- คำนำของผู้จัดพิมพ์
- ๑. สภากาชาด
- ๒ นิราศ
- ๓. โคบุตร
- ๔. ไวต์ชาวสยาม
- ๕. ผสมผสาน
- ๖. พม่าประเทศราช
- ๗. ผสมผสาน (๒)
- ๘. สำคัญอะไรที่ชื่อ
- ๙. ทุนสำรองพิกัด
- ๑๐. ผสมผสาน (๓)
- ๑๑. ประชาธิปัตย์แลความลับ
- ๑๒. เมื่อเจียงไคเช็คถูกจับ
- ๑๓. ขอโทษ
- ๑๔. เซี่ยงไฮ้
- ๑๕. อ๊อกซฟอด
- ๑๖. ดินเนอร์ใหญ่
- ๑๗. สามก๊ก
- ๑๘. หมู่ประเทศ “ออสโล”
- ๑๙. เซี่ยงไฮ้
- ๒๐. โรตารี่ในประเทศเยอรมัน
- ๒๑. ผสมผสาน (๔)
- ๒๒. รัฐคติ
- ๒๓. ล่าผัว
- ๒๔. โลกนี้ครึ่งหนึ่ง
- ๒๕. สก๊อตแลนด์กับอิงแลนด์
- ๒๖. สมเด็จพระสังฆราชเจ้า กรมหลวงชินวรสิริวัฒน์
- ๒๗. ขัติยมานะ
- ๒๘. เมื่อวันประกาศมหาสงคราม
- ๒๙. ปเกียรณกะ
- ๓๐. ในอินเดีย
- ๓๑. ในเมืองอังกฤษ
- ๓๒. คำราม
- ๓๓. ศัพท์รอยัลลิซต์
- ๓๔. อารยะชน อานารยะชน
- ๓๕. หนังสือพิมพ์
- ๓๖. กล่องดวงใจ
- ๓๗. ธนาธิปัตย์ยังไม่ตาย
- ๓๘. ฉากละคร
- ๓๙. ราชพิธีอังกฤษ
- ๔๐. ผสมผสาน (๕)
- ๔๑. นึกเมื่อฟังเทศน์
- ๔๒. บรรดาศักดิ์อังกฤษ
- ๔๓. กาพย์เห่เรือ
- ๔๔. โอวาทสำหรับชายหนุ่ม
- ๔๕. ราชาธิราชประเทศเม็กซิโก
- ๔๖. มุกดาดำ
- ๔๗. ประปา
- ๔๘. อุตสาหกรรมในกระท่อม
- ๔๙. ปนคำพูด
- ๕๐. วังแก้ว
- ๕๑. แซะประธาน
- ๕๒. ครึ่งสตางค์
- ๕๓. ฝักซ้ายฝ่ายขวา
- ๕๔. ประชาธิปัตย์สองแห่ง
- ๕๕. ยิวแลอาหรับ
- ๕๖. เฮ็บราย
- ๕๗. ประเทศอิราค
- ๕๘. พระเจ้าแผ่นดินอังกฤษ
- ๕๙. รัฐแฟรงก์
- ๖๐. ศัพท์
- ๖๑. …ิสม์
- ๖๒. ท่านเสือ
- ๖๓. ส่องกระจก
- ๖๔. พระสังตปาปา
- ๖๕. นานาภาษิต
- ๖๖. สำนวนหนังสือ
- ๖๗. อาศา
- ๖๘. คณะสงฆ์
มุกดาดำ
๑ชาวกรุงปารีสชอบตื่นเรื่องน้ำ เป็นเครื่องให้ข้าพเจ้าหัวเราะเสมอ แทบทุกปีประมาณปลายเดือนสิงหาคม ชาวปารีสมักจะวิตกกลัวจะมีน้ำไม่พอกิน หนังสือพิมพ์ชอบกล่าวเป็นทำนองร้อนใจว่า “น้ำสำหรับใช้ในกรุงจะมีไม่พอไปตลอดหน้าแล้ง” ซึ่งไม่จริงเลย
ข้าพเจ้ารู้จักเมืองหนึ่งคือเอเด็น ตั้งอยู่บนทรายริมทเลแดง เป็นเมืองป้อมของอังกฤษ ซึ่งมีกองทหารรักษาแข็งแรง มีพลเมืองประมาณหกหมื่นคน เมืองนั้นตั้งอยู่บนกองขยะเขาไฟโบราณ เป็นกองขยะไม่รู้ว่ากี่พันปี เดี๋ยวนี้เย็นแล้ว แต่เย็นยังไม่สนิท จะหาหญ้าสักเส้นเดียวก็ไม่มี จะหาใบไม้มาทำยาสลัดสักใบเดียวก็ไม่มี และน้ำสักหยดหนึ่งก็ไม่มี
