กาพย์เห่เรือ

โคลง

๏ งามผงาดราชพ่าห์เพี้ยง พรหมทรง
พระธินั่งศรีสุพรรณหงษ์ รเห็จห้วง
หงษ์ทองล่องลอยลง รอยบาท พระฤๅ
กลอนเกริ่นเพลินพายจ้วง พากย์แจ้วจำเรียง ถวายแล ฯ

กาพย์ยานี

๏ คาบนี้มีศุภฤกษ์ ดังบัวเบิกเบิกบานใจ
งามเวียงอันเกรียงไกร ไกรเกรียงแม้นแมนมาทำ ฯ
๏ กรุงเทพเทพรังสฤษดิ์ เจิดแจ่มจิตรวิศวกรรม
เพริศแพร้วแก้วแกมคำ คำแกมมุกด์สุขนัยนา ฯ
๏ ปราสาทราชมณเฑียร คือวิเชียรเชิดชูตา
ลอยล้ำค้ำนภา นภาผ่องส่องรับกัน ฯ
๏ ปราการตระการกล้า ท่วงทีท่าท้าโรมรัน
หอยุทธ์เย้ยยุทธ์ยัน ยรรยงเยี่ยมเอี่ยมอำพร ฯ
๏ ไตรยรัตน์จำรัสเลิศ เจดีย์เทอดทีปังกร
อาวาศสาสนาทร ธัมมะเหมือนเดือนนำเดิน ฯ
๏ พระเกียรติ์พระเกริกกลั่น ชนทุกชั้นสรรเสริญ
บ้านเมืองเรืองจำเริญ จำรูญรัฐวัฒนากร ฯ
๏ พระวงษ์องค์อิศราช เสนามาตย์ราษฎร
พร้อมพรักรักภูธร ภูธเรศเลี้ยงเยี่ยงธาตรี

