สรรคที่ ๑๓

๏ สา ตัจ์ ฉ๎รุต๎วานวัท๎ยางคี สาร๎ถวาหวจัส๎ ตทา ๏ ฝ่ายอรไทยผู้งามสรรพ ครั้นสดับคำนายพ่อค้า ผู้เปนสาร์ถวาหะ ควบคุมคณพณิชนั้น ๏ ชคาม สห เตไนว สาร๎เถน ปติลาลสา ๏ นางก็พลันหฤทัยน้อม ไปพร้อมด้วยกองพ่อค้า เพื่อเที่ยวค้นหาองค์บดี ในที่อรัญนั้นสืบไป ๏ อถ กาเล พหุติเถ วเนหมติ ทารุเณ ๏ ครานั้นไซ้รเขาก็ดำเนิน เดินทางไปได้หลายวัน ในแนวอรัญประเทศ อันเถื่อนทุเรศทารุณหนักหนา ฯ

ตฑาคัม์ สร๎วโต ภท๎รัม์  
๏ เดินมาวันหนึ่งไซ้ร จึ่งถับ
บึงใหญ่ใครเห็นจับ จิตแท้
ปัท๎มเสาคัน์ธิกัม์  
บัวหลวงแน่นแนวนับ ห่อนครบ กอเลย
ส่งสุคนธรสแล้ เลิศล้วนยวนใจ ฯ

๏ เดินไปได้วันหนึ่ง จึ่งถึงบึงในอรัญ แลเลิศประเสริฐสรรพ์ ครั้นได้เห็นดูเย็นตา ๏ บัวหลวงมีดาษดื่น หอมกลิ่นรื่นชื่นนาสา โอ้อกฟกอุรา หอมเหมือนผ้าที่เคยทรง ๏ บึงกว้างสำอางค์ตา พวกพ่อค้าสมจำนง มีหญ้าน่าประสงค์ พอเลี้ยงสัตว์รีบตัดมา ๏ ชอบบึงซึ่งเยี่ยมใหญ่ สดไสวมากมาลา ต่างพรรณเหลือพรรณนา ส่งกลิ่นฟุ้งจรุงใจ ๏ พณิชจิตบ่เศร้า เขาสำรวลกันร่วนไป แต่นางเจ้าห่างไกล พระภรรดรอ่อนอกกรม ๏ หอมกลิ่นผกากรอง คิดถึงห้องสองเคยรมย์ โอ้อกฟกระบม กลิ่นยิ่งหอมยิ่งตรอมทรวง ๏ อยู่วังนั่งในสวน มาลีล้วนลออดวง ชะอุ่มเป็นพุ่มพวง ปวงปลูกไว้ให้เราเชย ๏ กลิ่นแซมแกมกลิ่นรัก จึ่งหอมนักนะอกเอ๋ย ผัวไกลไร้เสบย ได้กลิ่นหอมจึ่งตรอมใจ ๏ นานาผลาผล สุก ๆ หล่นกล่นเกลื่อนไป ลองลิ้มชิมดูไซ้ร หวานกระไรชื่นใจครัน ๏ หวานผลวิมลรส ยิ่งกำสรดกรรแสงศัลย์ คำนึงถึงทรงธรรม์ พลันรสกลืนกลายขื่นขม ๏ หวานใดไม่หวานหนัก เท่ารสรักสมัคสม ไร้รักหนักอารมณ์ หวานเหมือนขมอมโศกา ๏ แลดูหมู่ปักษิน บ้างโบกบินบ้างกินปลา บ้างร้องก้องพนา เพรียกหาคู่ดูเหมือนเนียง ๏ อ้านกวิหคหาญ อยากใคร่วานเจ้าส่งเสียง ช่วยน้อมจิตพร้อมเพรียง ส่งสำเนียงเชิญพระมา ๏ นํ้าบึงซึ่งน่าเพ่ง ดูใสเหน่งเล็งเห็นปลา เลี้ยวไล่กันไปมา บ้างเล่นล่อริมกอบัว ๏ ธาราน่าลงเล่น อาบนํ้าเย็นเย็นแต่ตัว ใจโศกวิโยคผัว เย็นแต่ตัวหัวอกร้อน ฯ

๏ สุปริศ๎ราน์ตวาหาส๎ เต ๏ ฝ่ายนิกรพณิคชน เห็นพาหนนั้นเหนื่อยล้า ๏ นิเวษาย มโน ทธุห์ ๏ จึ่งพากันคิดลงนํ้า อาบให้ช่ำชื่นใจ ๏ สัม์มเต สาร๎ถวาหัส๎ย ๏ ครั้นได้เห็นสัญญา แห่งนายสาร์ถวาหะนั้น ๏ วิวิศุร์ วนัม์ อุต์ตมัม์ ๏ ทุกคนก็หันเข้าที่ละเมาะ อันเหมาะเปนที่พักสบาย ๏ อุวาส สาร๎ถห์ ส มหาน์ เวลาม์ อาสาท๎ย ปัศ๎จิมาม์ ๏ พอตวันบ่ายก็มาถึง ซึ่งตำบลนั้นอันสำราญ เปนสถานที่ควรสถิต จึ่งคณพณิชก็พร้อมใจ แรมอยู่ที่กลางไพร นั้นแล ฯ