ข้าพเจ้ากลับจากเมืองจีนแวะไปที่เอเด็น เพราะปูโยล์เพื่อนของข้าพเจ้าไปเป็นกงสุลฝรั่งเศสอยู่ที่นั่น ข้าพเจ้าถามปูโยล์ว่า ไม่ขังน้ำฝนไว้ใช้หรือ
ปูโยล์ตอบว่า “ถ้าฝนตกเจ้าหน้าที่ก็จัดการรองไว้จนเต็มสระ แต่ว่าใน ๕ ปีที่แล้วมานี้ ไม่มีใครเคยเห็นเมฆที่นี่สักก้อนเดียว
“ก็น้ำที่เรากินเมื่อเช้านี้มาจากไหน”
“มาจากโรงกลั่น พวกอังกฤษเอาน้ำทเลกลั่นเป็นน้ำบริสุทธิ์ เราซื้อน้ำกลั่นกินราคาราวกับทองคำ แต่เราก็ต้องทนให้เขาขูดเลือดซิบ ๆ เมียฉันอาบน้ำเค็มไม่ได้ ต้องซื้อน้ำกลั่นอาบ ฉันต้องเสียเงินค่าน้ำกินน้ำอาบเดือนละ ๑๐๐ แฟรงก์”
“ร้ายจริง ก็พวกอาหรับชาวเมืองนี้ทำอย่างไร ดูท่าทางไม่เห็นหน้าใครจะมีเงินเสียค่าน้ำปีละ ๑๒๐๐ แฟรงค์”
“พวกชาวเมืองใช้น้ำที่ขนมาจากเขาที่เห็นเงาๆอยู่นั่นไกลหลายสิบไมล์ น้ำใส่ถุงทำด้วยหนังแพะบรรทุกหลังอูฐมาทุกวัน น้ำขุ่น ๆ รสชาติเต็มที เหม็นกลิ่นหนังแพะ แต่พวกชาวเมืองไม่ใช้น้ำนั่นจะใช้น้ำอะไร น้ำกลั่นราคาแพงที่สุด มิหนำซ้ำมีข้อบังคับไม่ให้ขายให้ชาวเมือง เพราะกลั่นไว้สำหรับกองทหาร แบ่งขายให้ฝรั่งบ้าง สำหรับกำปั่นที่ขาดน้ำบ้าง ถ้าขายให้ชาวเมือง น้ำก็ไม่พอ”
ปูโยล์กับข้าพเจ้าพูดกันดังข้างบนนี้ เวลาที่ปูโยล์พาข้าพเจ้าเที่ยวดูที่ต่าง ๆ อีกครู่หนึ่งเราก็กลับไปสถานกงซุล พบมะดามปูโยล์ (ภรรยากงซุล) คอยต้อนรับอยู่ที่นั่น มะดามเป็นสาวสวยที่ถูกเนรเทศไปอยู่เมืองบนกองทราย ข้าพเจ้าเพิ่งเคยพบมะดามเป็นครั้งแรกเช้าวันเดียวกันนั่นเอง เพราะปูโยล์กับมะดามเพิ่งแต่งงานกัน พอแต่งแล้วได้หน่อยก็พากันไปอยู่เอเด็น
เราพูดกันถึงเมืองแลผู้คนในเอเด็น มะดามปูโยล์ถอนใจใหญ่แล้วบอกข้าพเจ้าว่า อยู่ที่นั่นเหงาเหลือเกิน หญิงที่ไปมาหาสู่กันได้มี ๒ คนเท่านั้นเอง หญิงแก่ชาวอังกฤษคนหนึ่ง ซึ่งรู้ภาษาฝรั่งเศสประมาณ ๒ คำ กับหญิงฝรั่งเศสคนหนึ่ง เป็นเจ้าของโฮเต็ล ชำนาญการว่าราคาต่อรองกับแขกอาหรับแลโสมาลีมากกว่าสนทนากับหญิงฝรั่งเศสด้วยกัน
ข้าพเจ้าก็พูดจาเห็นอกตามธรรมเนียม แต่สามีของมะดามว่า “จะบ่นไปทำไมเล่า มีคนรักอยู่ในหมู่บ้านอาหรับทั้งคนไม่ใช่หรือ”
