ราชาธิราชประเทศเม็กซิโก

ประเทศเม็กซิโกอยู่ในทวีปอเมริกา เป็นประเทศที่การปกครองเคยยุ่งยาก ในระหว่าง ค.ศ. ๑๘๒๑ กับ ๑๘๙๘ มีขบถถึง ๒๖๐ ครั้ง วิธีปกครองในเวลานี้ (พ.ศ. ๒๔๗๘) เป็นริปับลิก แต่ได้เคยมีพระเจ้าแผ่นดินครั้งหนึ่งที่ขนานยศเป็นถึงเอมเปอเรอ ดังเรื่องที่จะได้มาเล่าต่อไปนี้

เจ้าในราชวงษ์ออซเตรียนกับราชวงษ์ฝรั่งเศส เคยมีเรื่องกันมาในพงศาวดารแล้วหลายครั้ง ที่ ๑ คือ เจ้าหญิงออซเตรียน ทรงนามว่า มารีอันตัวเน็ตต์ เป็นพระมะเหษีพระเจ้าหลุยซ์ที่ ๑๖ พระเจ้าแผ่นดินฝรั่งเศส ครั้นเกิดการจลาจลขึ้นในประเทศฝรั่งเศส เมื่อร้อยปีเศษที่แล้วมานั้น ราษฎรจับพระเจ้าแผ่นดินสำเร็จโทษเสีย อีกไม่ช้าก็สำเร็จโทษพระมะเหษีเสียด้วย เป็นอันนับว่าเจ้าออซเตรียนสิ้นพระชนม์ไปด้วยมือชาวฝรั่งเศสองค์หนึ่ง

ต่อมาเมื่อครั้งพระเจ้านะโปเลียนที่ ๑ เจ้าหญิงออซเตรียนอีกองค์หนึ่งได้เป็นพระมะเหษีทรงนามว่า มารีหลุยซา ครั้นพระเจ้านะโปเลียนได้ทุกข์ พระมะเหษีองค์นั้น ก็เสด็จหนีตามผู้ชายไปเสีย เป็นเรื่องที่ ๒ ในระหว่างราชวงษ์ ๒ ประเทศนั้น พระโอรสเมื่อสิ้นบุญพระราชบิดาแล้ว ก็เสด็จอยู่ออซเตรีย ชนมายุ ๒๐ เศษก็สิ้นพระชนม์ บางคนกล่าว ว่า พิธีในราชสำนักออซเตรียกวดขันนัก เจ้าฝรั่งเศสองค์นั้นเธอมีโรคในองค์จึงทำให้อายุสั้น จึงว่ากันว่าเป็นเรื่องที่ ๓

ในครั้งที่สุด มีเจ้าในราชวงษ์ออสเตรียนองค์หนึ่ง ทรงนามว่าแมกซิมิเลียน เสียพระชนม์ในประเทศเม็กซิโก ด้วยความไม่ยั่งยืนของพระเจ้าแผ่นดินฝรั่งเศส เจ้าแมกซิมิเลียนองค์นี้ เป็นพระอนุชาของพระเจ้าฟรานซิสโยเซฟ คือพระเจ้าแผ่นดินประเทศออซเตรียก่อนแลระหว่างมหาสงคราม (สงครามโลกครั้งที่ ๑) ที่แล้วมานี้

คือเมื่อนะโปเลียนที่ ๓ ได้ราชสมบัติประเทศฝรั่งเศสแล้ว โปลิซีราชการของพระองค์ยกการที่เกี่ยวกับประเทศอื่นเป็นใหญ่ การสงครามเป็นเครื่องจำเป็นของโปลิซีนั้น การในบ้านเมือง ถ้ามีเรื่องยุ่งก็ระงับด้วยการภายนอก คือเมื่อราษฎรกำลังตื่นความชนะในการรบอยู่แล้ว ก็ไม่มีเวลาที่จะคิดกำเริบ แลพระเจ้าแผ่นดินที่ชนะศึกนั้น คือพระเจ้าแผ่นดินที่มีทหารแข็งแรง เป็นผู้มีอานุภาพ ราษฎรจะกล้าต่อสู้บารมีได้หรือ

ดังนี้ พระเจ้านะโปเลียนที่ ๓ ได้รบรัซเซียที่ไครเมีย แล้วครั้งหนึ่งได้ช่วยอิตาลี (ซึ่งในเวลานั้นเป็นประเทศน้อย) ให้เอาใจออกหากจากออซเตรียอย่างหนึ่ง ในตอนนี้ต้องประสงค์หาทางที่จะแผ่อำนาจในทางอื่นต่อไป (ค.ศ. ๑๘๖๑)