๏ อถาร๎ท์ธราต๎รสมเย ๏ ครั้นได้เวลาเที่ยงคืนถนัด ในป่าชัฏนั้นก็สงัดทั่วไป อันปวงพณิชไซ้รต่างก็หลับนอน ด้วยเหนื่อยอ่อนมากลางทาง ๏ หัส๎ติยูถัม์ อุปาคมัต์ ๏ ปางนั้นพะเอินช้างโขลงหนึ่ง ซึ่งแต่ละตัวล้วนซับมัน พากันลงมายังบึง ซึ่งเปนที่มันกินนํ้าเย็น ๏ อถาปัศ๎ย สาร๎ถํ ตํ ๏ ครั้นมันแลเห็นพณิชคณา พร้อมด้วยคชาพาหนกล่นเกลื่อน จึ่งช้างเถื่อนเมื่อมาผ่าน กลิ่นช้างบ้านก็ขจรไป ช้างไพรกำลังคลั่งมัน ก็พร้อมกันแล่นไปด้วยหาญ อันจะต้านทานกำลังกรี อันมีแรงนั้นเหลือวิไสย รวดเร็วไปประหนึ่งศิลา กลิ้งลงมาจากยอดคีรี ลงสู่ที่หูบละหาน ครืน ๆ ปานเสียงฟ้าคราง ตามทางที่มันมาไซ้ร ต้นไม้หักโค่นกลิ้ง ทั้งกิ่งทั้งต้นกล่นกลาด ดาดาษไปทั่ววิถี คณกรีบ้ามันคลั่ง บ่มิรอรั้งวิ่งตรงไป ยังตำบลไพรที่พณิชตั้ง พักริมฝั่งบึงสบาย อันปทุมรายดาษดา นั้นแล ฯ

๏ เต ตัม์ มมร๎ทุห์ สหสา เจษ๎ฏมานัม์ มหีตเล ๏ ฝ่ายว่าคณพณิช นอนหลับสนิทอยู่กับพื้นดิน ฝูงกรินวิ่งมาเหยียบป่น สุดจะดิ้นรนพ้นไปได้ ต่างก็ตกใจร้องหวลโหย โอย ๆ โว้ยอะไรกัน บ้างก็ผลุนผลันวิ่งหนี วิ่งจี๋ ๆ จู่เข้าไป ในที่รกหมกแมกหนาม บ่มิมีความคิดชีวัง บ้างก็ยืนจังงังปากอ้า เพราะว่ายังบ่มิตื่นดี ฝ่ายคณกรีก็เอางาแทง เอางวงแว้งทุบซํ้า เอาตีนย่ำยับเตะส่ง คนก็ล้มลงบ้างกระเด็น บ้างก็เห็นอูฐของตนล้ม ระทมทอดวอดวายชนม์ ปนกับฝูงคนเลี้ยง อันวิ่งเลี่ยงรีบลี้ไป ทั่วกันไซ้รระส่ำระสาย วิ่งโวยวายรักชีวี บ้างก็ทุบตีซึ่งเพื่อนกัน ซึ่งกีดกั้นกันหนทาง บ้างดูราววิกลจริต สิ้นคิดสิ้นสติตรอง โรทร้องก้องพนาดอน นอนกลิ้งเกลือกกับธรณี บ้างรีบหนีขึ้นต้นไม้ เพราะตกใจเหลือประมาณ บ้างก็ลานปานเสียอารมณ์ ล้มลงแล้วก็เลยไม่ลุก ทุก ๆ ตนย่อมป่นปี้ บ้างม้วยชีวีอยู่ริมทาง เหตุด้วยช้างอันดุร้าย ทำอันตรายเอาฉนั้น อันว่าคณพณิชนี้ ซึ่งมั่งมีมากหลาย บ้างกระจัดกระจายไปในป่า โอ้อนิจจาบ้างก็บรรไลย อยู่ที่กลางหว่างไพร นั้นแล ฯ

๏ ราชัน์ ๏ ดูกรจอมไผททรงธรรม์ ๏ อาราวห์ สุมหางศ๎จาสีต์ ๏ ปางนั้นความเซ็งแซ่ แม้ผู้ใดยินก็พึงตกใจ ๏ ไต๎รโลก๎ยภยการกห์ ๏ ประหนึ่งว่าไตรโลกยนี้ มีความเสทือนด้วยภัยพิบัติ ๏ เอวัม์ เอวาภิ ภาษัน์โต วิท๎รวัน์ติ ภยาต์ ตทา ๏ ยามเมื่อกระจัดกระจายกันไป เพื่อกลัวภัยอันใหญ่นั้น เขาต่างกล่าวกันนานา มีอาทิว่าดังนี้ ฯ

๏ เอโษค๎นิร์ อุต์ถิตห์ กัษ๎ฏัส๎ ๑๖ โอ้โหกรรมเอยกรรมมี มาเกิดอัคคี ขึ้นแล้วในที่อาไศรย ๏ ต๎รายธ๎วํ ธาวตาธุนา ๏ เร็ว ๆ เข้าเถิดเกิดไฟ อย่ามัวร่ำไร จงหนีให้รอดชีวัน ๏ รัต๎นราศิร์ วิศีร๎โณยํ ๏ เฮ้ย ๆ รัตนะเหล่านั้น เปนของใครกัน จึ่งทิ้งกระจัดกระจายไว้ ๏ ค๎ฤห๎ณีธ๎วํ กิม์ ป๎รธาวถ ๏ จงเก็บแก้วก่อนเปนไร จะด่วนไปไหน กระไรไม่รักสิ่งดี ๏ สามาน๎ยัม์ เอตัท์ ท๎รวิณัม์ ๏ อันปวงสมบัติรัตน์มณี ทุก ๆ คนมี หุ้นส่วนจึ่งควรเก็บไป ๏ น มิถ๎ยาวจนัม์ มม ๏ โอ้โหโอกลัวข้าไฉน จะหลอกหลอนไย มิใช่เวลาหลอกหลอน ๏ ปุนร์ เอวาภิธาส๎ยามิ ๏ เฮ้ย ๆ ช้า ๆ มาก่อน เฮ้ย ๆ อย่าร้อน อย่ารีบกันไปให้ฉิบหาย ๏ จิน์ตยธ๎วํ สกาตราห์ ๏ เฮ้ย ๆ แน่เจ้าทั้งหลาย ขี้ขลาดปางตาย อย่าเสียสติตริตรอง ฯ

