วนงามดี ทรงสัจจะวาที ไพเราะรสพจมาน ๏ อีกทรงศีลวัตร วิริยจัดกิจการ พร้อมทรัพย์ศฤงคาร ธรรมเที่ยงไว้ไร้มลทิน ๏ ปกป้องประชานันต์ ในวิทรรภะแดนดิน บำราบปราบอริน ฤทธิ์สยอนหย่อนแรงรณ ๏ ข้าคือดไนยา แห่งราชาเจ้าจุมพล มานอบระยอบตน อภิวาทย์ราชคีรี ๏ อนึ่งในนิษัธ รัตนราชธานี มีจอมปัถพี ผู้ชนกพระภรรดา ๏ พระนามปรากฎไป ในประเทศทุกทิศา คือองค์พระราชา วีรเสนภูบดินทร์ ๏ อันองค์วีรบุรุษ ราชบุตร์พระภูมินทร์ กล้าหาญราญอริน ทรงสวัสดิ์สัจจาทรง ๏ พระองค์ผู้ทรงรัช ครองสมบัติพัสดุยง แทนพระบิตุรงค์ ตรงตามพระประเพณี ๏ ทรงนามนลราช อรินขลาดบารมี อีกนามภูบดี บุญโศลกโลกวิชิต ๏ เลื่อมใสในพรหเมศร์ ทั้งพระเวทก็เจนจิต พูดเพราะเหมาะเปนนิตย์ บุญสถิตโสมบาน ๏ ไม่ขาดกิจพลี ใจเธอดีมักอวยทาน โยธินอรินราญ ทุกสิ่งสารอันควรมี ๏ ข้าเปนพระชายา แห่งราชานลบดี ขอจงจอมคีรี ได้เมตตาข้าผู้เข็ญ ๏ ข้าไซ้รมาไร้ศรี ไร้สามีที่ร่มเย็น อนาถา มาลำเค็ญ เปนทุกข์โศกวิโยคภัย ๏ เดินด้นเที่ยวค้นหา พระภรรดาสนิทใจ พระองค์ผู้ทรงชัย แสนประเสริฐเลิศเหล่าชน ๏ จอมเอยจอมภูผา ยอดสง่าแทบเวหน ร้อยยอดจอดตายล คนชมเพลินจำเริญใจ ๏ ดูราอจลเศรษฐ ที่ในเขตมรรคาไพร เห็นนลภูวนัย อยู่แห่งใดจงกล่าวมา ๏ พระเหมือนพญาสาร เชี่ยวชำนาญการนา ๆ กำแหงแรงพาหา ทั้งว่องไวในสิ่งสรรพ์ ๏ เหิมหาญชาญฉกาจ สัตยวาทวีรพันธุ์ พระองค์ทรงยศนั้น คือภรรดาแห่งข้านี้ ๏ อ้าจอมคีรีรัตน์ เห็นนิษัธะภูมี อันชื่อนลบดี ในถิ่นนี้บ้างฤๅไฉน ๏ อ้าจอมเขาตระหง่าน ไม่สงสารบ้างฤๅไร อยู่เดียวข้าเปลี่ยวใจ โหยไห้ร้องก้องกลางพน ๏ ไฉนจึ่งไม่ตอบ ฤๅพูดปลอบให้ชอบกล ข้าเหมือนสุดานนท์ แห่งจอมผามากำสรวล ฯ

วีร วิก๎ราน์ต ธร๎มัช๎ญ สัต๎ยสัน์ธ มหีปเต
๏ ครวญพลางนางพร้องเพรียก พระนล ท่านนา
กู่กู่ก้องไพรสณฑ์ กู่ก้อง
พระพิรแกว่นกลางพล ทรงสัตย์ ธรรมแฮ
พระบ่ยินเสียงน้อง กล่าวเชื้อฤๅไฉน ฯ

๏ ครวญพลางนางพร้องเพรียก เรียกพระนลผู้ทรงไชย กู่ก้องท้องแถวไพร เสียงสนั่นลั่นแหล่งผา ๏ พระพิรผู้ประเสริฐ ทรงสัตย์เลิศสุธรรมา โอ้อกฟกระอา พระภรรดาบ่ได้ขาน ๏ แม้อยู่ในแนวพง ไพรระหงเถื่อนกันดาร ขอเชิญพระภูบาล มาบัดใจให้น้องชม ๏ อ้าไฉนจะได้ยิน เสียงภูมินทร์ถูกอารมณ์ เสียงฦกนึกดูสม เสียงฟ้าร้องก้องเวหน ๏ ไฉนจะได้ฟัง คำรับสั่งแห่งพระนล หวานฉ่ำชํ่ากมล ราวนํ้าทิพย์จิบยินดี ๏ ข้าน้อยคอยสำเหนียก ฟังพระเรียกไวทรรภี ฟังเสียงเพียงดนตรี ชัดจังหวะจะหรรษา ๏ จะเพราะเหมาะลม่อม เหมือนเสียงกล่อมจอมเทวา ฟังรสพจนา ส่างโศกาและจาบัลย์ ๏ ขอเชิญปลอบสักหน่อย ความละห้อยจะเหือดพลัน โอ้องค์พระทรงธรรม์ กระหม่อมฉันเหลืออาไลย ฯ

