- คำนำ
- พระราชนิพนธ์คำนำ
- นมัสกฤติกถา
- อารัมภกถา
- นิทานวัจนะ
- นโลปาข๎ยานัม์
- สรรคที่ ๑
- สรรคที่ ๒
- สรรคที่ ๓
- สรรคที่ ๔
- สรรคที่ ๕
- สรรคที่ ๖
- สรรคที่ ๗
- สรรคที่ ๘
- สรรคที่ ๙
- สรรคที่ ๑๐
- สรรคที่ ๑๑
- สรรคที่ ๑๒
- สรรคที่ ๑๓
- สรรคที่ ๑๔
- สรรคที่ ๑๕
- สรรคที่ ๑๖
- สรรคที่ ๑๗
- สรรคที่ ๑๘
- สรรคที่ ๑๙
- สรรคที่ ๒๐
- สรรคที่ ๒๑
- สรรคที่ ๒๒
- สรรคที่ ๒๓
- สรรคที่ ๒๔
- สรรคที่ ๒๕
- สรรคที่ ๒๖
- อุตตรกถา
- อธิบายในลักษณประพนธ์
- อภิธาน
สรรคที่ ๒๐
๏ ส นทีห์ ปร๎วตางศ๎ไจว วนานิ จ สรางสิ จ
๑๖๏ รถยานผ่านข้ามนที ข้ามบรรพตศรี ผ่านพนและสระงามงอน
๏ ลิ่ว ๆ เร่งรัดอัศดร ราวนกเขจร ก็เขจรันดั้นมา
๏ ยามรถผายผันมรรคา จึ่งพระราชา ภางคาสุรีศรียศ
๏ เห็นผ้าทรงคลุมใสสด ตกลงจากรถ ที่นั่งลงยังปัถพี
๏ แม้เธอรีบร้อนจรลี เห็นผ้าทรงศรี วิลาศก็นึกเสียดาย
๏ จึ่งตรัสแก่นลฦๅสาย หยุดหน่อยเถิดนาย เพื่อหยิบผ้าห่มลักษณา
๏ ยั้งหน่อยเถิดนายมหา พุทธีปรีชา รั้งม้าซึ่งหาญชาญเชาวน์
๏ พอให้วาร์ษไณยไปเอา ผ้าห่มให้เรา แล้วจึ่งค่อยจรต่อไป ฯ
๏ พระนลทูลตอบภูวนัย ผ้าทรงนั้นไซ้ร ตกไกลอยู่กลางหว่างพนานต์
๏ อยู่หลังราวโยชน์ประมาณ อันพระภูบาล จะกลับก็เปลืองเวลา ฯ
๏ ฟังคำพระนลตอบมา องค์ท้าวภางคา สุรีบ่ตอบฉันใด
๏ จนเห็นพิเภตก์กลางไพร อันเต็มเพียบไป ด้วยผลทั้งต้นเต็มสลอน ฯ
๏ เพ่งดูพฤกษาผลาภรณ จึ่งพระภูธร ดำรัสแด่วาหุกพลัน
๏ ดูราสารถีคนขยัน แลดูต้นนั้น จะหันกูเชี่ยวสังขยา
๏ คนเราจะสิทธิ์วิทยา ทุก ๆ อย่างหา ยากนักจะมีชนไหน
๏ บุรุษผู้เดียวผู้ใด จะเชี่ยวชาญไป ในสรรพสิ่งสุดหมาย
๏ ดูราวาหุกยอดชาย อันใบทั้งหลาย แห่งต้นเสมอพิเภตก์ไพร
๏ รู้ฤๅว่าหล่นเท่าใด กูจะขานไข ว่ามีอยู่ร้อยเอ็จประมาณ
๏ มีร้อยเอ็จใบพฤกษาน แลผลตระการ ก็นับร้อยเอ็จคณนา
๏ ส่วนใบที่ติดสาขา ทั้งสองนั้นมา ห้าโกฏิจำนวนมวลมี
๏ ถ้าเก็บสองสาขานี้ มาดูให้ดี ทั้งกิ่งที่ย่อมพร้อมสรรพ์
๏ นับผลที่สาขานั้น มีอยู่สองพัน และร้อยหย่อนห้าผลาผล ฯ
๏ วาหุกชักรถภูวดล หยุดหว่างกลางถนน แล้วทูลมหาราชา