มะดามทำหน้าเหมือนจะโกรธ แต่ประเดี๋ยวก็กลับหัวเราะ แล้วยกไหล่ พูดว่า “คนผิวเนื้อเหมือนข้างในปล่องไฟ นั่นหรือเป็นคนรัก”
ปูโยล์ “ดำก็จริง แต่รูปร่างโอ่โถงรวยทั้งดำๆ แลมั่งมีมาก (เหลียวมาบอกข้าพเจ้า) เป็นพ่อค้ากาแฟใหญ่ที่สุดในเมืองนี้ พรุ่งนี้ฉันจะพาท่านไปดูร้านแลที่อยู่ของเศรษฐีดำคนนั้น ท่านจะได้ดูพรมอย่างเอกราคาแพงที่สุด แลของเก่าชิ้นน้อยชิ้นใหญ่ล้วนแต่หาค่ามิได้ จัดบ้านราวกับตลาดขายของเก่า เมียฉันไปที่นั่นคราวไร ก็อยู่ตั้งสองสามชั่วโมง เจ้าของบ้านมีของแปลก ๆ ให้ดูร่ำไป แลฉันไม่ห้ามเด็ดขาด ก็คงจะส่งของในเรือนมาให้แต่งเรือนเรา อธิบายเพียงว่า แหม่มชอบของเหล่านั้นแล้วไม่คิดเอาเงินเลย”
มะดามทำท่าเคือง “พูดเกินไปเป็นกองอย่าเชื่อน๊ะท่าน ฉันจะไปคบกับคนดำอย่างเพื่อนสนิทอย่างไรได้ ฉันไม่ได้ไปที่นั่นกว่าสิบห้าวันแล้ว”
ปูโยล์ “ วันนี้เมียฉันพื้นไม่ดี เพราะเช้าวันนี้ไข่มุกหายเมล็ดหนึ่ง”
มะดาม “ท่านให้อภัยเถิด อย่าถือโทษเลย วันนี้ใจฉันหงุดหงิด เพราะไข่มุกดำคู่หนึ่งที่ใช้แขวนหูอยู่เสมอ หายไปเมล็ดหนึ่ง ฉันค้นหาครึ่งวันก็ค้นไม่พบ ไม่รู้ว่าจะตกที่ไหน หรือหายไปอย่างไร ไข่มุกคู่นี้ผัวฉันซื้อมาจากลังกา ท่านดูเมล็ดที่ยังอยู่นี่ ก็จะเห็นได้ว่างามมาก”
ข้าพเจ้าก้มดูไข่มุกดำที่แขวนอยู่ที่หูมะดามปูโยล์ เห็นเป็นไข่มุกดี แลเห็นหูของมาดามสวยด้วย นอกจากนั้นยังได้กลิ่นหอมชนิดที่ถูกใจข้าพเจ้ายิ่งนัก ข้าพเจ้าชมไข่มุกแล้ว ก็พูดกันถึงเรื่องอื่น ๆ ต่อไปจนเวลานอนข้าพเจ้าก็ขึ้นไปนอน บนดาดฟ้าหลังคาเรือนตามประเพณีในที่นั้น
รุ่งขึ้น กงซุลปูโยล์พาข้าพเจ้าไปเที่ยวในหมู่บ้านชาวเมือง เลยไปบ้าน “คนรักดำ” ของมะดาม ผู้นั้นเป็นแขกอาหรับ ชื่อมูลัดเบนซะอิด เป็นเศรษฐีพ่อค้ากาแฟ มีกาแฟอย่างดีที่สุดในโลก พวกไปเที่ยวในที่นั้น ยินดีที่จะได้กาแฟของมูลัดไปด้วย ราคาที่ซื้อก็ไม่แพงกว่าที่จะซื้อได้ในปารีสมากนัก
ไปวันนั้นเรามีเพื่อนฝรั่งไปอีกคนหนึ่ง เป็นคนโดยสารเรือลำเดียวกับข้าพเจ้า ไปแวะพักที่เอเด็นด้วยกัน ผู้นั้นเป็นผู้เที่ยวแกว่งไปทั่ว ๆ โลก จดโน๊ตไปเต็ม ๆ เล่มสมุดแล้ว เขียนหนังสือเสนอต่อสมาคมนักปราชญ์ในเรื่องความรู้ต่าง ๆ ที่เก็บได้ เป็นผู้ไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อยในการเสาะความรู้ แลเมื่อพบอะไรที่ไม่มีใครนึกว่าเป็นความรู้สำคัญ ก็แสดงว่าเป็นความรู้สำคัญบ่อย ๆ แกเป็นนักปราชญ์ในพวกเดินทางด้วยกัน