มีชาวเมืองเม็กซิโกคนหนึ่งชื่อเย็นเนอราลมิรานอนไปถึงปรารีสในขณะนั้น เป็นผู้ที่เข้าได้ถึงราชสำนัก แลเป็นผู้ที่ได้คุมพลรบ ถือปกครองอย่างเก่า ต่อสู้กับพวกที่ถือวิธีปกครองอย่างใหม่อยู่ได้ถึง ๗ ปีเศษ ด้วยเมืองเม็กซิโกนี้ เมื่อได้เอาใจออกหากจากประเทศสเปญที่เป็นนายอยู่เดิมได้แล้ว ราษฎรก็ไม่มีความสุขยิ่งขึ้นกว่าเมื่อสเปญเป็นนายนั้นเลย พวกที่มีอำนาจ คือพระแลผู้มียศในทางศาสนาเป็นผู้มีทรัพย์ถึง ๓ ส่วนใน ๔ ของทรัพย์สมบัติทั้งบ้านเมือง อำนาจก็อยู่ในมือพวกนั้น จึงใช้อำนาจในการรักษาทรัพย์ตามเคย

อยู่มาไม่ช้าราษฎรไม่เป็นที่พอใจ จึงเกิดมีหัวหน้าชักชวนกันต่อสู้ผู้มีอำนาจ เลยเกิดเป็นสงครามภายในขึ้น พวกราษฎรมีนายทหารผู้หนึ่งชื่อยัวเรซ์เป็นหัวหน้า รบชนะหลายครั้ง จนราษฎรเลือกเป็นเปรสิเดนต์ของประเทศเม็กซิโกขึ้น ในปี ค.ศ. ๑๘๕๘ แต่การที่ตั้งริปับลิกขึ้นเช่นนี้ ใช่ว่าการสงครามจะสงบก็หามิได้ ด้วยพวกที่ถือการปกครองอย่างเก่าเป็นผู้มีทุน จึงใช้ทุนเป็นกำลัง มีเย็นเนอราล มิรานอน เป็นแม่ทัพต่อสู้พวกริปับลิก แพ้บ้างชนะบ้างหลายครั้ง

ครั้นปลายปี ค.ศ. ๑๘๖๐ มิรานอนกับพวกริปับลิกรบแพ้ชนะกันเป็นเด็ดขาด มิรานอนเป็นผู้แพ้ก็หนีไปปารีส ฝ่ายยัวเรซ์หัวหน้าริปับลิก เมื่อไม่มีใครเถียงวิธีปกครองดังนี้แล้ว ก็จัดการบ้านเมืองตามวิธีใหม่ อันเป็นวิธีที่ตรงกันข้ามกับวิธีเก่า ทรัพย์สมบัติของวัดทั้งปวงก็รับเป็นของรัฐบาลเสียหมด พวกพระนิกายต่าง ๆ ก็เลิกเสีย แลส่วนการเงินทองนั้น รัฐบาลไม่มีทุนพอกับการที่จัดใหม่ เปรสิเด็นท์ยัวเรซ์ จึงยังไม่รับจะใช้เงินหนี้ที่รัฐบาลเก่ายืมมาจากต่างประเทศเป็นอันมาก

ฝ่ายเย็นเนอราล มิรานอน เมื่อไปถึงปารีส ก็หาทางเข้าเฝ้าพระมะเหษีพระเจ้านะโปเลี่ยนที่ ๓ เชิญเสด็จให้ช่วย พระมะเหษีเป็นผู้ที่เคร่งครัดในทางศาสนา นับถือนิกายคาโธลิกอย่างมั่นคง เมื่อมีผู้มาเชิญให้ช่วยจัดการแก้ศาสนาคาโธลิก ซึ่งมีคนหมู่หนึ่งกำลังทำลายอยู่ในเวลานั้น เพื่อได้ตั้งเจ้าแผ่นดินที่ถือศาสนาคาโธลิกขึ้นในประเทศเม็กซิโก เป็นการป้องกันถ่วงน้ำหนักประเทศแลศาสนะชนในสหปาลีรัฐอเมริกา ไม่ให้แผ่ศาสนาโปรเต็สแตนต์เข้าไปได้ แลเพื่อให้เจ้าแผ่นดินฝรั่งเศสได้อุดหนุนศาสนาสมชื่อที่เป็นใหญ่ดังนี้ พระมะเหษีก็ทรงเห็นชอบตามที่มิรานอนกราบทูล ทรงรับเป็นธุระแข็งแรง จำเพาะเหมาะเวลาที่พระเจ้านะโปเลียนที่ ๓ กำลังจะหาช่องทำการต่างประเทศอยู่แล้ว ความคิดของมิรานอนจึงลงรูปได้โดยง่าย