๏ ตัส๎มิน์ส๎ตทา วร๎ตมาเน ทารุเณ ชนสํก๎ษเย ๏ ปางเมื่อกองพณิชกร อันนอนระเนระนาดดาษดา ด้วยว่ามีเหตุทารุณ ทำให้ชุลมุนกันทั่วไปฉนี้ ๏ ทมยัน์ตี จ พุพุเธ ๏ จึ่งทมยันตีราชกัญญา ตื่นจากนิทราขึ้นด้วยพลัน ๏ ภยสัน์ต๎รัส๎ตมานสา ๏ อันมนัสแห่งนางพญาไซ้ร เต็มไปด้วยความสดุ้งสท้าน ๏ อปัศ๎ยัท์ ไวศสํ ตัต๎ร ๏ เยาวมาลย์เห็นซึ่งเหตุร้าย ผู้คนตายอยู่ดาษดา ๏ สร๎วโลกภยํกรัม์ ๏ อันเปนที่น่าพึงกลัว แม้ทั่วโลกก็อาจสยอน ๏ อท๎ฤษ๎ฏ๎ปูร๎วํ ตัท์ ท๎ฤษ๎ฏ๎วา พาลา ปัท๎ม นิเภก์ษณา ๏ โอ้บังอรเยาวเรศร์ ผู้มีเนตร์แม้นปทุมมาน แต่ก่อนกาลนางฤๅบ่เคยเห็น เหตุอันเปนร้ายแรงฉนี้ ๏ สํสัก์ตวทนาศ๎วาสา อุต์ตัส๎เถา ภยวิห๎วลา ๏ เทวีบัดนั้นก็กลั้นหายใจ เพราะตกพระไทยเหลือจะพรรณนา นางพญา ค่อย ๆ แขงขืน ค่อย ๆ ลุกยืนแทบมิอาจยัน ฯ

๏ เย ตุ ตัต๎ร วินิร๎มุก์ตาห์ สาร๎ถาต์ เกจิท์ อวิก์ษตาห์ ๏ ปางนั้นพวกพ่อค้า ซึ่งรอดชีวาเหลืออยู่ไซ้ร และที่รอดภัยพิบัติมหันต์ อันมีจำนวนประมวลน้อย ๏ เตพ๎รุวัน์ สหิตาห์ สร๎เว ๏ ต่างก็ละห้อยโหยหวล ทั้งมวลร้องพรรณนา ๏ กัส๎เยทํ กรมณห์ ผลัม์ ๏ ว่าอ้านี้เปนผลกรรม ใครหนอทำกรรมไว้ ๏ นูนํ น ปูชิโตส๎มาภิร มณีภัท๎โร มหายศาห์ ๏ อันเทพไทมณีภัทร์ ผู้ทรงสวัสดิ์มหายศา ได้รับบูชาแล้วมิใช่ฤๅ เหตุใดหือจึ่งมีภัย ท้าวไวศรวัณกำแหง แรงฤทธิเรืองศักดา ผู้เปนยักษาธิบดี ร่มเกศีปวงพ่อค้า อีกนานาเนกวัตถุสรรพ์ อันมีอานุภาพใหญ่ เราทั้งหลายไซ้รได้พลี บูชาดีแล้วสิ้นไซ้ร เหตุไฉนนกอันให้โชค จะบอกโศลกลางผิด วิปริตไปหนักหนา ฤๅดาราฤกษ์มิเหมาะ ฤๅดาวเคราะห์ขัดขวาง เราเดินทางมาจึ่งร้าย เปนอันตรายใหญ่หลวง เหตุทั้งปวงจึ่งบังเกิดมี มากฮือ ฯ

๏ อปเร ต๎วพ๎รุวัน์ ทีนา ช๎ญาติท๎รว๎ยวินาก๎ฤตาห์ ๏ ปางนี้จึ่งบางคน ซึ่งเศร้ากมลเพื่อไร้ญาติ อีกลาภขาดทรัพย์สูญ อาดูรพลางทางว่า ๏ ยาสาวัท๎ย มหาสาร๎เถ นารี ห๎ยุน์มัต์ตทร๎ศนา ๏ ดูราสาร์ถะบดี นรีผู้ยืนอยู่นั่น อันท่าทางอย่างบ้าไซ้ร คือผู้ใดเราอยากรู้ ดูอาการนางพิกล ทั่วทั้งตนวิปริต รูปร่างผิดมนุษเรา เอานางมาด้วยไฉน ฤๅว่านางไซ้รเจตนา ทำมายาทารุณใหญ่ ให้พวกเราต้องฉิบหาย ล้มตายกันมากฉนี้ ฤๅรากษสียักษิณีกาจ ฤๅนางปิศาจจัญไร มาบันดาลภัยพิบัติ ดูถนัดเที่ยงแท้ นางนี้แน่เปนตัวบาป สันดานหยาบยิ่งใหญ่ ยิ่งดูไปยิ่งเห็นจริง อันหญิงบาปหยาบช้า เจตนาฆ่าพวกพณิช คิดทำลายสรรพสมบัติ ให้ทุกข์ถนัดแก่เราไซ้ร จะไว้ไยนางกาลี มีแต่จะนำความฉิบหาย และความตายมาสู่เรา จงเอาดินเอาฝุ่นถม จงระดมด้วยไม้ไผ่ จงไล่ตีด้วยพลอง จงถองทุบด้วยกำปั้น เพื่อนางนั้นมันตายไป เพื่อให้สาแก่ใจ บัดนี้เถิด ฯ