× × ×

๏ แถลงปางสร้างอนุสรณ์ จอมนรากรปิ่นปฐพี
ต้นวงษ์องค์จักรี จักริศเกล้าเจ้าไผทไทย ฯ
๏ พระเถลิงราชสมบัติ เก้าชั้นฉัตรรัฐเรืองไชย
ไอสูรย์เพิ่มภูลไพ บุลย์ประโยชน์โสตถิ์สำนารฯ
๏ สองพันสามร้อยยี่ สิบห้าปีสาสนกาล
ฤกษ์งามยามศุภวาร คราวศึกว่างสร้างพระนคร ฯ
๏ อาวุธยุทธสถาน ป้อมปราการปานปุษกร
สามารถฟาดฟันบร ผิวเห่อกล้าเข้ามาลอง ฯ
๏ วังเวียงเพียงนิรมิต แสนโสภิตพิศเพียงปอง
ระเมียรมณเฑียรทอง เชิดช่อฟ้าใบระกากาญจน์ ฯ
๏ งามสุดฝ่ายพุทธจักร วิมลมรรคสมาทาน
กอบเกื้อเอื้อเอาภาร อารักขาเนื้อนาบุญ ฯ
๏ แสนสง่าอาณาจักร ทรงฟูมฟักรักการุญ
ปรายโปรยกอบโกยคุณ ถ้วนทุกหน้าสาธุการ ฯ
๏ ถิ่นฐานบ้านเมืองเรา ต้องจับเจ่ามาเป็นนาน
โชคหนุนบุญบรรดาล ได้เชิดหน้าครานั้นเอง ฯ
๏ พะม่าข้าศึกหลวง ยกทัพจ้วงมาครืนเครง
หฤไทยไทยยำเยง พอเพลี่ยงพล้ำเขาขยำเลย ฯ
๏ เหลือผุดเจียวอยุธยา เหลือจักกล้าชูหน้าเงย
ถูกเค้นเหมือนเช่นเคย ตัวเป็นทาสชาติเป็นไทย ฯ
๏ วัดร้างเจดียด้วน วิหารห้วนโบถหายไป
โพธิ์หักปักหอไตรย ไตรยปิฎกตกลงดิน ฯ
๏ บ้านแตกสาแหรกขาด นอนวินาศปราศทรัพย์สิน
หมดท่าทางหากิน เที่ยวซุกซ่อนซอกซอนเซา ฯ
๏ ข้าเศิกเลิกทัพใหญ่ ยกกลับไปบ้านเมืองเขา
กรุงร้างทางเมืองเรา ให้ทัพน้อยคอยควบคุม ฯ
๏ ไทยแยกแตกเป็นเหล่า ต่างตั้งเจ้าเข้ามั่วสุม
มากมายหลายชุมนุม คึกขันแข่งแก่งแย่งกัน ฯ
๏ ชุมนุมตีชุมนุม คิดควบคุมรุมโรมรัน
ใครอ่อนถูกฟอนฟัน การปล้นฆ่าคือหากิน ฯ
๏ หากเกิดผู้บุญหลาก บุญท่านมากเจ้าตากสิน
เกียรติ์แกว่นกู้แผ่นดิน ตีพะม่าล่าแหลกไป ฯ
๏ พะม่าเวียนมาอีก เพียรจักฉีกแผ่นดินไทย
เหนื่อยยากตรากตรำใจ ความปราศร้อนบ่ห่อนมี ฯ
๏ น้อยน้อยค่อยกระเตื้อง เพียรปลดเปลื้องเครื่องยายี
โชคยามงามพอดี เกิดโชคร้ายบ้ายบีฑา ฯ
๏ ภูเบศเกตุแผ่นดิน ถึงคราวสิ้นวาศนา
โรคทับอับปัญญา ความดีดับกลับเป็นเลว ฯ
๏ เปล่าปลดหมดสิทธิโชค เพราะพระโรคพาแหลกเหลว
เมืองไทยดังไฟเปลว คือชีวิตจักปลิดปลง ฯ
๏ ป่วนปั่นกันอีกครั้ง นึกถอยหลังนั่งพิศวง
แม้พะม่าจู่มาคง จักเป็นไฉนหนอไทยเรา ฯ
๏ เคราะห์ดีมีบุรุษ องค์เอกอุตม์สุดชาญเชาวน์
เรื่องร้ายกลายเป็นเบา โชคยังหนุนบุญยังมี ฯ
๏ ครั้งนั้นน่าหวั่นใจ แต่ไทยไม่หมดคนดี
ต้นวงษ์องค์จักรี ปัญญาอาจยุทธศาสตร์ทรง ฯ
๏ เสด็จเถลิงราชสิงหาศน์ นำหน้าชาติกาจรณรงค์
ยุคเข็ญเห็นตรงตรง ทรงแก้กู้สู่สวัสดี ฯ
๏ ผิวชาติปราศประมุข ย่อมมีทุกข์มายายี
ศัตรูจู่โจมตี จักรบสู้ริปูไฉน ฯ
๏ พะม่ามาห้าด้าน เราตีต้านแตกกลับไป
มาอีกจักฉีกไทย ไทยกลับฉีกอีกทุกที ฯ
๏ บ้านเมืองเรืองยศลาภ อานุภาพพระจักรี
พร้อมพรักสามัคคี จึงสุขสันต์แต่นั้นมา ฯ