ข้อที่จะข้ามทะเลไปทำการในประเทศที่ห่างไกลเช่นนี้ ข้อสำคัญคือจะต้องไม่มีใครที่มีกำลังเป็นผู้เข้ามาขัดขวาง แลในเวลานี้ก็เป็นเวลาที่เหมาะ ด้วยประเทศสหปาลรัฐอเมริกา ถึงหากว่าจะสมาทานมันโรดอคตรินเป็นศีลอยู่เสมอก็จริง แต่กำลังรบกันเองในบ้านเมือง ไม่มีเวลาจะเข้าขวางนะโปเลียนที่ ๓ ในประเทศเม็กซิโกได้ เพราะฉนั้นสิ่งที่นะโปเลียนต้องการก็มีอยู่อย่างเดียว แต่จะหาเหตุเป็นข้อวิวาทเท่านั้น แลเหตุก็มีอยู่พร้อมแล้ว คือประกาศของเปรสิเด็นต์ยัวเรซ์ที่ว่า จะไม่รับใช้เงินที่ชาวต่างประเทศเป็นเจ้าหนี้อยู่นั้น พอจะใช้เป็นข้อวิวาทได้

คือมีนายแบ็งก์ชาวสวิซอยนายหนึ่งชื่อเย็กแกร์ เป็นผู้ได้จัดการให้รัฐบาลชุดเก่าของประเทศเม็กซิโก ยืมเงินไป ๗๕ ล้านแฟงก์ เงินรายนี้ ถ้าตามประกาศของเปรสิเด็นต์ยัวเรซ์ ก็เป็นอันจะศูนย์ ถ้าพระเจ้านโปเลียนที่ ๓ จะเข้าช่วยเย็คแกร์เรียกเงินคืนก็พอจะได้ ขัดอยู่แต่เย็กแกร์ไม่ใช่ฝรั่งเศส ถ้าพระเจ้ากรุงฝรั่งเศสจะเข้าช่วยผู้ที่ไม่ใช่ฝรั่งเศส ก็ดูกระไรอยู่

แต่ก็ไม่ยากบากอันใด เย็กแกร์ทำพิธีเปลี่ยนชาติเสีย ประเดี๋ยวเดียว ก็กลายเป็นฝรั่งเศสไปได้ ภายในปีหนึ่งทหารฝรั่งเศสก็ยกเข้าไปเหยียบเม็กซิโก ต้องการยุติธรรมต่อชาวฝรั่งเศส คือเย็กแกร์นายแบงก์ที่เปลี่ยนชาติ

ฝ่ายประเทศอังกฤษกับสเปญนั้น ในชั้นต้นเมื่อเม็กซิโกจะยังไม่ใช้หนี้ดังนั้น ก็เป็นผู้เข้าวิวาทอยู่ด้วย แต่บัดนี้กลับไม่เห็นชอบกับฝรั่งเศส จึงถอนตัวออกจากเม็กซิโกทั้ง ๒ ชาติ ฝรั่งเศสทำการผู้เดียวในชั้นต้นไม่ใคร่สำเร็จ ครั้นตอนฤดูร้อนปี ๑๘๖๓ จึงตั้งอำนาจขึ้นได้ ถึงพวกริปับลิกเม็กซิโกจะยังสู้อยู่ ก็สู้ไม่ได้เสียแล้ว

เมื่อดังนี้ก็ถึงกำหนดแล้วที่จะตั้งรัฐบาลขึ้นใหม่ ตามทางที่ผู้มีอำนาจ คือพระเจ้านะโปเลียนที่ ๓ ทรงเห็นชอบ พระเจ้านะโปเลียนได้ทรงเจรจาดูแล้วกับเจ้าออซเตรียนองค์หนึ่ง ทรงพระนามว่าเฟอดินานด์แมกซ์ พระอนุชาของพระเจ้าฟรานซิสโยเสฟ พระเจ้าแผ่นดินออซเตรีย ความประสงค์ของนะโปเลียนคือ จะให้เจ้าออซเตรียนองค์นั้นเป็นเจ้าแผ่นดินราชาธิราชประเทศเม็กซิโก

เจ้าเฟอดินานด์แมกซ์ ดูท่าทางว่าจะมีพระทัยยินดี ด้วยข้อที่จะได้นั่งราชอาศน์เม็กซิโกเช่นนี้ ถูกตามความหวังที่ว่าจะได้เป็นใหญ่ แลถึงว่านะโปเลียนจะได้ทำให้ตำแหน่งอุปราชครองเมืองวินิเตียหลุดไปจากเธอคราวหนึ่งแล้วก็จริง แต่เจ้าเฟอดินานด์แมกซ์ยังนิยมนับถือพระเจ้าแผ่นดินฝรั่งเศสองค์นั้นอยู่เสมอ เธอมีประสงค์จะหาตำแหน่งแลบ้านเมืองที่จะทดลองความสามารถของเธอ แลในออสเตรียดูราษฎรนิยมชมชื่นรักใคร่เธอดีอยู่ แต่พระเชษฐาคือพระเจ้าแผ่นดินหาผู้โปรดไม่ ในราชการออซเตรียน เธอได้ทำสำเร็จมาแล้ว คือจัดทัพเรือขึ้นให้เป็นรูป มีความสามารถพอจนรบชนะทัพเรืออิตาเลียนกองหนึ่งที่ลิซซาในตอนหลัง