๏ ทมยัน์ตี ตุ ตัจ์ ฉ๎รุต๎วา วาก๎ยํ เตษาง สุทารุณัม์ ๏ ครานั้นไซ้รทมยันตี ฟังวจีพวกพ่อค้า อันหยาบช้าทารุณราญ เตรียมจะประหารให้ตาย ๏ ห๎รีตา ภีตา จ สํวิค๎นา ป๎ราท๎รวัท์ ยัต๎ร กานนัม์ ๏ นางนึกอายเปนพ้นไป ทั้งกลัวภัยเปนที่สุด นางจึ่งรีบรุดเร็วร้อน เข้าในดงดอนไปซ่อนตน ๏ อาศังกมานา ตัต์ ปาปัม์ อาต๎มานัม์ ป๎รยเทวยัต์ ๏ นฤมลถูกเขาซัด จัดเอาบาปมาบ้าย โฉมฉายเศร้าสลดพระไทย จึ่งปริเทวนาไป ดั่งนี้ ฯ

๏ อโห มโมปริ วิเธห์ สํรัม์โภ ทารุโณ มหาน์
๑๔ โอ้โอ๋กระไรนะภยะทา รุณะนิจจะพูลภัย
แม้ว่าดนูจะจระไหน พหุโทษก็ตามหา
นานุพัธ๎นาติ กุศลํ กัส๎เยทํ กร๎มณห์ ผลัม์  
๏ อันสิ่งกุศลศิริสวัส ดิพิพัฒน์บ่พึงมา
กรรมใดนะพาทุระผะลา ผะละร้ายทะลายกู
น ส๎มราม๎ยศุภํ กิญ์จิต์ ก๎ฤตํ กัส๎ยจิท์ อัน๎วปิ  
๏ ปวงปาปะกรรมะอะกุศล มนะดลคะนึงดู
ทำไว้กะใครฤก็ดนู บมิรู้ณหนหลัง
กร๎มณา มนสา วาจา กัส๎เยทํ กร๎มณห์ ผลัม์  
๏ ด้วยกายะกรรมมนสะพลาด ฤวะวาจอะสัจจัง
กรรมใดประกอบนะคุรุยัง ผะละเกิดผจนผลาญ
นูนํ ชัน์มาน์ตรก๎ฤตัม์ ปาปัม์ อาปติตัม์ มหัต์  
๏ ฤๅกรรมกระทำคุรุขนาด ขณชาติก่อนกาล
บาปเก่าจะเผาศะริระราญ มนะซ้ำระยำไป
อปัศ๎ จิมาม์ อิมาง กัษ๎ฏาม์ อาปทัม์ ป๎ราป์ตวัต๎ยหํ  
๏ กรรมค้างณปางชิวิตะก่อน ผิจะรอนระบมใจ
อ้ากรรมประพฤติฤไฉน นะจะพ้นพหลกรรม์
ภร๎ต๎ฤราช๎ยาปหรณํ ส๎วชนาจ์ จ ปราชยห์  
๏ ไร้องค์บดีปิยสวาท มละราชย์วิบัติสรรพ์
ไร้ญาติมิตระสวพัน ธุนิราศจิราดูร
ภร๎ต๎รา สห วิโยคัศ๎จ ตนยาภ๎ยาง จ วิจ๎ยุติห์  
๏ พรากจากพระสามิวรเศรษ ฐะนเรศร์นเรนทร์สูร
พรากสองดไนยะปิยพูล พิศวาสย์จะขาดใจ
นิร๎นาถตา วเน วาโส พหุว๎ยาลนิเษวิเต  
๏ อันผู้จะพึ่งฤก็นิราศ จะอนาถณถิ่นไพร
โอ้หวาดขยาดณวนะภัย พหุพาละมากมี ฯ

๏ อถาปเรท๎ยุห์ สัม์ป๎ราป์เต ๑๖ ฝ่ายพวกผู้รอดชีวี ยามรุ่งสุริย์ศรี ก็ต่างวิโยคโศกศัลย์ ๏ จึ่งชวนกันพ้นไพรวัน ทุกตนทั่วกัน ก็รํ่าพิไรไปมา ๏ บ้างเสียภราดรบิดา บ้างเสียบุตรา บ้างเสียซึ่งมิตร์ไมตรี ๏ ต่างตนต่างรีบจรลี เพื่อพ้นจากที่ อันทุกข์ถนัดขัดใจ ฯ