๏ อันซึ่งทรงรัชตรัสมา แลดูด้วยตา บ่เห็นถนัดชัดเจน
๏ ข้าบาทจักทำให้เห็น ทั้งนี้จำเปน จะฟันสมอจึ่งควร
๏ ยามข้าได้นับสรรพมวล ตรวจโดยถี่ถ้วน แล้วจึ่งจะเชื่อนัยนา
๏ ข้าขอโอกาศราชา ฟันกิ่งพฤกษา พิเภตก์นั้นตรวจด้วยพลัน
๏ ถ้าแม้มิทำฉันนั้น ไหนจะรู้กัน ว่าถูกฤๅผิดแน่นอน
๏ ข้าบาทจะนับผลากร ให้เห็นยิ่งหย่อน ต่อหน้าชนาธิบดี
๏ ขอวานวาร์ษไณยสารถี ถือสายขับนี้ สักครู่พอรั้งพาชิน ฯ
๏ นฤปตอบนายอัศวิน เวลาจะสิ้น จะเสียเพื่อยั้งอยู่ไย
๏ วาหุกประสงค์จงใจ ตามจิตตนไซ้ร จึ่งทูลพระปิ่นอยุธยา
๏ แม้พระมิโปรดรอรา ขอเชิญราชา เสด็จจรัลพลันไป
๏ พร้อมนายสารถีวาร์ษไณย ถนนนี้ไซ้ร บ่เลี้ยวบ่ลดบทจร ฯ
๏ ท้าวฤตุบรรณบดีศร ตอบพจนากร ด้วยพจมานหวานดี
๏ ดูราวาหุกสารถี ในพื้นปัถพี ผู้ใดจะเทียบเปรียบสู
๏ สูเอยฉลาดรอบรู้ เชิงอัศวกู ต้องพึ่งให้พาสู่วิทรรภ์
๏ กูไว้ใจสูมากครัน สูอย่ากีดกัน ซึ่งการดำเนินเดินไป
๏ อันสูประสงค์สิ่งไร กูจะตามใจ วาหุกทุกสิ่งเสร็จสรรพ์
๏ ขอเพียงให้ถึงวิทรรภ์ ก่อนพระสุริยัน จะเย็นจะยํ่าคํ่าลง ฯ
๏ วาหุกทูลจอมสุริยวงศ์ ข้าบาทประสงค์ แต่เพียงได้นับผลสมอ ฯ
๏ ขอโปรดให้ดังข้าขอ นับเสร็จไม่รอ จะรีบตระบึงถึงวิทรรภ์
๏ ปางนั้นพระองค์ทรงขันธ์ ตอบคำจำนรรจ์ จะนับก็นับไว ๆ
๏ จงเริ่มด้วยกิ่งหนึ่งไซ้ร อันกูชี้ให้ อย่ามัวพะวงสงกา
๏ เริ่มนับเถิดอย่ารอรา เพื่อความปรีดา แห่งสูผู้อยากรู้จริง
๏ พระนลบ่ได้ประวิง ลงรถรีบวิ่ง ไปหักเอากิ่งลงมา ฯ
๏ นับสิทธิ์พิสมัยนักหนา จึ่งทูลราชา ผู้จอมจังหวัดโกศล
๏ ข้านับแล้วชัดถนัดยล จำนวนถ้วนผล พอเท่าพระองค์ทำนาย
๏ กำลังพลังฦๅสาย ยิ่งชนทั้งหลาย ดนูได้เห็นเจนตา
๏ อันวรวิสิษฐวิทยา ข้าใคร่ทราบว่า มีนัยอยู่เปนไฉน ฯ
๏ ราชาใคร่เดินต่อไป จึ่งตรัสเฉลยไข บ่เบือนบ่ปิดปิดบัง
๏ กูรู้หัวใจสกาขลัง จึ่งชาญฉมัง ฉลาดวิธีสังขยา ฯ
๏ วาหุกทูลพระราชา แม้ทรงกรุณา ประทานวิชาสกาดี
๏ ข้าจะตอบแทนภูมี ด้วยความยินดี ถวายอัศวหฤทัย ฯ
๏ ราชาฤตุบรรฦๅไชย โดยหวังจะได้ ดำเนินไปพลันทันประสงค์
๏ หัวใจวิทยาม้าทรง เธอก็จำนง จึ่งตอบว่ายอมตามใจ