มาภายหลังราชการงานเมืองอันใดก็หลุดไปหมด เธอจึงพาพระชายาของเธอ คือเจ้าหญิงชาลอต พระขนิษฐาของพระเจ้าลิโอโปลต์ ประเทศเบ็ลเยียมเดี๋ยวนี้ ไปอยู่นอกกรุง ใช้เวลาในทางหนังสือแลการช่างต่าง ๆ

อนึ่ง เจ้าออสเตรียองค์นี้ ได้เคยเที่ยวต่างประเทศมามาก เป็นเจ้าองค์แรกในราชวงษ์แฮปสะเบิคที่ได้ไปทวีปอเมริกาแลประเทศเม็กซิโกนี้ แม่ทัพนายกองของพระเจ้าเฟอดินานด์ แลพระเจ้าชาลส์ที่ ๕ ผู้เป็นบรรพบุรุษตีได้แต่โบราณ เธอจึงเห็นงามที่สุด ที่เธอผู้เป็นเทือกเถาของพระเจ้าชาลส์ที่ ๕ จะได้เป็นเจ้าแผ่นดินเม็กซิโกในบัดนี้

อีกประการหนึ่ง เจ้าองค์นั้นเธอเป็นผู้ถือศาสนาคาโธลิกอย่างเคร่งครัด ถือว่าศาสนาเป็นรากเง่าของความจำเริญรุ่งเรืองทั้งหลาย บัดนี้ประเทศเม็กซิโกได้ความเดือดร้อน ผู้เป็นใหญ่ข้างศาสนาคาโธลิกในประเทศนั้นขอเชิญเธอให้เป็นเจ้าบำรุงศาสนา ถ้ารับก็เป็นการทำบุญไปด้วยในตัว

ทั้งนี้ เจ้าเฟอดินานด์แมกซ์จึงตกลงในพระทัยว่า จะรับตำแหน่งราชาธิราชประเทศเม็กซิโก แต่ต้องการความสำคัญ ๒ ข้อ ข้อหนึ่งว่าให้ประชาชนเป็นผู้เชิญเธอไปเป็นเจ้าแผ่นดิน อีกข้อ ๑ ว่า การจลาจลในเมืองนี้จะต้องสงบเสียก่อน

พระเจ้านะโปเลียนที่ ๓ เป็นผู้ชำนาญวิธีจัดการชนิดนี้ เพราะฉนั้น ข้อที่ว่าให้ราษฎรเป็นผู้เชิญนั้นไม่เป็นของยาก เย็นเนอราลฟอเร แม่ทัพฝรั่งเศสที่ทำการอยู่ในเม็กซิโก จึงได้รับคำสั่งให้เรียกราษฎรมาประชุมเลือกจำเพาะแต่พวกที่ว่าง่าย ให้ปฤกษาตกลงกัน ว่าจะมีรัฐบาลชนิดใด ที่ประชุม คนสอนง่ายก็ตกลงกันโดยเร็ว ว่าต้องมีกษัตริย์ แลควร เชิญเสด็จแมกซิมิเลี่ยน (คือเจ้าเฟอดินานด์แมกซ์) ขึ้น เป็นเจ้าแผ่นดิน

ส่วนข้อที่ ๒ ซึ่งแมกซิมิเลียนต้องการให้ระงับความจลาจลในบ้านเมืองเสียก่อนนั้น ก็ไม่ยาก พระเจ้านะโปเลียนที่ ๓ โปรดให้จอมพลฝรั่งเศสผู้หนึ่งคุมทัพเพิ่มเติมไปปราบพวกขบถ ไม่ช้าธงฝรั่งเศสก็ปลิวทั่วประเทศเม็กซิโก เว้นแต่ในด้านใต้ ซึ่งเย็นเนอราลไดอาซคุมพวกริปับลิกตั้งแข็งอยู่ เย็นเนอราลไดอาซผู้นี้ คือเปรสิเด็นต์แห่งริปับลิกประเทศเม็กซิโกในตอนหลัง

เมื่อทหารฝรั่งเศสต่อรบพวกขบถพ่ายแพ้ลงไปโดยมากแล้วเช่นนี้ ก็สมควรเวลาที่จะรับเสด็จพระเจ้าแผ่นดินได้