๏ อโศจัต์ ตัต๎ร ไวทร๎ภี กึ นุ เม ทุษ๎กฤตํ ก๎ฤตัม์
๑๔ ฝ่ายโฉมวิทรรภะสุรนา ริวิศาละทรามไวย
รำพรรณวะโอ้ทุกิจะใด นะประสาทประสิทธิ์เข็ญ
โยปิ เม นิร๎ชเนรัณ๎เย สัม์ป๎ราป์โตยํ ชนาร๎ณวห์
๏ พอกูประเวศวนะอรัณ ยะก็อันตรายเปน
พอพบพะณิชะคณะเห็น พหุอันตรายา
ส หโต หัส๎ติยูเถน มัน์ทภาค๎ยาท์ มไมว ตัต์
๏ แต่เดิมสิปวงพณิชะสุข บ่มิทุกข์ณมรรคา
พอคบดะนูนะสิคณา คชะร้ายทะลายเขา
ป๎ราป์ต๎วยํ สุจิรํ ทุห์ขํ นูนํ อัท๎ยปิ ไว มยา  
๏ โอ้ทุกข์ฤท่วมกะมละมี ก็ทวีบ่บางเบา
โอ้โศกวิโยคนฤปะเรา ฤจะสุขสถาพร
นาป๎ราป์ตกาโล ม๎ฤยเต ศ๎รุตํ ว๎ฤท์ธานุศาสนัม์  
๏ แม้ใครบ่ถึงมรณะกาล ผิจะผลาญบ่พึงมรณ
อาจารย์พิสุทธิพุฒิพร อนุศาสะนาไว้
ยัท์ นาหัม์ อัท๎ย ม๎ฤทิตา หัส๎ติยูเถน ทุห์ขิตา  
๏ ตัวกูชะรอยจะบ่มิถึง ขณซึ่งจะบรรไลย
สารเหยียบคณาพณิชะไซ้ร บ่มิเหยียบมิย่ำกู
น ห๎ยไทวํ ก๎ฤตํ กิญ์จิน์ นราณาม์ อิห วิท๎ยเต  
๏ ปวงกิจจะการมนุษะเรา สุระเอาหทัยดู
ปวงกิจประสิทธิศุภะปู ชนิย์เทพธบันดาล
น จ เม พาลภาเวปิ กิญ์จิต์ ปาปก๎ฤตํ ก๎ฤตัม์  
๏ ปวงปาปะกิจจะอกุศล มนะหม่นกะมลราญ
หวนคิดตลอดณวะยะพาล ก็บ่เคยจะปองทำ
กร๎มณา มนสา วาจา ยัท์ อิทํ ทุห์ขัม์ อาคตัม์  
๏ ทั้งกายมะโนและวะจะนาท บ่มิคลาศกุศลกรรม
ไยทุกข์ทวีณฤดิซํ้า ฤดิท่วมทวีศัลย์
มัน๎เย ส๎วยํวรก๎ฤเต โลกปาลาห์ สมาคตาห์  
๏ ฤๅเมื่อสยัมพะระพิธี สุรสี่พระองค์บรร
ฦๅศักดิรักษะภวะสัน ติอุส่าห์เสด็จไป
ป๎รต๎ยาข๎ยาตา มยา ตัต๎ร นลัส๎ยาร๎ถาย เทวตาห์  
๏ จักทรงพระโกรธะนะวิฆาฏ ก็เพราะอาจทะนงใจ
เลือกองค์พระนลนรวิไส ยะบ่สรรพระจอมสรวง
นูนํ เตษาม์ ป๎รภาเวน วิโยคัม์ ป๎ราป์ตวัต๎ยหัม์ ฯ  
๏ เหตุนี้กระมังฤมะนะโศก และวิโยควิบัติปวง
ห่างองค์บดีก็กละทรวง จะพินาศทลายแลง ฯ

๏ เอวมาทีนิ ทุห์ขาร๎ตา สา วิลัป๎ย วรางคนา๒๘ จึ่งเอกองค์อร อรรคเรศสุนทร เธอศัลย์กรรแสง โอ้โอผลกรรม ซ้อนซ้ำสำแดง นางบ่รู้แจ้ง แจ่มแท้กรรมใด ๏ โอ้ทมยันตี นิราศสามี อ้างว้างกลางไพร นางจึ่งกำสรวล คร่ำครวญหาไป สงสารทรามไวย ปิ้มจะอาสัญ ๏ พะเอินพบพราหมณ์ ผู้ปฏิบัติงาม เพศพรหมจรรย์ อันร่วมมรรคา กับพาณิชนั้น แต่โชคดีครัน บ่อันตราย ๏ นางเลิศเลอสรร ผู้งามราวจันทร์ ยามศารทะฉาย จึ่งค่อยยุรยาตร์ นวยนาฎกรกราย จากอรัญร้าย พร้อมด้วยทวยพราหมณ์ ๏ เดินไปได้นาน จึ่งนิ่มนงคราญ มาถึงเมืองงาม แลดูกำแพง แขงสู้สงคราม บ่มิต้องคร้าม ขยาดอรี ๏ นี้คือนคร สถิตสุนทร แห่งท้าวเจที ขึ้นชื่อฦๅชา สุพาหุศรี สุรเกียรตี รู้สัตยวิไสย ฯ

 

๏ อถ ป๎รวิเวศ ปุโรต์ตมัม์ ๑๖ ยามนางประเวศเวียงไชย โอ้ว่าทรามไวย ใครเห็นก็น่าใจหาย ๏ ผ้าปิดบ่มิดวรกาย เพราะผ้าโฉมฉาย สิมีอยู่เพียงกึ่งเดียว ๏ รุงรังทั้งผอมซีดเซียว เผ้าผมเปนเกลียว ทั้งกายก็หม่นมลทิน ๏ ชาวเมืองวิ่งดูอรพินทุ์ ทุกคนเชื่อสิ้น ว่านางนี้บ้าน่าหยัน ๏ ต่างเรียกพวกพ้องมองกัน ต่างคนเห็นขัน ชวนกันมาเยาะเทวี ๏ ปางนางสู่ราชบุรี แห่งท้าวเจที กษัตร์สุระฦๅฉาว ๏ บรรดาทารกลูกชาว บุรีเกรียวกราว วิ่งตามกระตู้วู้ไป ๏ เด็กล้อมห้อมขุ่นวุ่นใจ นางรีบครรไล กระทั่งที่วังบดีศร ฯ