๏ อิติ สา ตาง คิริเศ๎รษ๎ฐัม์ อุก์ต๎วา ปาร๎ถิวนัน์ทินี
๏ บุตรีภีมราชเจ้า จอมไผท
ดำรัสแก่จอมไศล เสร็จแล้ว
ทมยัน์ตี ตโต ภูโย ชคาม ทิศัม์ อุต์ตราม์
ทมยันติพิสมัย สมรมิ่ง
จึ่งรีบเสด็จแหน้ว สู่แคว้นแดนอุดร ฯ

๏ บุตรีภีมราช ภูวนาถนรินทร ตรัสแก่จอมสิงขร พอให้วายหายกลุ้มใจ ๏ จึ่งทมยันตี วรเทพีพิสมัย รีบรัดตัดพงไพร ไปประเทศเขตแดนเหนือ ๏ เดินไปในพนานต์ แสนกันดารเปนล้นเหลือ อนงค์องค์นิ่มเนื้อ รอนแรมมาสามราตรี ๏ ถึงป่าที่ดาบส บำเพ็ญพรตเยี่ยงโยคี ร่มรื่นชื่นฤดี ราวสวนขวัญในชั้นฟ้า ๏ ดาบสล้วนตั้งจิต คล้ายวสิษฐจอมสิทธา ภฤคูผู้จอมบา อีกอัตรีชีโบราณ ๏ บำเพ็ญเปนเรียบร้อย อีกมักน้อยในอาหาร ข่มจิตนิตย์ทรมาน อารมณผ่องบ่หมองมล ๏ นํ้าเย็นเปนของฉัน อีกลมนั้นฉันทุกตน ใบไม้ที่ในพน เธอเอามาเปนอาหาร ๏ ตั้งจิตกำหราบจิต จึ่งเปนนิตย์จิตสำราญ บำเพ็ญบ่เว้นวาร มุ่งมรรคาหาสวรรค์ ๏ คณะพระมุนี สำรวมดีทุกคืนวัน ผ้าครองของเธอนั้น คือเปลือกไม้ใช้ปนหนัง ๏ โฉมตรูดูกุฎี แห่งฤษีทรงพรตขลัง อาศรมร่มไม้บัง น่านั่งเล่นเย็น ๆใจ ๏ แลดูเห็นหมู่สัตว์ สารพัตมาอาไศรย ฝูงลิงวิ่งร่ายไม้ สัตว์น้อยใหญ่ไม่กลัวคน ๏ ยามมาถึงอาศรม ร้าวระบมไปทั่วตน จึ่งนิ่มนฤมล เมื่อได้ยลค่อยยินดี ๏ อันนางงามขนง น่าพิศวงงามเกศี นงรามงามโสณี งามโอษฐแย้มแฉล้มแดง ๏ งามเลิศเชิดสง่า สุประดิษฐาอ่าเอี่ยมแสง เนตร์ดำราวนํ้าแฝง ในหูบเขาเง้าเงื้อมผา ๏ นางทมยันตี ผู้นารีรัตนา สมควรเปนชายา ลูกราชาวีรเสน ๏ ใจบุญสุนทเรศ แสนวิเศษบ่ต้องเกณฑ์ ระกำโอ้กรรมเวร จึ่งระกำจำระบม ๏ เหน็จเหนื่อยและเมื่อยล้า แสนระอาเศร้าอารมณ์ ครั้นถึงซึ่งอาศรม จึ่งเข้ามาขออาไศรย ฯ

๏ สาภิวาท๎ย ตโปว๎ฤท์ธาน์ วินยาวนตา ส๎ถิตา
๏ ทรามไวยอภิวาทย์เจ้า ฤษี
ยืนยอบนอบอินทรีย์ ต่อหน้า
ส๎วาคตํ ต อิติ โป๎รก๎ตา ไตห์ สร๎ไวส๎ ตาปไสศ๎จ สา
ดาบสต่างยินดี ต้อนรับ แม่เอย
คณะพร้อมกันอ้า โอษฐเอื้อนอวยพร ฯ

