- คำนำของผู้จัดพิมพ์
- ๑. สภากาชาด
- ๒ นิราศ
- ๓. โคบุตร
- ๔. ไวต์ชาวสยาม
- ๕. ผสมผสาน
- ๖. พม่าประเทศราช
- ๗. ผสมผสาน (๒)
- ๘. สำคัญอะไรที่ชื่อ
- ๙. ทุนสำรองพิกัด
- ๑๐. ผสมผสาน (๓)
- ๑๑. ประชาธิปัตย์แลความลับ
- ๑๒. เมื่อเจียงไคเช็คถูกจับ
- ๑๓. ขอโทษ
- ๑๔. เซี่ยงไฮ้
- ๑๕. อ๊อกซฟอด
- ๑๖. ดินเนอร์ใหญ่
- ๑๗. สามก๊ก
- ๑๘. หมู่ประเทศ “ออสโล”
- ๑๙. เซี่ยงไฮ้
- ๒๐. โรตารี่ในประเทศเยอรมัน
- ๒๑. ผสมผสาน (๔)
- ๒๒. รัฐคติ
- ๒๓. ล่าผัว
- ๒๔. โลกนี้ครึ่งหนึ่ง
- ๒๕. สก๊อตแลนด์กับอิงแลนด์
- ๒๖. สมเด็จพระสังฆราชเจ้า กรมหลวงชินวรสิริวัฒน์
- ๒๗. ขัติยมานะ
- ๒๘. เมื่อวันประกาศมหาสงคราม
- ๒๙. ปเกียรณกะ
- ๓๐. ในอินเดีย
- ๓๑. ในเมืองอังกฤษ
- ๓๒. คำราม
- ๓๓. ศัพท์รอยัลลิซต์
- ๓๔. อารยะชน อานารยะชน
- ๓๕. หนังสือพิมพ์
- ๓๖. กล่องดวงใจ
- ๓๗. ธนาธิปัตย์ยังไม่ตาย
- ๓๘. ฉากละคร
- ๓๙. ราชพิธีอังกฤษ
- ๔๐. ผสมผสาน (๕)
- ๔๑. นึกเมื่อฟังเทศน์
- ๔๒. บรรดาศักดิ์อังกฤษ
- ๔๓. กาพย์เห่เรือ
- ๔๔. โอวาทสำหรับชายหนุ่ม
- ๔๕. ราชาธิราชประเทศเม็กซิโก
- ๔๖. มุกดาดำ
- ๔๗. ประปา
- ๔๘. อุตสาหกรรมในกระท่อม
- ๔๙. ปนคำพูด
- ๕๐. วังแก้ว
- ๕๑. แซะประธาน
- ๕๒. ครึ่งสตางค์
- ๕๓. ฝักซ้ายฝ่ายขวา
- ๕๔. ประชาธิปัตย์สองแห่ง
- ๕๕. ยิวแลอาหรับ
- ๕๖. เฮ็บราย
- ๕๗. ประเทศอิราค
- ๕๘. พระเจ้าแผ่นดินอังกฤษ
- ๕๙. รัฐแฟรงก์
- ๖๐. ศัพท์
- ๖๑. …ิสม์
- ๖๒. ท่านเสือ
- ๖๓. ส่องกระจก
- ๖๔. พระสังตปาปา
- ๖๕. นานาภาษิต
- ๖๖. สำนวนหนังสือ
- ๖๗. อาศา
- ๖๘. คณะสงฆ์
ส่องกระจก
ถ้าเราอยากจะเห็นหน้าของเราเอง เราต้องส่องกระจก ร่างกายส่วนอื่นเราเห็นได้บ้าง แต่ไม่เห็นพร้อมกันทั้งกาย ถ้าจะเห็นพร้อมกันหมดก็ต้องส่องกระจกเหมือนกัน
กระจกที่เราส่องนั้น เราต้องเลือกกระจกเที่ยง เราจึงจะเห็นรูปหน้าแลกายของเราดังที่เป็นจริง ถ้ากระจกไม่เที่ยง หน้าเราดี ๆ เห็นเป็นบู้บี้ไปก็ได้
