ล่าผัว

ภาษาไทยในหนังสือที่เขียนกันเวลานี้ (พ.ศ. ๒๔๘๐) มักเรียกการฆ่าสัตว์ป่าว่าล่าสัตว์ ไม่ว่าการฆ่านั้นจะมีลักษณะอย่างที่ท่านเคยใช้ในหนังสือเก่าหรือไม่ การพยายามจับหรือฆ่าปลาฉลามนักเลงโตที่หน้าศรีราชา ก็ดูเหมือนจะเป็นการล่าสัตว์ตามวิธีที่ใช้กันเดี๋ยวนี้ แลการยิงนกตกปลาก็คงจะอย่างเดียวกัน

แต่การ “ล่า” นี้ใช่จะมีแต่ล่าสัตว์ก็หามิได้ ในเหล่าแขกแดงจำพวกซึ่งยังมีความเป็นไปอย่างโบราณอยู่จนปัจจุบันนี้ มีประเพณี “ล่าผัว” ซึ่งยังใช้อยู่จนเดี๋ยวนี้

มีหญิงฝรั่งคนหนึ่ง ชื่อนางสาวอโลฮาเบเกอร์ เล่าถึงการที่ได้เที่ยวไปในที่ป่าเถื่อน อันเป็นสำนักของชนพวกที่เรียกกันว่าผิวแดง ได้เข้าไปวิสาสะในพวกหญิง หญิงพวกนั้นเห็นคนผิวขาว ก็เห็นประหลาดยิ่งนัก นางสาวเบเกอร์ ได้พยายามเรียนคำพูดของคนพวกนั้น ได้ประมาณ ๘๐ คำ ถ้าพ้น ๘๐ คำนั้นไป ก็ต้องใช้ใบ้ คนพวกนั้นกินข้าวเป็นอาหาร และนอนในกระท่อม ซึ่งปุปะขึ้นด้วยใบไม้ เป็นต้น แลนางสาวเบเกอร์ก็ได้กินแลอยู่อย่างเดียวกัน

นางสาวเบเกอร์กล่าวว่า หญิงพวกนั้นเป็นพวกที่เรียกว่าหญิงนักรบ หรือแอมะซันวิเม็น (Amaxon Women) เป็นหญิงกำยำล่ำสัน นางสาวเบเกอร์เองซึ่งเป็นคนแข็งแรง จึงท่องเที่ยวในที่เช่นนั้นได้ กล่าวว่าตัวเองเมื่อเทียบกับหญิงพวกนั้น ก็มีร่างกายอ่อนแอเต็มที

(คำว่า แอมะซัน ซึ่งแปลว่าหญิงนักรบนี้ ได้ยินว่ามาจากศัพท์แปลว่าไม่มีนม เพราะเหตุว่าในสมัยโบราณ พวกหญิงนักรบต้องตัดนมขวาเสียข้างหนึ่ง เพื่อจะได้ยิงธนูได้ถนัด)

ในระหว่างที่นางสาวเบเกอร์อยู่กับหญิงพวกนั้น คืนหนึ่งพวกหญิงออกไปล่าผัว ได้ออกจากหมู่บ้านของตนในเวลากลางคืน ทุกคนถือธนู มีลูกศรอาบยาพิษชนิดหนึ่ง ซึ่งกล่าวว่าเมื่อยิงถูกใครเข้าแล้ว ก็สิ้นสติไปชั่วคราว แต่ในไม่ช้าก็ฟื้นขึ้นได้ พวกหญิงไปเที่ยวล้อมหมู่บ้านอื่น ทำเอะอะให้ชาวบ้านที่ถูกล้อมนั้นออกต่อสู้ ถ้าหญิงชอบใจชายคนไหน ก็เอาเกาทัณฑ์ยิงให้สลบ แล้วหามตัวกลับไป

นางสาวเบเกอร์กล่าวว่าประเพณีนั้น เป็นกิฬาอย่างใหญ่ แลนางสาวเบเกอร์สังเกตดูผู้ชายที่จับมาได้ เห็นกระเดียดจะเต็มใจถูกจับ

นี้เป็นประเพณี “ล่าผัว” ซึ่งยังไม่กระจายออกไปในประเทศอื่น

 

แชร์ชวนกันอ่าน

แจ้งคำสะกดผิดและข้อผิดพลาด หรือคำแนะนำต่างๆ ได้ ที่นี่ค่ะ