๏ ตาม์ ป๎ราสาทคตาปัศ๎ยัท์ ราชมาตา ชไนร์ ว๎ฤตาม์
๑๑ เมื่อนั้นพะเอินองค์ วรราชะมารดร
เยี่ยมที่พระบัญชร เฉภาะเห็นก็เอ็นดู
ธาต๎รีม์ อุวาจ คัจ์ ไฉนาม์ อานเยห มมาน์ติกัม์
๏ ตรัสแก่พระธาตรี พิศะโฉมนรีตรู
สมเพชทุเรศสู จระเรียกอนงค์มา
ชเนน ก๎ลิศ๎ยเต พาลา ทุห์ขิตา ศรณาร๎ถินี  
๏ นางทีจะไร้ญาติ และอนาถณอกอา
ดูรซ้ำคณานา คะระห้อมและล้อมมอง
ตาท๎ฤค์ รูปํ จ ปัศ๎ยามิ วิโท๎ยตยติ เม ค๎ฤหัม์  
๏ พิศรูปก็น่ารัก สุวะพักตระเรืองรอง
ดูแน่ละนางปอง จะประเวศณวังหมาย
อุน์มัต์ตเวศา กัล๎ยาณี ศ๎รีร์ อิวายตโลจนา ฯ  
๏ โอ้ดูประหนึ่งบ้า มละผ้าจะห่อกาย
แต่ดูฤโฉมฉาย ศิริแม้นพระนางศรี ฯ
สา ชนํ วารยิต๎วา ตัม์ ๑๖ นางนมรับราชเสาวนี จึ่งไล่คนที่ มาห้อมมาล้อมนงคราญ
ป๎ราสาทตลัม์ อุต์ตมัม์ ๏ แล้วเชิญเยาวยอดสงสาร ขึ้นสู่สถาน มหาปราสาทเอกอุดม
อาโรป๎ยวิส๎มิตา [ราชัน์] ๏เห็นโฉมกันยาน่าชม ดูรูปดูสม เปนนางผู้เชื้อกษัตรีย์
ทมยัน์ตีม์ อปฤจ์ฉต ฯ ๏จึ่งองค์สมเด็จชนนี ถามทมยันตี ด้วยมธุรสพจนา ฯ
๏ เอวัม์ อัป๎ยสุขาวิษ๎ฏา พิภร๎ษิ ปรมํ วปุห์  
๑๑ อ้าแม่อนาถใจ อระไซ้รอะนาถา
แต่รูปฤโศภา สุพิลาศพิไลยนวล
ภาสิ วิท๎ยุท์ อิวาเภ๎รษุ ศํส เม กาสิ กัส๎ย วา  
๏ ราววิทยุใสแสง กละแฝงณเมฆมวล
แม่จงขยายถ้วน วจะเค้าคดีไข
น หิ เต มานุษํ รูปัม์ ภูษไณร์ อปิ วร๎ชิตัม์  
๏ พิศรูปสิเทียมเท วะสุดาสุราลัย
พิศภูษะณาไซ้ร มละสิ้นสุราภรณ
อสหายา นเรภ๎ยัศ๎จ โนท๎วิชัส๎ยมรป๎รเภ ฯ  
๏ ไร้เพื่อนจะช่วยตัว ฤบ่กลัวนรากร
งามแม้นอมรพร สุประภาประไพศรี ฯ
๏ ตัจ์ ฉ๎รุต๎วา วจนํ ตัส๎ยา ไภมี วจนัม์ อัพ๎รวีต์  
๑๔ ครานั้นพระนางวิมลศักดิ์ สุวพักตระไภมี
ฟังสาระองค์พระชนนี ธก็นอบเฉลยไข
มานุษีม์ มาง วิชานีหิ ภร๎ตารํ สมนุว๎รตาม์  
๏ ข้าเปนมนุษและนิรสุข พหุทุกข์สถิตใจ
เพื่อภักดิจิตตะบ่มิไหว บมิเหินสุภรรดา
ไสรัน์ธ๎รึ ชาติสัม์ปัน์นาม์ ภุชิษ๎ยาม์ กามวาสินีม์  
๏ เลี้ยงชีพณสาธุกะระเกื้อ เพราะวะเชื้อสุชาตา
รับใช้อะไรบ่มิระอา จระอยู่ฤตามถวิล
ผลมูลาศนาม์ เอกาง ยัต๎รสายัม์ป๎รติศ๎รยาม์  
๏ มวลมูลผลาผละณพน ฤก็ค้นก็ขุดกิน
เอการะอาขณะจะสิ้น ระวิแสงประภาใส
อสํเข๎ยยคุโณ ภาร๎ตา มาง จ นิต๎ยัม์ อนุว๎รตห์  
๏ ผัวข้าประเสริฐสุคุณะสรร พะอนันต์อสงไขย
ข้านิจจะย่อมสุมะนะใจ อนุพรตสุภรรดา
ภัก์ตาหัม์ อปิ ตัง วีรํ ฉาเยวานุคตา ปถิ  
๏ เพ็ญภักดิต่อบุรุษะวี ระบดีสิเนหา
สู้ตามประเวศวนะวนา ดุจะเงากระชับองค์
ตัส๎ย ไทวาต์ ป๎รสังโคภูท์ อติมาต๎รํ ส๎ม เทวเน  
๏ บังเอินก็เกิดทุเคราะหะกรรม จระนำบดีหลง
ให้เล่นพนันมนะพะวง วิปริตวิกลการ
ท๎ยูเต ส นิร๎ชิตัศ๎ไจว วนัม์ เอก อุเปยิวาน์  
