ไวต์ชาวสยาม

ข้าพเจ้าไม่เคยทราบมาก่อนว่า มีชายอังกฤษคนหนึ่งชื่อไวต์ เป็นข้าราชการสยามในแผ่นดินพระนารายณ์มหาราช หรือถ้าได้เคยเห็นชื่อชายคนนั้นในหนังสือก็จำไม่ได้

เมื่อปลายเดือนกรกฎาคมปีกลาย (พ.ศ. ๒๔๗๙) ข้าพเจ้าได้สมุดภาษาอังกฤษมาเล่มหนึ่ง ซึ่งนายมอริซ คอลลิศ เขียนใหม่แลพิมพ์ขึ้นในลอนดอน ในตอนปลายปี พ.ศ. ๒๔๗๘ สมุดเล่มนั้นเรียกว่า “Siamese White” แปลว่าไวต์ชาวสยาม เป็นเรื่องราวของชายอังกฤษชื่อไวต์ ซึ่งรับราชการเป็นเจ้าท่าอยู่ที่เมืองมะริศ คือเมืองท่าของสยามค้าขายกับต่างประเทศ คือจีนด้านหนึ่ง อินเดียด้านหนึ่ง มะริศเป็นอ่าวสำคัญของสยามในสมัยนั้น สยามในสมัยนั้นเป็นแหล่งกลางของการค้าขายอินเดียกับจีน สินค้าจากอินเดียผ่านสยามไปเมืองจีนมีปริมาณเป็นอันมาก และสินค้าจากเมืองจีนไปอินเดียก็เช่นกัน

ในสมัยกรุงศรีอยุธยายังเป็นราชธานี เมื่อกรุงเทพฯ ยังไม่มี เมืองมะริศเป็นอ่าวท่าสำคัญที่สุด แต่ทางติดต่อระหว่างพระนครกับเมืองมะริศต้องใช้ทางบก ซึ่งหมายความว่า รู้ถึงกันไม่ใคร่ได้ เพราะฉะนั้น ผู้ที่เป็นหัวหน้าราชการอยู่ที่เมืองมะริศจึงเป็นผู้มีวาสนา จะทำอะไรในพระนามพระเจ้าแผ่นดินสยามก็ทำได้โดยมาก

กรุงศรีอยุธยาในสมัยโน้น ถ้ากล่าวความตามที่ฝรั่งเขียนไว้ ก็เป็นเมืองใหญ่โตมีสง่าผ่าเผยยิ่งนัก มั่งคั่งด้วยสมบัติบรมจักร สยามในสมัยโน้น ก็เป็นประเทศเพาะปลูกเหมือนสยามในสมัยนี้ (พ.ศ. ๒๔๘๐) แต่ถ้าจะอาศัยแต่เพียงการเพาะปลูก กรุงศรีอยุธยาก็คงจะไม่มีทองคำเนื้อแปดมาบุยอดพระเจดีย์องค์ใหญ่ ๆ และบุพระพุทธรูปสูง ๗ วา ๒ ศอก เต็มทั้งองค์ พระพุทธรูปองค์นั้น บุด้วยทองคำเนื้อแปดหนักถึง ๒๖,๐๐๐ บาท อนึ่ง คงจะไม่มีเนื้อเงินที่จะทำโต๊ะรองอ้อยและหญ้าให้ช้างเผือกกิน ไม่มีจะทำเงินพดด้วงใช้เป็นเบี้ยตราตำลึง บาท สลึง แลเฟื้องใช้ทั่วประเทศ

ถ้าเพียงแต่ชาวสยามในสมัยนั้นค้าขายกันเองในบ้านเมือง เอาข้าวแลกมะพร้าว เอามะพร้าวแลกพริกไทย พริกไทยแลกเกลือ ก็เกิดเป็นแร่ทองแร่เงินแลทรัพย์อื่น ๆ ซึ่งประมวลเข้าเป็นสมบัติบรมจักรไม่ได้

เหตุที่ประเทศมั่งคั่งในสมัยโน้น ก็เพราะเป็นแหล่งกลางแห่งหนึ่งของการค้าขายระหว่างประเทศ ทำนองอ่าวท่าซึ่งเป็นการดำเนินค้าขายในปัจจุบัน (พ.ศ. ๒๔๘๐) เช่นสิงคโปร์แลฮ่องกง ซึ่งหาได้มีทรัพย์ในพื้นที่ของตนเองเป็นล่ำเป็นสัน

ความเป็นแหล่งกลางของการค้าขายระหว่างประเทศ อันเป็นเหตุให้เกิดสมบัติบรมจักรนี้ มีผลในทางที่ทำให้สยามในสมัยโน้นต้องทำศึกอยู่ร่ำไป พระเจ้าแผ่นดินมอญหรือพม่ายกมาตีกรุงศรีอยุธยา เพื่อจะแย่งเอาช้างเผือกก็มี เพื่ออื่น ๆ ก็มี ไม่มีเหตุอะไรที่จะยกขึ้นอ้างได้ก็มี แต่ความประสงค์แท้จริง ไม่ใช่เพื่อจะเอาช้างเผือก หรือเพื่อเหตุนั้น ๆ ความมั่งมีของกรุงศรีอยุธยานั้นแหละ เป็นเหตุให้ต้องทำศึกอยู่บ่อย ๆ