๏ ทรามไวยอภิวาทย์ ปวงมหาตมะสุนทร ยืนก้มประนมกร อยู่ต่อหน้าคณาชี ๏ ดาบสเห็นงามสรรพ ต่างต้อนรับด้วยยินดี คณะพระมุนี ต่างอวยชัยให้พร้อมกัน ๏ เชิญนั่งตั่งสอาด แล้วประภาษแด่แจ่มจันทร์ อันกิจประสงค์นั้น เราจะพลันจัดตามใจ ๏ ได้ฟังศัพท์สุนทร นางเอวอ่อนประนมไหว้ แล้วตอบระบอบไป ข้าแต่องค์พระทรงพรต ๏ ตะบะและอัคคี ทำด้วยดีฤๅดาบส มฤคีปักษีหมด ทุกอย่างดีฤๅมีภัย ๏ กุศลศุภกิจ ย่อมสัมฤทธิ์ฤๅไฉน ธรรมาจรณะไซ้ร เสมออยู่ฤๅมุนี ๏ ดาบสตอบวาจา ว่าดูราเจริญศรี ปวงกิจสัมฤทธิ์ดี สารพัตจัดว่างาม ๏ แต่ว่าดูรานาง ผู้สำอางค์เอี่ยมองค์ราม คือใครเราใคร่ถาม จงเล่าความปราถนา ๏ แลดูรูปแน่งน้อย ดูชดช้อยทั่วกายา เปล่งปลั่งดังเลขา สุดโสภาอ่าเอี่ยมองค์ ๏ พินิศพิสมัย วิไลยเลิศประเสริฐทรง อ้านางสำอางค์องค์ จงวายโศกโศกาลัย ๏ ฤๅนางเปนเทวี สถิตที่ถิ่นแถวไพร ฤๅอยู่ภูผาใด จงขานไขเถิดเทพี ๏ ฤๅเปนผู้พิทักษ์ อารักษ์ห้วงนทีศรี อ้าแก้วกัลยาณี จงแถลงแจ้งกิจจา ๏ ทรามเชยเฉลยชี ว่าข้านี้นะเจ้าขา มิใช่เทวดา ผู้รักษาราวป่านี้ ๏ มิใช่เทวดา ผู้รักษาซึ่งคีรี มิใช่องค์เทวี รักษานํ้าลำละหาน ๏ ข้าเปนเพียงมนุษ ทุกข์ที่สุดพระอาจารย์ จะแจ้งแถลงสาร ขอแต่ท่านฟังด้วยดี ฯ

วิทร๎เภษุ มหีปาโล ภีโม นาม มหีปติห์
๏ ในแดนวิทรรภเจ้า ธรณี
ภีมะมหิปมี ชื่อใช้
ตัส๎ย มาง ตนยาง สร๎เว ชานีต ท๎วิชสัต์ตมาห์
ข้าเปนพระบุตรี นฤนาถ นั้นแล
ขอทวิชทราบไว้ ทุกข้อไขขาน ฯ

