อารยะชน อานารยะชน

​ชนชาติยิวเป็นอนารยะชน คือไม่ใช่อารยะชน แลในเวลานี้ (พ.ศ. ๒๔๗๘) รัฐบาลเยอรมันห้ามไม่ให้อารยชน (Aryans) กับอนารยะชน (Non-Aryans) แต่งงานกัน ได้ประกาศคำสั่งว่า “รัฐบาลได้กำหนดแล้วว่า จะออกกฎหมายให้เด็ดขาด เรื่องปัญหาการแต่งงานระหว่างอารยะชนกับอนารยะชน เพราะฉะนั้นให้เจ้าพนักงานผู้รับจดทะเบียนแต่งงาน ระงับการจดทะเบียนแต่งงานระหว่างอารยะชน กับผู้เป็นยิวทั้งฝ่ายบิดามารดาไว้จนกว่าจะสั่งต่อไป”

ชนชาติยิวเป็นพวกที่นับถือกันว่าซิวิไลซ์มาแต่โบราณ จนบัดนี้ก็นับถือกันเช่นนั้นทั่วๆไปในโลก ชน​ชาติอียิปต์โบราณแลจีนโบราณ ก็นับถือกันว่าศิวิไลซ์สูง แลในสมัยนี้ย่อมถือกันว่า ญี่ปุ่นก็ซิวิไลซ์มาก แต่ชนชาติญี่ปุ่น ยิว อิยิปต์ จีน เหล่านี้ ไม่ใช่อารยะชน (Aryans) เป็นอนารยะชน (Non Aryans) ทั้งนั้น จะกลายเป็นอารยะชนไม่ได้ เพราะเกิดมาดังนั้นเสียแล้ว

พระเยซูผู้ตั้งศาสนาคริสเตียนเป็นยิว ไม่ใช่อารยะชน แต่อารยะชนรับเอาคำสอนของพระเยซูไปเป็นศาสนาของตนโดยมาก พระพุทธเจ้าเป็นอารยะชน แต่ผู้นับถือพุทธศาสนาส่วนมากเป็นอนารยะชน ไทย ญี่ปุ่น จีน ไม่มีเวลาจะเป็นอารยะชนได้เป็นอันขาด เพราะเปลี่ยนสายโลหิตที่เกิดมาแล้วไม่ได้ แขกฮินดูในอินเดียจะซิวิไลซ์หรือตรงกันข้ามกับซิวิไลซ์สักเพียงไรก็ตาม จะเปลี่ยนเป็นอื่นนอกจากเป็นอารยะชนนั้นไม่ได้ พระพุทธเจ้าเป็นแขกฮินดูก่อนตั้งพุทธศาสนา เพราะท่านเป็นเผ่าพันธุ์ของชาวต่างประเทศ (ไม่ใช่ฝรั่ง) ที่เข้ามาอยู่อินเดียครั้งบรมโบราณ ลัทธิฮินดูรวมตั้งแต่บูชางัวแลฆ่าแพะเอาเลือดสด ๆ บูชานางกาลี ไปจนเผาเมียเป็น ๆ ให้ตายตามผัว (ซึ่งเดี๋ยวนี้กฎหมายห้าม) ​ย่อมเป็นอารยะธรรมของอารยะชนบางพวกทั้งนั้น ศาสนาคริสเตียนเสียอีก ถ้าคิดถึงพระเยซูผู้เป็นต้นศาสนา ก็ไม่ใช่อารยะธรรม

เรานึกว่าเราเห็นจะทำให้ผู้อ่านหลายคนฉงนในเรื่องศัพท์ว่า “อารยะชน” และ “อารยะธรรม” เราใช้ศัพท์ถูกแท้ตามตำรา แต่เราจะอธิบายการแยกประเภทแห่งมนุษย์ในหน้ากระดาษเท่านี้ก็ไม่ได้