× × ×

๏ คาบนี้มีปราโมท ทรงสมโภชราชภารา
ปิ่นราชย์พยุหยาตรา โดยชลมารคมากพลแมนฯ
๏ ทรงศรีสุพรรณหงษ์ แลระหงส่งแสงแสน
หงษ์ทองล่องมาแทน ไม่เพริศพริ้งยิ่งเรือทรง ฯ
๏ พลเรือเสื้อแดงดาษ ดูผุดผาดเอี่ยมอาจอง
มือกรายพายยรรยง ยกร่อนร่าท่านกบิน ฯ
๏ เรือขบวนยวนตายล เรี่ยวแรงพลในชลสินธุ์
งามองค์ทรงแผ่นดิน ดังเจ้าหล้ามาธรณี ฯ
๏ แลลำแม่น้ำกว้าง ทั้งสองข้างทางชลธี
หญิงชายมากมายมี มาชื่นชมราชสมภาร ฯ
๏ สวยสวยแม่สาวสาว ผัดหน้าขาวในคราวงาน
นวลแป้งแต่งตระการ เจ้านวลพริ้งยิ่งนวลปลา ฯ
๏ นั่นแน่แม่คนนั้น เบือนหน้าหันหนีนัยนา
อย่าอายเลยสายตา จักถูกว่าปลาคางเบือน ฯ
๏ แก้มแดงแสงสดสี แดงลิ้นจี่กระมังเหมือน
ถามนิดอย่าบิดเบือน แก้มช้ำหรือดังชื่อปลา ฯ
๏ เนื้ออ่อนอ่อนน่วมน่วม แม่รูปท้วมท่วมนาวา
นิ่มนุ่มชุ่มนัยนา เนื้ออ่อนแน่แม่งามพี ฯ
๏ งามสมแม่ผมดก แสร้งหยิกหยกศกเสียบหวี
มุ่นมวยสวยมากมี บ้างศกสั้นสรรสมองค์ ฯ
๏ ผู้คนมาคับคั่ง สะพรึบพรั่งตั้งตาตรง
เอบอิ่มปริ่มใจจง ทั้งผู้เฒ่าผู้เยาวภา ฯ
๏ เหล่าเรือเหลือหลากหลาย ไม่งามคล้ายเรือกันยา
เรือยนต์ย่นมรคา ว่องไววิ่งยิ่งลมปลิว ฯ
๏ กึกก้องห้องเวหา เรือล่องฟ้ามาฉิวฉิว
แถวตามงามเป็นทิว ดังวิหคผกโผผิน ฯ
๏ บ้างมาหน้ากระดาน แข่งขนานปานนกบิน
เหาะเหินแทนเดินดิน คนวิหคนกดอนเมือง
๏ แลไปปลื้มใจยิ่ง เห็นแต่สิ่งอันรองเรือง
พระยศไป่ปลดเปลือง ดูโน่นนี่ไม่มีจาง ฯ
๏ เหลียวไปในปัจฉิม งามถนิมคือพระปราง
พระสถูปรูปรางชาง ชูยอดเยี่ยมเยี่ยมอำพร ฯ
๏ ย่อมเห็นเป็นสัญญา พุทธศาสนาสถาวร
พระธรรมไกรกำจร เครื่องนำน่ากล้าในบุญ ฯ
๏ เจริญสุดพุทธดำรัส ทรงแสดงอัตถ์สัตยาดุลย์
รู้คุณผู้มีคุณ คราวเพลี่ยงพล้ำท่านค้ำชู ฯ
๏ ย่อมเป็นเช่นมีพื้น ที่ยันยืนแห่งดนู
ผู้ไร้กตัญญู เปรียบปราศพื้นจักยืนยัน ฯ
๏ มาเราเอาคำพระ เป็นสรณะประจำวัน
เป็นผู้รู้คุณอัน ท่านทำไว้ในคราวเพรง ฯ
๏ จักสู่สวัสดี เครื่องยายีจักยำเยง
ปรีดีมีมาเอง เพราะรู้รศพจน์พุทธองค์ ฯ
๏ ขอถวายพระพรสี่ แด่ภูมีวีระวงษ์
ทุกข์โศกโรคภัยจง แผ้วพระบาทปลดปราศเทอญ ฯ

โคลง

๏ สวมชีพอัญชลิตซร้อง อาเศียร
ทศพิธราชธรรมเสถียร เทอดหล้า
ฉนำฉนำเนื่องจำเนียร นิรทุกข์ พระเทอญ
เผ่าพระพุทธยอดฟ้า ยิ่งฟ้า สถาวร ฯ

 

  1. ๑. ธาตรีคำนี้แปลว่าแผ่นดินก็ได้ แปลว่าแม่นมก็ได้

  2. ๒. ปุษกรคำนี้นอกจากแปลว่า บัวนิล ยังแปลได้อีกว่า ๑๐ ความ คือ แปลว่าดาบแลว่าศรเป็นต้น

  3. ๓. ภูมิ เว สาธุรูปานํ กตญฺญูกตเวทิตา แปลว่า คุณสมบัติคือความเป็นผู้กตัญญูกตเวที ย่อมเป็นดุจพื้นที่สำหรับยืนยันแห่งชนทั้งหลายโดยแท้

แชร์ชวนกันอ่าน

แจ้งคำสะกดผิดและข้อผิดพลาด หรือคำแนะนำต่างๆ ได้ ที่นี่ค่ะ