๏ ในแคว้นแดนวิทรรภ์ มีมหันต์มหิบาล ภีมะมหาศาล นามผู้ผ่านแผ่นไผท ๏ ข้าเปนพระบุตรี มหิบดีผู้ทรงชัย ทวิชจงทราบไว้ อย่าสงไสยในวาจา ๏ อีกองค์จอมนิษัธ บุรุษรัตน์เปรื่องปัญญา พระนละราชา มหายศปรากฎนาม ๏ ที่พึ่งแห่งชาวนา กล้าเกรียงไกรในสงคราม วิทยาสง่างาม คือภรรดาแห่งข้านี้ ๏ ทรงศักดิ์มักบูชา เทวดาทุกราศี พระองค์ทรงปราณี ทวิชาติบ่ขาดแคลน ๏ นิษัธเธอรักษา แผ่อาณาทั่วดินแดน ทรงเดชวิเศษแสน ทรงพลังกำลังหาญ ๏ พระทรงสัตยวาท อีกสามารถศาสตราชาญ ฉลาดอีกอาจหาญ ผลาญอรินสิ้นฤทธี ๏ เลื่อมใสในพรหเมศร์ ทวยเทเวศร์หมั่นพลี กระเดื่องรุ่งเรืองศรี ฦๅสนั่นบุรัญชัย ๏ ทรงนามนลนเรศวร์ นรเศรษฐเดชเกรียงไกร องค์เอี่ยมเทียมท้าวไท เทวราชนาถนาถา ๏ อันพระวิศาลักษ์ คือองค์อรรคะภรรดา ผ่องพักตร์ลักขณา ดังจันทราเมื่อคราบูรณ ๏ องค์พระมหิบาล มักอวยทานทรัพย์เพิ่มพูล พระเวทบริบูรณ นเรนทร์สูรสิทธิ์วิชา ๏ ยามรอญกลางณรงค์ ทรงบำราบปราบพาลา ช่วงโชติโรจน์ประภา ดังจันทราและระพี ๏ ครั้งหนึ่งจึ่งคนคิด ทุจริตจิตอัปรี ผู้ใดไม่ว่าดี อีกบ่มีใครนิยม ๏ แต่มันนั้นบังอาจ ท้านฤนาถนโรดม พระองค์ทรงอภิรมย์ ในสัตย์ธรรม์อันผ่องใส ๏ มันโกงเล่นสกา จึ่งราชาเสียสิ้นไป ราชาเสียราชัย ไร้สมบัติพัสถาน ๏ นี้แลอันตูข้า ผู้อยู่หน้าพระอาจารย์ เปนเมียพระภูบาล ผู้ประเสริฐเลิศราชา ๏ ชื่อทมยันตี ตูข้ามีปราถนา ใคร่พบพระภรรดา พอได้เห็นจะเย็นใจ ๏ ซัดเซพเนจร ผ่านดงดอนคีรีไคล เลียบสระระหว่างไพร เลียบริมนํ้าลำนที ๏ เลียบฝั่งทเลสาบ อันรื่นราบลำลาบมี เดินทางหว่างวิถี เถื่อนทุเรศเวทนา ๏ เที่ยวมองปองจะพบ ประสบพระภัสดา พระนละราชา กล้าเถกิงเริงฤทธิรณ ๏ เสียแรงกำแหงหาญ ศาสตราชาญชำนาญกล มาเที่ยวจรดล ทนทุกข์ยากลำบากกาย ๏ ดูรามหาพราหมณ์ จงตอบความตามข้าหมาย ที่นี้ที่สบาย แห่งดาบสพรตอำไพ ๏ อันองค์นลบดี ได้มานี่ฤๅไฉน จอมรัชนิษัธไซ้ร ได้มาบ้างฤๅทางนี้ ๏ โอ้ว่าข้าทนทุกข์ ลำบากบุกคลุกธุลี เดินไพรไร้วิถี เที่ยวแถวป่าทารุณดอน ๏ ดั้นด้นพนไพรชัฏ เงียบสงัดแสนสยอน ถิ่นถึกมฤคจร ส่ำเสือลายมักผายผัน ๏ แม้ข้าไม่ประสบ พบพระนลพิมลธรรม์ ต้องทนกมลศัลย์ อีกหลายวันหลายราตรี ๏ จะเฝ้าเศร้าอารมณ์ บอบระบมกรมฤดี ขอตายวายชีวี ไปสู่ที่ทิพาลัย ๏ ไร้องค์บุรุษรัตน์ สวัสดีมีฉันใด ดนูจะอยู่ไย ให้ทุเรศเวทนา ๏ จะครองซึ่งชีวาตม์ เมื่อยามปราศพระภรรดา จะกินแต่นํ้าตา โศการ่ำกำสรวลศัลย์ ๏ ดูรามหาพราหมณ์ ได้ฟังความที่รำพรรณ จงน้อมจิตพร้อมกัน กรุณาแก่ข้านี้ ๏ จงแจ้งแถลงเหตุ เภทภัยพาลพระสามี เหมือนช่วยอวยพรศรี ขอธชีช่วยเมตตา ฯ

ตถา วิลปัน์ตีม์ เอกาม์ อรัณ๎เย ภีมนัน์ทินีม์
๏ ฟังลูกภีมราชไท้ พรรณนา
องค์เดียวเปลี่ยวกลางป่า ใหญ่กว้าง
ทมยัน์ตีม์ อโถจุส๎ เต ตาปสาห์ สัต๎ยทร๎ศินห์
จึ่งพระคณะดา บสตอบ
เล็งเนตร์วิเศษอ้าง โอษฐเอื้อนทำนาย ฯ