ที่เขียนข้างบนนี้ ประสงค์จะให้เห็นความสำคัญของเมืองมะริศ ซึ่งในสมัยนั้นเป็นอ่าวท่าการค้าขายระหว่างประเทศ หรือเป็นประตูพาณิชย์ประตูหนึ่งของสยาม เป็นประตูซึ่งเมื่อตั้งให้ใครเป็นนายประตูแล้ว ก็ตามไปตรวจตราควบคุมไม่ได้ ต้องมอบอำนาจให้ไปจนจะว่าสิทธิขาดก็ว่าได้

อนึ่ง ในแผ่นดินพระนารายณ์มหาราช ได้มีเรือกำปั่นใบของหลวง เป็นเรือขนสินค้าไปต่างประเทศมีจำนวนไม่น้อยลำ เรือเหล่านั้นพาสินค้าสยามไปแล้วก็พาสินค้าต่างประเทศมา สินค้าประเทศโน้น นอกจากที่จะจำหน่ายในประเทศนี้ ยังขนส่งต่อไปประเทศอื่นด้วย เพราะฉะนี้ เจ้าท่าที่เมืองมะริศนอกจากเป็นผู้จัดท่าแลเก็บภาษีแล้ว ยังเป็นนายห้างของพระเจ้าแผ่นดินด้วย

สมุดภาษาอังกฤษที่เรียกชื่อว่า “ไวต์ชาวสยาม” เป็นสมุดซึ่งข้าพเจ้าได้มาแต่ตอนต้นปีกลาย (พ.ศ. ๒๔๗๙) ได้อ่านแล้วเห็นควรจะนำมาเขียนเป็นภาษาไทย เป็นเครื่องอุดหนุนการศึกษาพงศาวดารตอนพระนารายณ์มหาราชได้ส่วนหนึ่ง พระราชพงศาวดารสยาม ย่อมจะมีบางตอนซึ่งสำคัญกว่าหรือสำคัญเสมอตอนพระนารายณ์มหาราช แต่หากเราไม่มีหนังสือเหลือไว้ที่จะเก็บความให้ได้ละเอียดนัก แผ่นดินพระนารายณ์มหาราช มีฝรั่งเป็นขุนนางผู้ใหญ่ในราชการ (คือเจ้าพระยาวิชาเยนทร์) จึงได้มีความติดต่อกับฝรั่ง ตลอดถึงพระเจ้าแผ่นดินในยุโรป และมีฝรั่งมาอยู่ หรือมาเยี่ยมสยามในสมัยนั้นมาก จนบางคนได้เขียนหนังสือไว้ให้เราอ่านละเอียดว่าจดหมายเหตุที่ไทยเราได้เขียนไว้เอง แต่หนังสือซึ่งฝรั่งเขียนไว้ในสมัยโน้น ถ้าฝรั่งผู้เขียนเป็นผู้ที่ได้มาสยามชั่วคราวแล้วกลับไปเขียนทั้ง ๆ เล่มสมุด หนังสือที่เขาเขียนไว้ก็คงจะเหมือนกับหนังสือซึ่งฝรั่งที่มาเที่ยว ยังไม่ทันรู้อะไรแน่นอน กลับไปเขียนเรื่องเมืองไทยในสมัยนี้ จะเชื่อเอาว่าทุกคำที่เขากล่าวเป็นคำถูกต้องจริงจังนั้นไม่ได้

แต่หนังสือที่เรียก “ไวต์ชาวสยาม” นี้ ผู้เขียนได้เขียนเสร็จ และพิมพ์ออกมาประมาณ ๒๕๐ ปี จากเวลาที่เขาเล่า เขาอ้างหลักฐานที่ไวต์และฝรั่งผู้ช่วยของไวต์เขียนไว้ในสมัยโน้น ก็เป็นข้อความซึ่งน่าจะฟังมากอยู่

ข้าพเจ้าไม่มีเวลาที่จะเก็บข้อความจากหนังสือ “ไวต์ชาวสยาม” มาเล่าโดยพิศดาร แต่บัดนี้เพื่อนนักเขียนคนหนึ่ง ซึ่งเป็นผู้รู้ภาษาอังกฤษดี และเขียนภาษาไทยดี ได้เก็บเอาใจความในสมุดที่ออกชื่อนี้ มาเขียนเล่าเป็นภาษาไทยตามเค้าความเดิม แลชี้แจงอ้างหลักฐานเพิ่มเติมตามที่เขาได้ศึกษามาด้วย

 

แชร์ชวนกันอ่าน

แจ้งคำสะกดผิดและข้อผิดพลาด หรือคำแนะนำต่างๆ ได้ ที่นี่ค่ะ