การส่องกระจกเช่นนี้ ส่องได้แต่คนหรือของเล็ก ถ้าเป็นประเทศบ้านเมือง ก็ไม่มีกระจกใหญ่พอที่จะส่องได้ แลอันที่จริงที่พูดถึงส่องกระจกนี้ ก็พูดเป็นคำเปรียบเทียบเท่านั้นเอง ความหมายก็คือว่า เราจะเห็นหรือรู้สึกตัวเราเองว่าดีอยู่แล้วหรือว่าไม่ดีก็ตาม แต่ผู้อื่นอาจเห็นเราคนละอย่างกับที่เราเห็น เหตุฉนี้ถ้าคนอื่นเขาพูดถึงเราเป็นกลาง ๆ ปราศจากอคติ เราฟังเขาพูดไว้บ้าง ก็เปรียบเหมือนส่องกระจก ถ้ากระจกไม่เที่ยง เราก็รู้ได้ว่าไม่เที่ยง แต่ถ้าเป็นกระจกเที่ยง เราก็อาจได้คติจากความบางข้อที่กระจกส่องให้เห็น
นักเขียนอเมริกันคนหนึ่งชื่อ วิลเลียม เฮ็นรี เชมเบอร์ลิน เป็นคนเคยไปอยู่รัซเซียประมาณ ๑๒ ปี แล้วมาอยู่ญี่ปุ่นอีกหลายปี ได้เป็นผู้สังเกตของหนังสือพิมพ์อเมริกันชื่อ “คริศเตียนไซเอ็นซ์โมนิตอร์” แลบัดนี้ได้แต่งหนังสือว่าด้วยญี่ปุ่นเล่มหนึ่ง ซึ่งพิมพ์ออกมาเมื่อเดือนพฤศจิกายน พ.ศ. ๒๔๘๐ หนังสือเล่มนั้นว่าด้วยเรื่องญี่ปุ่นก็จริงอยู่ แต่ญี่ปุ่นมีเกี่ยวกับสยาม เขาได้มาสยามประมาณปีหนึ่ง ก่อนที่สมุดของเขาพิมพ์ออกมา จึงมีกล่าวถึงสยามในสมุดนั้นด้วย
ในที่นี้นำเอาใจความที่เขากล่าวถึงสยามมาเล่าเพื่อส่องกระจก กระจกจะเป็นกระจกเที่ยงหรือไม่เที่ยง ผู้อ่านของเราย่อมจะตัดสินได้เอง ที่นำมาเล่าในที่นี้ ก็เป็นแต่เพียงนำคันฉ่องบานหนึ่งมาตั้งให้ดูเท่านั้น
เขากล่าวว่า สยามเป็นประเทศมีอิสระบริบูรณ์อยู่ประเทศเดียวในภาคตวันออกเฉียงใต้แห่งทวีปเอเซีย จึงเป็นท้องที่ซึ่งชาวประเทศอื่น ๆ ย่อมจะแข่งแลเกียดกันกันเสมอมา
อังกฤษได้ขุดคูตั้งมั่นอยู่ในสยามในทางเศรษฐกิจมานานแล้ว สยามติดต่อกับอาณาเขตอังกฤษ ๓ ด้าน คือติดต่อกับมาลายาทางด้านใต้ แลติดต่อกับพม่าทางด้านทวันตกแลตวันตกเฉียงเหนือ ที่ปรึกษาราชการคลังของรัฐบาลสยามเป็นคนอังกฤษ บริษัทอังกฤษค้าขาย มีส่วนสำคัญในสินค้า เช่น ยางรับเบอร์ ดีบุก แลไม้สัก เป็นต้น