๏ ฟังลูกภีมราช ผู้อนาถขาดสบาย เอกาอ้าโฉมฉาย ในแนวป่าน่าสงสาร ๏ คณพระดาบส จึ่งตอบรสพจมาน เล็งเนตร์วิเศษญาณ แถลงสารทำนายไป ๏ อ้าองค์กัลยาณี สุขจะมีอย่าสงไสย ทุกข์ร้อนจะผ่อนไป ในไม่ช้าอย่าฉงน ๏ ตะบะให้อำนาจ เราสามารถจะยินยล ไม่ช้าอ้านฤมล จะประสบพบภรรดา ๏ คือองค์นลรัตน์ จอมนิษัธสุสีมา กำแหงแรงฤทธา บำราบหมู่ริปูสูญ ๏ ดูราสุตารัตน์ อันกษัตร์ธรรมพิบูลย์ ประเสริฐเลิศประยูร จะส่างโศกวิโยคภัย ๏ ปวงบาปจะคลาศแคล้ว จะผ่องแผ้วพระหฤทัย จะเห็นพระทรงชัย ประดับแก้วแววอาภรณ ๏ จะกลับรับสมบัติ ดำรงรัชนั่งนคร ภิญโญสโมสร อริราบปราบสลาย ๏ ศัตรูผู้กาจเก่ง จะยำเกรงระยอบกาย ส่วนผู้เปนสหาย โศกระงับได้ฉับพลัน ๏ ดูรากัลยาณี ต่อแต่นี้จะได้หรรษ์ ประสบพบทรงธรรม์ ผู้ประเสริฐเลิศเหล่าคน ๏ ครั้นเสร็จสุรวาที แด่เทวีเมียพระนล อวยชัยให้นฤมล ทุกตนโห่ชโยชัย ๏ พูดเสร็จพระดาบส ถ้วนทั้งหมดก็หายไป อาศรมและกองไฟ ก็หายไปในบัดนั้น ฯ

๏ สา ท๎ฤษ๎ฏ๎วา มหัท์ อาศ๎จร๎ยํ วิส๎มิตา ห๎ยภวัต์ ตทา
๏ ครั้นเห็นประจักษ์แจ้ง มหัศจรรย์
นางสถิตตลึงงัน อยู่ไซ้ร
ทมยัน์ต๎ยนวัท๎ยางคี วีรเสนน๎ฤปส๎นุษา
สนุษาพระทรงธรรม์ วีระ เสนแฮ
ครู่หนึ่งนางจึ่งได้ สติน้อมคนึงสรรพ์ ฯ

๏ ครั้นเห็นประจักษ์แจ้ง พราหมณ์สำแดงอัศจรรย์ นางจึ่งตลึงงัน ยืนแน่วเนียงบ่เอียงเอน ๏ อันองค์สนุษา แห่งราชาวีระเสน ถนัดเห็นชัดเจน แล้วจึ่งตริดำริห์ใน ๏ ดู ๆ เห็นอยู่นั่น เออนี่ฝันฤๅไฉน คราวเคราะห์เหมาะฉันใด จึ่งได้เห็นเปนเช่นนี้ ๏ ไหนเล่าเหล่านักบุญ คณะคุณเจ้าฤษี ไหนเล่าเหล่ากุฎี ที่อาศรมภิรมยา ๏ อีกซ้ำลำธารเห็น นํ้าไหลเย็นเห็นชื่นตา อีกนกผกผันถา ชั่วพริบตาก็สูญหาย ๏ อีกไม้ใหญ่ ๆ เล่า เงาร่มกันตวันฉาย ดอกผลหล่นกระจาย หายหมดไปอึดใจนี้ ๏ จึ่งภีมสุดา แสนสงกาในฤดี นางทมยันตี มิรู้ที่นึกฉันใด ๏ หวลคิดจิตก็ โศก วิโยคผัวตัวอยู่ไกล ผิวพรรณอันผ่องใส ก็สลดหมดเลือดลง ๏ มีกรรมเจ้าจำจร จึ่งบังอรจรฝ่าดง โอ้เหนื่อยเมื่อยทั้งองค์ อีกมิหนำชํ้าอุรา ๏ เดินพลางทางครวญครํ่า รํ่าถึงพระภัสดา เดินย่างหว่างมรรคา ถึงฉายาอโศกไพร ๏ อโศกไม้วิเศษ จำเริญเนตร์กิ่งไสว เขียวชุ่มชอุ่มใบ นกน้อยใหญ่เล่นสำราญ ๏ รื่น ๆ ชื่นนาสา กลิ่นผกาที่เบิกบาน อนงค์ยอดสงสาร จึ่งเผยรสพจนา ฯ

อโห วตายัม์ อคมห์ ศ๎รีมาน์ อัส๎มิน์ วนาน์ตเร
๏ อ้าดูอโศกนี้ ศรีไสว
อยู่ณท่ามกลางไพร เพริศแท้
อาปีไฑร์ พหุภิร์ ภาติ ศ๎รีมาน์ ปร๎วตราฑ์ อิว
ชื่นชุ่มชอุ่มใบ ลมระบัด
ดูสุขสนุกแม้ มาทแม้นจอมผา ฯ