ก่อนที่ออกจากประเทศออซเตรียนั้น เจ้าแมกซิมิเลียนเกิดเป็นที่ขัดพระทัยขึ้นกับพระเจ้าแผ่นดินอีกครั้งหนึ่ง ด้วยพระเจ้าฟรานซิสโยเสฟ ต้องประสงค์ให้พระอนุชาถอนพระนามจากจำนวนเจ้าในราชวงษ์ ซึ่งอาจได้รับราชสมบัติออซเตรียน ในเวลาที่ไม่มีผู้สนิทกับพระเจ้าแผ่นดินมากกว่า แต่การที่จะให้ถอนพระองค์เช่นนี้ เจ้าแมกซิมิเลียนไม่ยอม จึงเป็นเหตุขัดเคืองกันขึ้น ในประเทศออซเตรียในเวลานั้นมีคำกล่าวว่า มีคนหมู่หนึ่ง ซึ่งอยากจะให้พระเจ้าฟรานซิสโยเสฟลาออกจากราชสมบัติเสีย แลข้อที่เจ้าแมกซิมิเลียนไม่ยอมถอนองค์จากความเป็นผู้ที่อาจได้รับราชสมบัตินั้น จะเป็นด้วยเรื่องนี้ก็ได้

เมื่อเกิดเหตุขัดเคืองขึ้นกับพระเชษฐาเช่นนี้แล้ว เจ้าแมกซิมิเลี่ยนก็เสด็จไปกรุงโรมพร้อมกับพระชายาของเธอ ได้รับพรจากโป๊ปแล้ว ก็ลงเรือไปถึงท่าเมืองเม็กซิโก เมื่อวันที่ ๒๘ พฤษภาคม ค.ศ. ๑๘๖๔ เสด็จขึ้นจากเรืออย่างคนโดยสารธรรมดา ไม่มีใครมารับเสด็จ ผู้คนในแถบนั้นก็ไม่แสดงความเกรียวกราว เมื่อคิดดูว่าพระเจ้าแผ่นดินกับพระมะเหษีจะเสด็จไปเสวยราชสมบัติ แต่เวลาเดินทางต้องไปเรือเมล์อย่างคนโดยสารธรรมดา ครั้นถึงบ้านเมืองที่จะไปครอบครอง ก็ไม่มีใครมาเอื้อเฟื้อมารับรองเช่นนี้ ก็ดูเป็นที่น่าเหี่ยวใจ แต่ถ้าจะคิดอีกทางหนึ่ง ต้นกับปลายก็สมกันแล้ว

ที่จริง จอมพลฝรั่งเศสที่คุมทัพอยู่ในเมืองเม็กซิโกนั้น ก็ได้จัดกระบวนแห่มารับเสด็จ มีทั้งการตกแต่งแลธงทิวเขียวเหลืองพร้อม แต่พวกที่จะไปรับเสด็จนี้ ไปไม่ทันกำหนด ครั้นไปถึงก็ได้แห่นำตามเสด็จ แลปักธงตั้งซุ้มตามเรื่อง ที่ขาดอยู่ก็แต่ความชื่นบานในหมู่ราษฎรเท่านั้น

เมื่อพระเจ้าแมกซิมิเลียนขึ้นเสวยราชย์แล้ว ภายในสองสามเดือนนั้นการบ้านเมืองก็เป็นไปโดยปรกติ การค้าขายก็เดิน ทรัพย์สินในบ้านเมืองก็มีมาก ภาษีอากรรายได้ของรัฐบาลก็มากขึ้นกว่าแต่ก่อน ดูทีเหมือนพระเจ้าแผ่นดินแลรัฐบาลอย่างใหม่ของประเทศเม็กซิโกจะเรียบร้อยคงที่อยู่แล้ว อนึ่ง พระเจ้าแมกซิมิเลียนมทหารฝรั่งเศสหนุนหลังอยู่ทั้งกองทัพ จึงเป็นที่วางพระทัยว่า คงจะไม่มีภัยมาสู่พระองค์

พระเจ้าแมกซิมิเลียนองค์นี้ เป็นเจ้าที่เคยหวังอยู่เสมอว่าจะได้เป็นใหญ่ ดูตามหนังสือที่ทรงแต่งไว้เห็นได้ว่า เตรียมพระองค์สำหรับตำแหน่งสูง ๆ มีศีลสำหรับพระเจ้าแผ่นดิน เป็นต้น แต่ศีลเหล่านี้เมื่อถึงเวลาจะใช้เข้าจริง ก็ใช้ไม่ถูกที่ แลไม่ถูกเวลาทั้งนั้น

ด้วยตามราชการที่ทรงกระทำ เห็นได้ว่า เธอไม่เป็นผู้ที่สามารถพอกับตำแหน่ง มีคติที่ทรงแต่งไว้ข้อหนึ่งว่า “ผู้เป็นเจ้าจะต้องไม่เกี่ยวกับชมรมการเมือง เพราะชมรมทั้งหลายในบ้านเมืองที่เรียบร้อย จะต้องอยู่ใต้บังคับเจ้า แลเจ้าที่เข้าพวกในชมรมนั้น ถ้าล้มกับชมรมในเวลาที่ชมรมล้ม ก็ต้องไม่แปลกใจ”