๏ ทอดดวดสกาบ่มิวิชิต ตละนิดสกาผลาญ
สิ้นสรรพะทรัพยะบ่มินาน ก็ประเวศพนารัณย์
ตัม์ เอกวสนํ วีรัม์ อุน์นัต์ตัม์ อิว วิห๎วลัม์  
๏ มีหนึ่งสพัตระละก็ซํ้า จะรกำหทัยศัลย์
ท่องเที่ยวพเนจระจรัล กละเสียจริตมา
อาศ๎วาสยัน์ตี ภร๎ตารัม์ อหัม์ อัป๎ยคมํ วนัม์  
๏ ข้านี้ก็จำจระประเวศ ณประเทศอรัณยา
เผื่อผัวจะโศกะณพนา ก็จะปลอบประโลมใจ
ส กทาจิท์ วเน วีรห์ กัส๎มึศ๎จิต์ การณาน์ตเร  
๏ ยามอยู่ณกลางวนะประเทศ ฤทุเรศระอาไหน
มาซ้ำกระทบพหลภัย สะอุบัทว์ประหัดหาญ
ก๎ษุต์ปรีตัส๎ ตุ วิมนาส๎ ตัท์ อัป๎เยกํ ว๎ยสร๎ชยัต์  
๏ หิวโหยระหายอุระระอา กละว่าจะวายปราณ
ผ้าห่มธคลุมศะริระศาน ติพะเอินก็สูญหาย
ตัม์ เอกวสนา นัค๎นัม์ อุน์มัต์ตวัท์ อเจตสัม์  
๏ ภรรดาประหนึ่งวิกละจิต และบ่คิดสะเทินอาย
ข้ามีสะไบเฉภาะกะกาย ฤก็ให้ธแบ่งคลุม
อนุว๎รชัน์ตี พหุลา น ส๎วปามิ นิศาส๎ ตทา  
๏ เลี้ยวลัดและตัดวะนะวิถี สุริย์ศรีก็ส่องสุม
กลางป่าสิพาละมิคะชุม ดนุนอนบ่หลับไหล
ตโต พหุติเถ กาเล สุป์ตาม์ อุต์ส๎ฤช๎ย มาง ก๎วจิต์  
๏ คืนหนึ่งระทวยอุระสะท้อน ดนุนอนก็หลับไป
สามีชะรอยวิกละใจ มละข้าณอารัณย์
วาสโสร๎ท์ธัม์ ปริจ์ฉิท๎ย ต๎ยัก์ตวาน์ มาม์ อนาคสัม์  
๏ แบ่งผ้าสะไบวิมละกึ่ง บ่มิพึงจะรอกัน
ทิ้งข้าอนาถะรุทะศัล ยะวิโยคตะโกนหา
ตัม์ มาร๎คมาณา ภร๎ตารํ ทห๎ยมาณา ทิวานิศัม์  
๏ คํ่าเช้าก็เฝ้าจระพะเน จระเร่ณมรรคา
ค้นผัวบ่กลัวภยะพยา ธิณส่วนดนูเลย
สาหํ กมลคร๎ภาภัม์ อปัศ๎ยัน์ตี ห๎ฤทิ ป๎ริยัม์  
๏ โอ้ว่าบดีกมละครรภ ปิยสัพพะทรามเชย
ห่างรักฤดีบ่มิสเบย ดุจะมืดบ่มีไฟ
น วิน์ทาม๎ยมรป๎รข๎ยัม์ ป๎ริยัม์ ป๎ราเณศ๎วรัม์ ป๎รภุม์ ฯ  
๏ ดังฤๅจะพบปิยบดี วรศรีสถิตใจ
จอมปราณธปานอมรไตร ทศะเทพะเทวัน ฯ
ตาม์ อัศ๎รุปริปูร๎ณาก์ษีม์ วิลปัน์ตึ ตถา พหุ  
๑๑ สิ้นวาจะทรามเสน่ห์ ปริเทวะรำพรรณ
อันอัสสุชลนั้น ฤก็นองณสองตา
ราชมาตาพ๎รวีต์ อาร๎ตาม์ ไภมีม์ อาร๎ตตรา ส๎วยัม์  
๏ ฟังวาจะนางนาฎ วระราชมารดา
เศร้าทรวงและเมตตา ธก็ปลอบพระไภมี
วสัส๎ว มยิ กัล๎ยาณิ ป๎รีติร์ เม ปรมา ต๎วยิ  
๏ แม่จงสถิตอยู่ กะดนูเถอะโดยดี
เพื่อช่วยประมวลปรี ดิณดวงมะโนเรา
ม๎ฤคยิษ๎ยัน์ติ เต ภัท๎เร ภร๎ตารัม์ ปุรุษา มม  
๏ คนใช้ขยันดี ดนุมีจะสั่งเขา
ค้นสามินงเยาว์ ณประเทศพนาลัย
อปิ วา ส๎วยัม์ อาคัจ์เฉต์ ปริธาวัน์ อิตัส๎ตตห์  
๏ บางทีจะเลี้ยวลัด และจะตัดวิถีไพร
บางทีจะมาใน วรราชะธานี
อิไหว วสตี ภัท๎เร ภร๎ตารัม์ อุปลัปส๎ยเส ฯ  
๏ อยู่ยังณวังรัตน์ เถอะสุภัทระเทวี
ไม่ช้าฤสามี ก็จะเคียงภิรมย์สมร ฯ
ราชมาตุร์ วจห์ ศ๎รุต๎วา ทมยัน์ตี วโจพ๎รวีต์  
๑๔ ฟังสาระรสสุพจนาท วรราชมารดร