๏ อ้าดูอโศกนี้ ศรีไสววิไลยตา อยู่หว่างกลางพนา เปนสง่าแห่งแนวไพร ๏ ชุ่มชื่นรื่นอารมณ์ ลมเพยพัดระบัดใบ ดูสุขสนุกใจ เหมือนแลดูจอมภูผา ๏ อโศกดูแสนสุข ช่วยดับทุกข์ด้วยสักครา โศกเศร้าเผาอุรา อ้าอโศกโรคข้าร้าย ๏ อโศกโยกกิ่งไกว จงตอบไปดังใจหมาย ได้เห็นพระฦๅสาย ผ่านมาบ้างฤๅอย่างไร ๏ พระนั้นชื่อพระนล ผู้เรืองรณอริกษัย เปนผัวนางทรามไวย นามนิยมทมยันตี ๏ พระองค์ทรงสวัสดิ์ เปนนิษัธธิบดี ทูลหัวทมยันตี มาทางนี้บ้างฤๅไฉน ๏ พระมีผ้าห่มกึ่ง ปรกกายครึ่งหนึ่งนั้นไว้ อันกายฦๅสายไซ้ร ผิวเธออ่อนสุนทรทรง ๏ เห็นเธอบ้างฤๅไม่ พระทรงชัยฤทธิรงค์ เหนื่อยยากลำบากองค์ ด้นดั้นป่าโอ้อาดูร ๏ อ้าต้นอโศกใหญ่ ตูข้าไซ้รโศกบ่สูญ พฤกษาอย่าช่วยพูล จงตัดโศกวิโยคใจ ๏ อโศกเหมาะสมญา ตัดโศกาดูรพิไร จงตอบให้ชอบใจ ตัดโศกใหญ่ให้สักที ๏ พูดพลางทางครวญคร่ำ อกระกำซํ้าโศกี โศกพลางทางเทวี เวียนอโศกยิ่งโศกศัลย์ ๏ แล้วนางค่อยดำเนิน เดินต่อไปในอรัณย์ ไปสู่ประเทศอัน เพิ่มลำบากยากหนักหนา ๏ ผ่านสรรพ์พรรณมิ่งไม้ ต้นน้อยใหญ่ในพนา ข้ามธารละหานผา ฝ่าน่านนํ้าก็จำไป ๏ เดินทางหว่างบรรพต แง่งามงดจำเริญใจ ชมถึกมฤคไพร อีกปักษีมีนานา ๏ เลียบเขาเงาเงื้อมงํ้า ผ่านน่าถํ้าลํ้าเหลี่ยมผา นทีที่ผ่านมา นางข้ามได้ใจบ่กลัว ๏ นางภีมสุดา ช่างอุส่าห์ค้นหาผัว ถึงยากลำบากตัว บ่คิดยากลำบากตน ฯ

๏ คัต๎วา ป๎รก๎ฤษ๎ฏัม์ อัธ๎วานํ ทมยัน์ตี ศุจิส๎มิตา
๏ ทมยันตีแน่งน้อย นฤมล แม่เอย
เลาะลัดตัดไพรสณฑ์ เวิกว้าง
ททร๎ศาถ มหาสาร๎ถํ หัส๎ต๎ยัศ๎วรถสํกุลัม์
ยินดีเมื่อยามยล พวกพณิช
ส่ำแสะและรถช้าง พรั่งพร้อมพเนจร ฯ