ความข้อนี้ เมื่อพระเจ้าแมกซิมิเลียนได้ราชสมบัติก็ทรงประพฤติตาม คือเลิกอุดหนุนพวกศาสนา ซึ่งเป็นคนพวกที่เชิญพระเจ้าแมกซิมิเลียนไปครอบครองเมือง เพราะพวกนั้นต้องการให้เมืองมีกษัตริย์ปกครองการตามวิธีเก่า ที่ทรงทำดังนี้เพราะจะแสดงตามคติของพระองค์เองว่า เจ้าแผ่นดินจะต้องไม่อยู่ในชมรมไหน แต่ที่จริงผิดที่สุด เพราะชมรมศาสนา คือชมรมเก่าเป็นมิตร ชมรมริปับลิกคือชมรมใหม่นั้นเป็นศัตรู จะทิ้งมิตรเสียในขณะที่อยู่ในหมู่ศัตรูกระไรได้ ครั้นเมื่อแยกพระองค์ออกห่างจากชมรมศาสนาแล้ว ก็ทรงพยายามจะเอาใจพวกชมรมใหม่ แต่พวกชมรมใหม่กลับหัวเราะเยาะ ดังนี้พวกชมรมเก่าก็หมาง พวกชมรมใหม่ก็เย้ย อำนาจพระเจ้าแผ่นดินที่ในชั้นต้นมีอยู่บ้างนั้น ก็เสื่อมลงไป

คำอีกคำหนึ่งที่พระเจ้าแมกซิมิเลี่ยนทรงกล่าวอยู่นั้น เป็นใจความว่า “ใครทำใจดีในเวลาที่ไม่ควร ผู้นั้นเป็นผู้อ่อนแอ ผู้ใดอ่อนแอ ผู้นั้นทำร้ายตนเอง” ดังนี้คำพูดกับการกระทำไม่ตรงกัน ด้วยเมื่อจับเย็นเนอราลไดอาซได้นั้น ทรงจัดการให้ลอบปล่อยเสีย (เย็นเนอราลไดอาซได้เป็นเปรสิเด็นต์ภายหลัง) แลพวกริปับลิกคนอื่น ๆ ที่จับได้ ก็ปล่อยเสียหลายคน จนแม่ทัพฝรั่งเศสซึ่งเป็นผู้จับได้นั้นโกรธ กล่าวว่าเบื่อแล้วที่จะเอาชีวิตทหารฝรั่งเศสไปทิ้งเสีย เพื่อจับนักโทษมาให้เจ้าออซเตรียนองค์นี้ปล่อยเล่น สำหรับให้ชมว่าใจดี

ครั้นปลายปี ค.ศ. ๑๘๖๕ เปรสิเด็นต์ยัวเรซ์หัวหน้าพวกริปับลิกรบแพ้ทหารฝรั่งเศสหนักเข้า ก็หนีออกจากประเทศเม็กซิโกไป พระเจ้าแมกซิมิเลียนเข้าพระทัยว่า พวกริปับลิกเห็นจะสงบราบคาบแน่แล้ว จึงออกกฎหมายที่มีผู้ตั้งชื่อว่า บานโด เนโคร คือบัญญัติสีดำ เป็นใจความว่า ต่อนี้ไปพวกริปับลิกทั้งปวงรัฐบาลถือว่าเป็นพวกโจร ถ้าจับได้ว่าใครเป็นพวกริปับลิก ให้ศาลลงโทษอย่างโจร หรือถ้าจับได้ในสนามรบ ให้ประหารชีวิตภายใน ๒๔ ชั่วโมง

อีกประมาณ ๗ วัน ทหารฝรั่งเศสจับเย็นเนอราลริปับลิกได้ ๒ นาย จึงรับสั่งให้ยิงเสียใน ๒๔ ชั่วโมงตามกฎหมายใหม่ ราษฎรที่พอจะสงบลงไปบ้างแล้ว เมื่อทราบความเรื่องนี้ ก็พากันโกรธเกรียวกราวไป พวกริปับลิกก็กลับมีอาการดีขึ้น

ในตอนนี้ ประเทศอเมริกาเหนือกับอเมริกาใต้ทำสงครามกันสงบลง รัฐบาลอเมริกันที่กรุงวอชิงตันไม่ได้รับรู้เห็นเรื่องตั้งกษัตริย์ประเทศเม็กซิโกมาแต่แรกแล้ว แต่หากยังติดสงครามภายในอยู่ จึงจำต้องนิ่ง บัดนี้เมื่อวางมือลงแล้ว ก็หันไปทำตาเขียวทางเมืองเม็กซิโก พอประจวบพระเจ้านะโปเลียนที่ ๓ ออกเบื่ออยู่แล้ว ทรงเห็นว่าที่จะตั้งกษัตริย์คาโธลิกขึ้นในอเมริกานี้เห็นจะไม่ไหว พระองค์เป็นผู้ที่เรียกตามภาษานักเลงว่าไม่ “ยั๊วะ” จึงรีบถอนพระองค์เสีย