ใน ๕-๖ ปีนี้ เมื่อได้มีการเปลี่ยนแปลงระบอบปกครองโดยแทบจะไม่มีเลือดตกเลย แลต่อมาพระเจ้าแผ่นดินพระองค์ก่อนได้ทรงลาออกจากราชสมบัติแล้ว ก็ได้ตั้งการปกครองเป็นแบบบงการของคณะราษฎร์ อันเป็นรูปการเมืองอย่างใหม่ ในคณะนั้นนายทหารบกแลทหารเรือชั้นหนุ่มมีส่วนสำคัญ แลญี่ปุ่นก็เริ่มจะแย่งตำแหน่งของอังกฤษในสยาม คำโจทย์ซึ่งน่าตื่นที่สุดก็คือว่า ญี่ปุ่นจะให้ทุนแลความชำนาญเพื่อจะขุดคลองกระ แต่ว่าโจทย์นี้ไม่เห็นมีอะไรเป็นพยานหลักฐาน
แต่ถ้าเกิดมีคลองเช่นที่โจทย์นั้นขึ้นไซร้ การรักษาสิงคโปร์ก็จะลำบากนัก สมดังคำที่นายทหารอังกฤษคนหนึ่งชื่อ กับต้นคันนิงแฮมรีด ได้กล่าวในปาลิเม็นต์อังกฤษว่า “ถ้ามีประตูหลังซึ่งทัพเรือใหญ่จะเดินลัดสิงคโปร์ได้เช่นที่ว่า ก็จะมีผลลึกซึ้งในทางยุทธศาสตร์”
ในทางเศรษฐกิจ คลองกระจะเป็นเครื่องเสื่อมประโยชน์ของสิงคโปร์เป็นอันมาก เพราะทางเดินทเลที่จะไปเมืองจีนจะสั้นเข้าถึง ๖๐๐ ไมล์ แลกรุงเทพกับไซ่ง่อนจะได้ประโยชน์ ซึ่งสิงคโปร์จะเสีย ตามความจริง ความคิดเรื่องคลองกระนี้จะได้พูดจากันเป็นความลับสักเพียงไหน เขาว่าไม่มีทางจะทราบได้ ทราบแต่ว่าการก่อสร้างแลขุดคลองเช่นว่านี้ ยังไม่ได้ลงมือเลย เขาว่าเมื่อเขามากรุงเทพ เขาได้สืบถาม ก็ได้ฟังคำปฏิเสธรอบข้าง ผู้ปฏิเสธรวมทั้งรัฐมนตรีการต่างประเทศของสยาม แลราชทูตญี่ปุ่นในกรุงเทพด้วย
เขากล่าวต่อไปถึงเรื่องอื่นว่า สินค้าที่ญี่ปุ่นส่งมาสยามได้ขึ้นไปอย่างรวดเร็ว ใน ค.ศ. ๑๙๓๒ สินค้าญี่ปุ่นเข้าสยามเพียง ๘ ล้านเหรียญญี่ปุ่น ครั้นปี ๑๙๓๖ ขึ้นไปถึง ๔๓ ล้านเหรียญญี่ปุ่น นักเรียนทหารเรือไทยได้ไปเรียนในประเทศญี่ปุ่น แลรัฐบาลสยามได้สั่งเรือรบขนาดเล็กจากญี่ปุ่น แต่แบ่งสั่งจากอิตาลีบ้าง เมื่อญี่ปุ่นขัดใจกันขึ้นกับสันนิบาตชาติในเรื่องเม่งจูก๊ก ประเทศทั้งหลายในสันนิบาตชาติลงคะแนนตำหนิญี่ปุ่นหมด เว้นแต่สยามประเทศเดียว
เขาว่าญี่ปุ่นผู้ชำนาญการฝ้ายคนหนึ่งชื่อศาสตราจารย์มิฮารา ได้มารับราชการอยู่ในกระทรวงธรรมการ เป็นผู้พยายามเลือกหาท้องที่ในสยาม ซึ่งจะปลูกฝ้ายให้เป็นพักเป็นผลได้ ถ้าสยามปลูกฝ้ายสำเร็จ ญี่ปุ่นก็จะได้ฝ้ายเป็นสินค้าดิบจากสยามอีกแห่งหนึ่ง แต่ส่วนสยามนั้น เวลานี้ (พ.ศ. ๒๔๘๑) การค้าขายระหว่างประเทศเสียเปรียบญี่ปุ่นอยู่เหลือล้น ถ้าสยามมีฝ้ายขายให้ญี่ปุ่นมาก ๆ การเสียเปรียบนี้ก็จะหย่อนลง