จึ่งทมะยันติศิริธร ก็เฉลยพระวาที
สมเยโนต์สเห วัส๎ตุํ ต๎วยิ วีรป๎รชายินี  
๏ อ้าองค์พระเทวิวรวี ระประชายินีศรี
ข้าขอประทานพระสวนี อนุมัติ์มโนมัย
อุจ์ฉิษฏํ ไนว ภุญ์ชียาง น กุร๎ยาม์ ปาทธาวนัม์  
๏ ของเดนดนูบ่มิถวิล และจะกินบ่เหลือใคร
ล้างตีนก็เปนถุละวิไส ยะจะทำก็เสียศรี
น จาหัม์ ปุรุษาน์ อัน๎ยาน์ ป๎รภาเษยํ กถัญ์จน  
๏ อีกปวงบุรุษก็บ่มิจง จะประสงค์สนิทดี
แม้ชายจะพูดฤก็บ่มี จะเฉลยณวาจา
ปราร๎ถเยท์ ยทิ มาง กัศ๎จิท์ ทัณ์ฑ๎ยัส๎ เต ส ปุมาน์ ภเวต์  
๏ แม้ใครจะปราถะนะดนู กละชู้ฤภรรดา
จงลงสุทัณฑคุรุทา รุณะเพื่อบ่เหิมหาญ
พัธ๎ยัศ๎จ เตสก๎ริน์ มัน์ท อิติ เม ว๎รตัม์ อหิตัม์  
๏ แม้ทัณฑะแล้วก็บ่มิเข็ด ก็เผด็จชิวีผลาญ
เพื่อรักษะสัจจะวตะการ ดนุภักดิภรรดร
ภร๎ตุร์ อัน๎เวษณาร๎ถํ ตุ ปัศ๎เยยัม์ พ๎ราห๎มณาน์ อหัม์  
๏ แต่พราหมณาทวิชะวงศ์ ศุภะทรงสุสังวร
ผู้รับจะค้นพระปติศร ดนุยอมประภาษิต
ยัท๎เยวัม์ อิห กร๎ตว๎ยํ วัต์ส๎ยาม๎ยหํ อสํศยัม์  
๏ แม้นางพญาจะอนุญาต และประสาธะสมจิต
ข้าจึ่งจะปลงมนะสถิต ณนิวาศะวังใน
อโตน๎ยถา น เม วาโส วร๎ตเต ห๎ฤทเย ก๎วจิต์ ฯ  
๏ แต่แม้มิยอมประดุจะขอ จะมิรอฤอาไศรย
ขอลาพระมาตุระคระไล และประเวศณไพรสาณฑ์ ฯ
๏ ตาม์ ป๎รห๎ฤษ๎เฏน มนสา ราชมาเตทัม์ อัพ๎รวีต์  
๒๘ ฟังวาทะไพเราะ วจะเหมาะมโนมาลย์
แม่เจ้าธสงสาร ก็เฉลยวจีศรี
สร๎วัม์ เอตัต์ กริษ๎ยามิ ทิษ๎ฏ๎ยา เต ว๎รตัม์ อีท๎ฤศัม์  
๏ โฉมยงฤจงรัก วรภักดิสามี
เราเห็นประเสริฐดี จะประสาธะสมจินต์
เอวัม อุก์ต๎วา ตโต ไภมึ ราชมาตา วิศาม์ ปเต  
๏ เสร็จตอบพระไภมี ชนนีพระภูมินทร์
เมตตาสุนารินทร์ เพราะอนาถอนาทร
อุวาเจทํ ทุหิตรํ สุนัน์ทาง นาม  
๏ ตรัสสั่งพระบุตรี ดรุณีศิรินสมร
ปรากฎพระนามกร วรนาฎสุนันทา
ไสรัน์ธ๎รีม์ อภิชานิษ๎ว  
๏ นางนี้ฤแม่เชื่อ กละเชื้อกษัตรา
เศร้าโทมะนัสอา ดุระซูบและเสียศรี
สุนัน์เท เทวรูปิณีม์  
๏ ดูเถิดสุนันทา ศิริสาระล้วนดี
แม้เทวะบุตรี ก็บ่เทียบบ่เทียมทัน
วยสา ตุล๎ยตาม์ ป๎ราป์ตา สขี ตว ภวัต๎วิยัม์  
๏ ดูวัยก็ยังอ่อน ฤกะหล่อนก็คราวกัน
สมมิตระสมพัน ธะสมัคสโมสร
เอตยา สห โมทัส๎ว นิรุท๎วิค๎นมนาห์ สทา ฯ  
๏ แม้สองสินิทกัน ฤจะอันตรายรอน
นางคงจะคอยสอน ศุภะเอื้อและเอาใจ ฯ
๏ ตตห์ ปรมสํห๎ฤษ๎ฏา สุนัน์ทา ค๎ฤหัม์ อาคมัต์  
๑๔ นันทาสดับวะจะนะปรี ดิฤดีก็ผ่องใส
ทูลลาพระมาตะระคระไล ณพระเคหะผ่องศรี
ทมยัน์ตีม์ อุปาทาย สขีภิห์ ปริวาริตา ฯ  
๏ พร้อมแสนสุรางค์สขิคณา บริวาระนารี
ทั้งทมะยันติศุภะศรี ฤก็อยู่วิมลศานต์

๏ เรื่องพระนลสรรคที่ ๑๓ ดังนี้ ฯ

แชร์ชวนกันอ่าน

แจ้งคำสะกดผิดและข้อผิดพลาด หรือคำแนะนำต่างๆ ได้ ที่นี่ค่ะ