๏ กูจะสอนอักษหฤทัย เพื่อสูจักได้ วิชาสกาช่ำชอง
๏ อัศวหฤทัยกูปอง มาแลกกันของ วิเศษทั้งคู่ดูสม ฯ
๏ ตรัสแล้วฤตุบรรณนโรดม สอนวิทยาคม สกานั้นให้พระนล
๏ พอชาญสกาโกศล กลีผีซน ก็ออกจากองค์ภูมินทร์
๏ พิษกรรโกฎกนาคินทร์ ก็คลายแรงสิ้น และออกทางโอษฐนฤบาล
๏ อีกทั้งไฟแช่งแรงราญ แห่งกลีผีพาล ก็ออกมาพ้นกายา
๏ ต่อนั้นเหน็จเหนื่อยเมื่อยล้า องค์พระราชา บ่ใคร่รู้สึกวรกาย ฯ
๏ แต่ฝ่ายกลีผีร้าย พิษนาคเหือดหาย ก็กลับเปนรูปเดิมที
๏ พระนลนิษัธบดี กริ้วโกรธกลี จึ่งคิดจะแช่งแรงร้อน
๏ กลีเกรงเดชภูธร กายสั่นพลันกร ประนมทำนูลภูวนัย
๏ ข้าขอประทานอภัย จะตอบทรงไชย ด้วยพรให้เกียรติพูลทวี
๏ อินทรเสนะชนนี แสนโกรธเทวี เธอสาปดนูแรงราญ
๏ นางสาปเมื่อยามภูบาล ทิ้งนางกลางพนานต์ ให้ร้อนลำบากยากเข็ญ
๏ ตั้งแต่นั้นมาราเชนทร์ ข้าสิงกาเยนทร์ พระองค์อยู่ด้วยเดือดแด
๏ อีกพิษนาคราชนั้นแล เผาเผือเหลือแก้ ทุกวันทุกคืนยืนยง
๏ ข้าขอพึ่งบุญพระองค์ ขอราชาจง สดับซึ่งศัพทวาจา
๏ ทั่วแดนแผ่นโลกมนุชา ผู้ไม่ลืมวา ทะสรรเสริญภูวนัย
๏ บ่มิต้องมัวกลัวภัย พระคุณทรงไชย จะคุ้มอำนาจกาจกลี
๏ ข้าพรั่นสั่นกลัวภูมี โปรดข้าครานี้ อย่าสาปให้ทุกข์ทวีคูณ ฯ
๏ พระนลฟังคำทำนูล จึ่งพระนเรนทร์สูร ระงับซึ่งความโกรธลง
๏ กลีกลัวพระสุรวงศ์ ประณตบทบงสุ์ แล้ววิ่งเข้าสิงพิเภตก์ไพร
๏ ยามสนทนานั้นไซ้ร บ่มีผู้ใด ได้เห็นนอกจากจอมนิษัธ ฯ
๏ ปางนั้นพระปิ่นนิษัธรัฐ ครั้นเสร็จกำจัด ซึ่งปวงเสนียดเนาใน
๏ ทั้งกลีผีร้ายหายไป รีบรัดบัดใจ เสร็จสังขยาผลาผล
๏ ชื่นชมสมสิทธิ์จิตวิมล จึ่งองค์พระนล ธเรืองจำรัสรัศมี
๏ กลับขึ้นรถรัตนมณี นวลลอองผ่องศรี เร่งหัยราชปราดไป
๏ ฝ่ายต้นสมอพิเภตก์ไพร เปนไม้จัญไร มาตั้งแต่ครั้งกลีสิง ฯ
๏ สี่หัยราชรามงามวิ่ง เร็วรวดยวดยิ่ง ประหนึ่งว่านกผกผิน
๏ พระนลรื่นรมย์สมถวิล ก็เร่งพาชิน ประดุจพระพายผายผัน
๏ หมายมุ่งสู่กรุงศรีวิทรรภ์ งามราชาอัน มหายศาสง่างอน
๏ พระนลผ่านพ้นดงดอน กลีจึ่งจร กลับคืนยังเคหสถาน ฯ
๏ ดังนี้ผีร้ายแรงหาญ ล่าพ้นผู้ผ่าน แผ่นปัถพีบดีศร
๏ แคล้วจากกลีผีบอน จึ่งพระภูธร คงขาดแต่รูปเคยทรง ฯ