คือพระเจ้านะโปเลียนที่ ๓ ทูลไปยังพระเจ้าแมกซิมิเลียน เมื่อเดือนพฤษภาคม ค.ศ. ๑๘๖๖ ว่าอีกปีครึ่งถอนทหารฝรั่งเศสจากเม็กซิโก แต่ฝรั่งเศสได้ลงทุนไปมาก เพราะฉนั้นให้ประเทศเม็กซิโกแบ่งภาษีซึ่งเก็บอยู่ในเมืองแตมบิโคกับเมืองเวราครุซให้ฝรั่งเศสครึ่งหนึ่งกว่าจะหมดหนี้

ที่จริงนะโปเลียนที่ ๓ ได้สัญญาไว้ว่า จะให้ทหารฝรั่งเศสอยู่ช่วยแมกซิมิเลียนปราบพวกขบถจนปลายปี ๑๘๖๘ แลการที่จะรีบกลับถอนเสียเช่นนี้ ก็ดูเหมือนจะกลับแกล้งให้ล้ม แลรายได้ของรัฐบาลเม็กซิโกที่กำลังจะพอเผยอขึ้นนั้น ก็จะถูกแบ่งครึ่งเสียอีกเล่า ใช่แต่เท่านั้น ในขณะนี้พวกริปับลิกกลับมีกำลังตีเอาเมืองแตมปิโคไปได้ในเร็ว ๆ นั้น ภาษีที่เคยเก็บได้ก็ขาดไปหมด ไม่ช้าทรัพย์สินในคลังประเทศเม็กซิโกก็ร่อยหรอลงไป จนไม่ช้าก็เกือบจะไม่มีเหลือ พระเจ้าแผ่นดินที่ทำให้คนเป็นศัตรูไปรอบข้าง ทหารฝรั่งเศสที่เป็นกำลังอยู่ก็จะไป ดูการช่างขัดไปทุกท่า จนพระเจ้าแมกซิมิเลียนไม่ทราบจะทำอย่างไร คิดจะลาออกจากราชสมบัติ แต่พระมะเหษีไม่ยอมจะขอเสด็จไปยุโรป อ้อนวอนหาผู้อุดหนุน พระราชสามีตกลงยอมตาม จึงเก็บเล็กผสมน้อยได้พอที่พระมะเหษีจะข้ามไปยุโรป เสด็จไปถึงปารีสในต้นปี ๑๘๖๗ เข้าเฝ้าพระเจ้านะโปเลียนที่ ๓ จะทูลอะไรก็ไม่สำเร็จ กลับเป็นผลตรงกันข้ามไปหมด ด้วยพระมะเหษีเป็นเจ้าโมโหร้าย เธอใช้ถ้อยคำขาดคารวะต่อพระเจ้านะโปเลียนที่ ๓ ๆ ทรงพระพิโรธ มีรับสั่งไปให้ถอนทหารฝรั่งเศสออกจากเม็กซิโกโดยทันที ทั้งทรงกล่าวโทษท่านแม่ทัพ ในข้อที่ให้พระเจ้าแมกซิมิเลี่ยนยืมทรัพย์สินไปใช้ในการปกครองนั้นด้วย พระเจ้านะโปเลี่ยนรับสั่งในที่สุดว่า เรื่องนี้เป็นอันล้างพระหัตถ์ ไม่เกี่ยวข้องอีกต่อไป

ฝ่ายพระมะเหษีพระเจ้าแมกซิมิเลียนนั้น เมื่อการเป็นทั้งนี้ พระจริตเธอพิการอยู่แล้วก็เลยคลั่ง ไม่ได้เสด็จกลับไปเมืองเม็กซิโก ต้องเสด็จไปโรงพยาบาลเสียจริต

ฝ่ายพระเจ้าแมกซิมิเลียน เมื่อสิ้นท่าเช่นนี้แล้ว ก็กลับได้สติมีมานะสมควรกับที่เป็นเจ้า ชาวออซเตรียนบางจำพวกเชิญเสด็จให้กลับออสเตรียก็ไม่กลับ การที่ลงมือทำแล้ว เมื่อถึงเวลาอับจนก็ไม่ยอมทิ้ง เมื่อแรกได้ข่าวประชวรพระมะเหษีนั้น เสียพระทัยทำให้ไม่สะบายหลายวัน แต่ในที่สุดมีมานะแข็งพระทัยกลั้นความโศกเสียได้