๏ ทมยันติโสภณ นฤมลอ้าองค์อร เลาะลัดตัดดงดอน อ่อนระอาหลายราตรี ๏ ยามเห็นพวกพณิช นางมิ่งมิตร์ก็ยินดี ช้างม้ามามากมี อีกทั้งรถจรดมา ๏ เดินผ่านน่านนที อันเปนที่น่ารมยา นํ้าเย็นเห็นตัวปลา ว่ายแหวกวนชลธาร ๏ ลำกว้างว่างระลอก บ่กระฉอกกระฉ่อนฉาน ไม้อ้อกอใกล้ธาร แลละลานเขียวขจี ๏ โกญจาลงมาเล่น ดูเยือกเย็นเล่นวารี เคียงคู่อยู่ยินดี อ้าสุขีดีกว่าเนียง ๏ จากระวากมันจากคู่ เสียงก้องกู่ ๆ ก้องเสียง จนคู่จู่มาเคียง สำเนียงกลับศัพท์หรรษา ๏ ตนุดำนํ้าว่าย สำส่อนส่ายมวลมัจฉา ต่างปลาต่างชิดปลา อ้าอกนางห่างสามี ๏ นทีมีมากหาด ดาดาษเกาะดูเหมาะดี แม้มากับสามี จะช่วยชี้ให้เธอชม ๏ เดินทางห่างภรรดา โอ้ระอาเศร้าอารมณ์ ใจเหี่ยวเปลี่ยวอกกรม บ่อยากชมนทีศรี ๏ ครั้นเห็นพวกพณิช นางมิ่งมิตร์จิตยินดี องค์พระมหิษี แห่งพระนลเห็นพ้นภัย ๏ จึ่งนางนิ่มอนงค์ ดำเนินตรงจงเข้าไป ไม่ช้ามาถึงใน ที่ท่ามกลางระหว่างชน ๏ รูปร่างนางเหมือนบ้า ดูหน้าตาก็แปลกคน ผ้าปิดบ่มิดตน มีกึ่งผืนยืนจังงัง ๏ หน้าซีดซ้ำฝุ่นเปรอะ ทั้งโคลนเลอะดูเกรอะกรัง ผมเฟอะฝุ่นเตอะตัง ดูรุงรังทั่วทั้งกาย ฯ

ตาง ท๎ฤษ๎ฏ๎วา ตัต๎ร มนุชาห์ เกจิท์ ภีตาห์ ป๎รทุท๎รุวุห์
๏ บ้างเห็นตัวหล่อนแล้ว ขวัญหาย เจียวฮา
บ้างลัดกระจัดจาย รีบเร้น
เกจิจ์ จิน์ตาปราส๎ ตัส๎ถุห์ เกจิต์ ตัต๎ร ป๎รจุก๎รุศุห์
บ้างยืนพินิจกาย นางเน่ง อยู่ฮือ
บ้างก็ส่งเสียงเค้น ขู่ด้วยโกรธา ฯ

๏ บ้างเห็นตัวโฉมฉาย ก็ขวัญหายเจียวแม่ฮา บ้างลัดตัดเข้าป่า รีบไปซ่อนซอนซอกพง ๏ บ้างยืนนิ่งพินิศ พิศกายนางอย่างพะวง ๏ บ้างโกรธนิ่มอนงค์ ส่งเสียงขู่อยู่แหว ๆ ๏ บ้างพูดเชิงเย้ยหยัน ว่าตัวนั่นอะไรแฮ บ้างเคืองชำเลืองแล บ่นพึมพำพร่ำด่านาง ๏ บ้างคิดจิตเมตตา แลเห็นท่าว่าหลงทาง ถามเหตุเภทภัยพลาง อีกถามนางว่าชื่อไร ๏ ตัวนางนี้ใครเล่า เปนลูกเต้าเหล่ากอใคร จำนงประสงค์ใด ในแนวป่าพนารัญ ๏ เราเห็นซึ่งตัวนาง ต่างพิศวงอนงค์ครัน รูปร่างนางเช่นนั้น นั่นคนป่าฤๅว่าไร ๏ ฤๅเทพธิดา ผู้รักษาซึ่งแนวไพร ฤๅสูอยู่ไศล ฤๅทุ่งใหญ่ในกลางทาง ๏ จงบอกแต่โดยจริง อย่าประวิงและอำพราง เผื่อตูรู้จักนาง จะได้พึ่งซึ่งบารมี ๏ จงแจ้งแถลงลักษณ์ เปนนางยักษ์แรงฤทธี ฤๅเปนรากษสี ฤๅเทวีศรีสุรางค์ ๏ อนงค์จงเมตตา คุ้มเกรงข้าผู้เดินทาง ให้ปลอดตลอดหว่าง วิถีดงพงไพรสณฑ์ ๏ บันดาลบรรหารสุข นฤทุกข์ทั่วทุกตน เกษมเปรมกมล อีกพาหนปราศปวงภัย ๏ โปรดช่วยอำนวยพร สุนทรเลิศเถิดอรไทย ศรีสิทธิ์ฤทธิชัย ประสาทให้เถิดเทวี ฯ

ดโถก์ตา เตน สาร๎เถน ทมยัน์ตี น๎ฤปาต๎มชา
๏ ได้ฟังนายพ่อค้า พาที
จึ่งนาฏทมยันตี ลูกเจ้า
ป๎รต๎ยุวาจ ตตห์ สาธ๎วี ภร๎ต๎ฤว๎ยสนปีฑิตา
ตอบคำสุวจี คำอ่อน หวานนา
พลางพรํ่าซ้ำโศกเศร้า โศกไร้ภรรดร ฯ