เขาว่าตามที่กล่าวข้างบนนี้ เป็นทางที่ญี่ปุ่นก้าวเขยิบเข้ามาในสยาม แต่เขาว่า ทางที่สยามป้องกันญี่ปุ่นไว้มิให้เข้ามาครอบงำได้เต็มที่ ก็ปรากฏหลายทางเหมือนกัน เป็นต้นว่าเมื่อเร็ว ๆ นี้ สองประเทศได้ทำหนังสือสัญญาค้าขายกันใหม่ ดำเนินหลักซึ่งทำให้ประโยชน์ของญี่ปุ่นเสื่อมลงไปกว่าแต่ก่อน แลสยามได้เข้าเดินร่วมทางกับอังกฤษ ในเรื่องจำกัดโควตายางรับเบอร์กับดีบุก
อนึ่ง เจ้าของทุนญี่ปุ่นได้ขออนุญาตจะสร้างโรงทำน้ำตาลในสยาม แต่ก็ไม่ได้รับอนุญาต ญี่ปุ่นปรารถนาจะจัดเรือบินให้เดินสยามกับญี่ปุ่น แต่รัฐบาลสยามก็ทำนิ่ง ๆ ไว้ก่อน
สิ่งน่าสังเกตมีเป็นข้อสำคัญข้อหนึ่งว่า ทุนของญี่ปุ่นไม่มีมาลงไว้ในสยาม
สยามในวันนี้ปรากฏแก่ชาวต่างประเทศว่าแข็งขันในการนิยมชาติแลประเทศของตน ความรู้สึกชนิดนี้รัฐบาลระบอบใหม่ส่งเสริมให้เกิดมากขึ้น เขาว่าเมื่อเขามากรุงเทพ เขาได้ถามล่ามผู้พาเขาเที่ยวดูที่ต่าง ๆ ว่า เหตุไรสยามจึงจ่ายเงินเป็นอันมากในการจัดหาเครื่องบิน เรือรบ แลเครื่องมือสงคราม ล่ามตอบว่า “ท่านจงดูอบิซซิเนียเถิด เราต้องเตรียมตัวไว้ไม่ให้ใครมาจู่โจมเราได้”
เขากล่าวในที่สุดว่า เมื่อน้ำใจชาวสยามมีอยู่เช่นนี้ ก็ยอมไม่ชอบฟังใครกล่าวว่า อังกฤษหรือชนต่างประเทศอื่นเป็นผู้นำสยาม ในปัจจุบัน (พ.ศ. ๒๔๘๑) ที่ปรึกษาที่เป็นชาวต่างประเทศ ก็เหลือน้อยตัวอยู่แล้ว แต่ต่อไปข้างหน้าคงจะมีน้อยลงไปอีก แลการค้าขายนั้นก็คงจะพยายามทำเองมากขึ้น เขาว่าการนิยมตนเองของชาวสยาม คงจะไม่ทำให้คิดเปลี่ยนจากการพึ่งพาอาศัยฝรั่งไปเป็นพึ่งพาอาศัยญี่ปุ่น เพราะสยามต้องการจะอาศัยตัวเอง สยามอาจเต็มใจรับช่วยทางเต็คนิคจากญี่ปุ่นก็เป็นได้ แต่คงจะไม่ทอดตัวลงไปเป็นผู้หลับตาเดินตามญี่ปุ่น
ข้างบนนี้เป็นคันฉ่องบานหนึ่ง ซึ่งกระจกจะเที่ยงหรือไม่ ผู้อ่านของเราก็อาจพิเคราะห์ได้เอง