ในตอนนี้ พระเจ้าแมกซิมิเลียนหันกลับเข้าหาพวกศาสนา ที่เป็นผู้อุดหนุนพระองค์ในศาสนา แต่การที่ทรงทิ้งพวกนี้เสียครั้งหนึ่งแล้ว กลับหันหาในบัดนี้นั้น ไม่มีประโยชน์เสียแล้ว พวกศาสนาทูลแนะนำว่า ให้ทรงคุมพลออกไปต่อสู้ข้าศึก จึงรับสั่งให้จัดทหารได้ ๒๐๐๐ ทรงคุมออกไปตั้งรับพวกริปับลิกที่ตำบลชื่อแควริตาโร ข้าศึกยกมาตั้งล้อมได้ต่อสู้ต้านทานกันอยู่ประมาณ ๒ เดือน นายทหารของพระเจ้าแผ่นดินหนีไปหาข้าศึกคราวละคนสองคนจนเกือบไม่มีเหลือ ผู้ที่รับสั่งให้ไปจัดทหารยกมาแก้นั้นก็เลยหายไปหมด ครั้นเมื่อวันที่ ๑๔ พฤษภาคม จึงตกลงกันว่า จะทรงนำทหารหักออกจากที่ล้อม ทรัพย์สินที่ยังเหลืออยู่บ้าง ก็รับสั่งให้แบ่งกันในหมู่นายทหารที่ไว้พระทัยสองสามนาย เพื่อที่จะได้ซ่อนพาไปในตัว แลผู้ที่ไว้พระทัยเช่นนี้คนหนึ่ง ชื่อนายพันเอกโลเปซ์ เป็นผู้ที่ได้ประทานตราเป็นความชอบในการกล้าหาญเมื่อเร็ว ๆ นั้น ครั้นรุ่งขึ้นวันที่ ๑๕ พฤษภาคม โลเปซ์กลับพาข้าศึกเข้าไปล้อมที่ประทับ นายทหารริปับลิกที่คุมพลไปล้อมนั้น มีความสงสารพระเจ้าแผ่นดิน ปรากฏว่าเปิดทางจะให้เสด็จหนี แต่พระเจ้าแมกซิมิเลียนไม่ยอมหนี รับสั่งเรียกทหารที่ยังอยู่สองสามคนให้ช่วยกันต่อสู้ ไม่ช้าก็ต้องยอมให้ข้าศึกจับพระองค์ไป

ในชั้นต้นพระเจ้าแมกซิมิเลียนเข้าพระทัยว่า ข้าศึกจะเกรงขามที่พระองค์เป็นเจ้าอยู่ในราชวงษ์ประเทศอื่น พวกริปับลิกคงจะปล่อยให้เสด็จกลับยุโรปโดยดี แต่เปรสิเด็นต์ยัวเรซ์ไม่ยอม พาพระองค์ไปชำระแล้วตัดสินให้สำเร็จโทษ ประเทศออซเตรีย สหปาลิรัฐอเมริกา อังกฤษ แลประเทศอื่น ๆ ช่วยกันขอโทษให้ไว้ชีวิต แต่เปรสิเด็นต์ยัวเรซ์ไม่ยอมท่าเดียว ในที่สุดสำเร็จโทษเสียจนได้ ในเวลาที่จะยิงนั้น เธอประทานทองให้แก่ทหารที่ยิงคนละชิ้น รับสั่งกำชับว่าให้ยิงแม่น ๆ แล้วรับสั่งกับผู้ที่อยู่ในที่นั้นเป็นสปีชว่า

“ชาวเม็กซิกันทั้งหลาย ขอให้เลือดของเราเป็นหยดสุดท้ายที่ตกเพื่อความเจริญของประเทศนี้เถิด ถ้าเมื่อใดจำเป็นที่เลือดของชาวประเทศนี้จะต้องตกอยู่อีก ก็ให้ตกเพื่อความดี ไม่ใช่ตกด้วยเป็นขบถต่อบ้านเมือง ขอให้ความเป็นเอกราชอยู่ยืนนานไปเถิด ขอให้ประเทศเม็กซิโกอยู่ยืนนานไปเถิด”

ครั้นถึงกำหนดเวลาพวกทหารก็ยิง เธอรับสั่งออกพระนามพระมะเหษีออกมาคำเดียวว่า “ลอตต์” แล้วก็ล้มลงสิ้นพระชนม์

ในเวลาที่ได้รับข่าวทางปารีสนั้น พระเจ้านะโปเลียนที่ ๓ กำลังแจกรางวัลการแสดงพิพิธภัณฑ์อยู่ การแจกรางวัลนั้นเป็นการครึกครื้น เมื่อทรงทราบข่าว จะได้ทรงคิดบ้างหรือเปล่าว่า เจ้าแมกซิมิเลียนอยู่ดี ๆ ได้ไปเป็นเจ้าแผ่นดินเมืองเม็กซิโกด้วยใคร ภายหลังเสียชีวิตด้วยใคร

พระเจ้าแมกซิมิเลียนเคยรับสั่งเป็นภาษิตในหนังสือว่า “ผู้ใดเสียสัตย์สัญญา ผู้นั้นจะเสียตัว” เป็นความจริงซึ่งไม่ช้าก็เห็นได้ที่เมืองเซดาน คือสนามรบในการสงครามฝรั่งเศสกับเยอรมัน

 

แชร์ชวนกันอ่าน

แจ้งคำสะกดผิดและข้อผิดพลาด หรือคำแนะนำต่างๆ ได้ ที่นี่ค่ะ