๏ ได้ฟังนายพ่อค้า กล่าววาจาอันสุนทร ทมยันติบังอร อันประเสริฐ กำเนิดดี ๏ ตอบคำสํ่าสุรพจน์ มธุรสหวานวาที โศกเศร้าเฝ้าโศกี ที่จำใจไร้ภรรดร ๏ นางดูผู้เปนใหญ่ ในคณพเนจร หัวน่าพานิกร พณิชน้อมพร้อมกันไป ๏ ทั้งหนุ่มอีกทั้งแก่ แลอุเทศนำทางไพร แด่ผู้เปนนายไซ้ร อรไทยตอบวาจา ๏ เราเปนนางมนุษ ทุกข์ที่สุดจะพรรณนา เรานี้ศรีสุดา แห่งนราธิบดินทร์ ๏ เปนราชสนุษา และชายาแห่งภูมินทร์ บัดนี้มีใจจินต์ จำนงหาพระสามี ๏ อันองค์วิทรรภนาถ คือบิตุราชเกิดเกศี อันองค์พระสามี ปิ่นนิษัธปัถวิบาล ๏ ทรงนามนลราช ศรีวิลาศและอาจหาญ ไม่แพ้อริพาล นี้ภูบาลอันข้าหา ๏ ตัวท่านเดินผ่านทาง พบพระบ้างฤๅพ่อค้า อันพระภัสดา เปนสมิงมิ่งขวัญคน ๏ ศัตรูหมู่อมิตร์ สยอนฤทธิ์ทุกแห่งหน จงแจ้งแห่งยุบล บอกแก่ข้ามาด้วยดี ฯ

ตาม์ อุวาจานวัท๎ยางคึ สาร๎ถัส๎ย มหตห์ ป๎รภุห์
สาร๎ถวาห ศุจิร์ นาม ศ๎ฤณุ กัล๎ยาณิ มัท์วจห์  
๏ ฟังเพราะเสนาะถ้อย มารศรี
นายพณิชนามศุจี ออกอ้าง
ตอบนางว่าเทวี วรลักษณ์
ทรงสดับข้าบ้าง จักแจ้งแถลงสาร ฯ

๏ ฟังเพราะเสนาะพจน์ มธุรสเยาวมาลย์ จึ่งนายพณิชการ นามขนานว่าศุจี ๏ เฉลยซึ่งปุจฉา ว่าข้าแต่พระเทวี ขอจงทรงฟังดี ตูข้านี้ทูลกิจจา ๏ ข้านำคณจร ฝ่าดงดอนอรัญมา อันนละราชา บ่ประสบพบกลางไพร ๏ ระหว่างกลางดงดอน เห็นกุญชรฉกาจไกร เสือดาวเลียบราวไพร อีกเสือใหญ่กระหึมหาญ ๏ อีกหมีที่กินผึ้ง ซึ่งเห็นคนด้นดงดาล กระทิงมหิงษาน วิ่งพลุกพล่านผ่านหน้าไป ๏ อีกฝูงมฤคิน เที่ยวหากินริมทางไคล ในพงดงนี้ไซ้ร ไม่เคยพบประสบคน ๏ ในไพรอันใหญ่กว้าง บ่มีทางจรดล นอกจากนฤมล บ่พบคนมาแต่เพรง ๏ ขอองค์ยักษราช จงอย่าขาดความคุ้มเกรง แม้ใครจะข่มเหง ไวศรวัณช่วยกันภัย ๏ อันท้าวมณีภัทร์ ช่วยขจัดซึ่งจัญไร อุบาทว์บำราศไกล จากเหล่าข้าวณิชากร ๏ ได้ฟังคำเฉลย จึ่งทรามเชยมิ่งสมร ถามนายพณิชพร อีกทั้งเหล่าบริพาร ๏ อันท่านจะไปไหน สู่แดนใดจงไขขาน จะไปในพนานต์ จงเมตตาแก่ข้านี้ ๏ พณิชตอบวาจา ข้ามุ่งแคว้นแดนเจที สุพาหุภูมี ธำรงรัชด้วยสัตยธรรม์ ๏ คณาแห่งข้านี้ มิช้าทีถึงเขตขัณฑ์ จิตน้อมมาพร้อมกัน เพื่อลาภาหากำไร ฯ

๏ เรื่องพระนลสรรคที่ ๑๒ ดังนี้ ฯ

แชร์ชวนกันอ่าน

แจ้งคำสะกดผิดและข้อผิดพลาด หรือคำแนะนำต่างๆ ได้ ที่นี่ค่ะ