เมื่อเราสามคน คือปูโยล์ นักปราชญ์แลข้าพเจ้า ไปถึงบ้านมูลัดเศรษฐีกาแฟ เจ้าของบ้านก็รับรองเป็นอันดี พาดูในร้านทั่วแล้วพาเข้าไปดูในบ้านแลในเรือน ซึ่งเราชอบดูมากกว่า ครั้นดูทั่วแล้ว เจ้าของบ้านก็เชิญให้นั่งพักเลี้ยงกาแฟ ซึ่งต้มตามวิธีของเขา ถ้าจะเทียบกับกาแฟที่เรากินกันธรรมดา ก็เหมือนเอาแชมเปญเทียบกับเล็มเนต เทียบกันไม่ได้ นอกจากกาแฟ ก็มีหม้อตุ้งก่าตามเคย แลมีน้ำเย็นด้วย น้ำเย็นนั้นใส่คนโทมาตั้งให้ แลมีถ้วยคนละใบ
ข้าพเจ้าแลดูคนโทนึกถึงน้ำขุ่น ๆ ที่ใส่หนังแพะบันทุกหลังอูฐมาจากเขาไกลหลายสิบไมล์ นึกว่าไม่น่าจะกินเลย แต่ในเมืองทเลทรายเช่นนั้น ความกระหายน้ำเป็นของทนไม่ไหว แลอันที่จริงเมื่อข้าพเจ้าอยู่เมืองจีน ก็ได้เคยกินน้ำเลว ๆ ตามบ้านนอกมามากแล้ว จึงไม่รังเกียจที่จะลองกินน้ำในคนโท
แต่น้ำนั้นไม่เหมือนที่ข้าพเจ้านึก ไม่มีกลิ่นหนังแพะเลย จะว่าเป็นน้ำใสทีเดียวก็ไม่ได้ แต่มีรศไม่เลว หอมนิด ๆ พอชื่นใจ ไม่หอมมากจนเกินไป ข้าพเจ้าจิบกินแล้วนึกว่ากลิ่นอะไรที่แน่ใจว่ารู้จัก ครู่หนึ่งจึงนึกได้ว่า กลิ่นไวโอเล็ตนั้นเอง น่าพิศวงที่พื้นทรายแห้งผาก จะหาหญ้าสักเส้นเดียวก็ไม่มี เหตุไฉนจึงมีไวโอเล็ตได้
นักปราชญ์ของเราสังเกตกลิ่นในน้ำพร้อมกับข้าพเจ้า พอได้กลิ่นก็ดม แล้วจิบอีกแล้วดม แล้วถามข้าพเจ้าด้วยท่าทางแสดงปัญญาว่า “ท่านเห็นว่าน้ำนี้มีกลิ่นชนิดหนึ่งหรือไม่
ข้าพเจ้า “มีกลิ่นไวโอเล็ต”
นักปราชญ์ “ถูกเป๋งทีเดียว ท่านคงจะทราบแล้วกระมังว่า ธรรมดาของถ่านหินนั้น มีสิ่งหนึ่งซึ่งกลิ่นคล้ายดอกไวโอเล็ต ผู้ทำน้ำหอมได้สิ่งนั้นจากถ่านเอามาทำน้ำหอม ไม่ต้องเปลืองดอกไม้ หรือเปลืองเวลาที่กลั่นเอากลิ่นจากดอกไม้ ธรรมดาของถ่านมีเช่นนี้ ทำให้เห็นได้ว่า น้ำนี้มีกลิ่นไวโอเล็ต เพราะลำธารใต้หินแลใต้ทรายนั้น อยู่ติดกับถ่านหิน หรือมีทางน้ำผ่านถ่านหินมาถึงที่ ๆ คนตัก อย่างไรๆ ถ่านหินก็ต้องมีใกล้ ๆ กับน้ำ ท่านเห็นหรือไม่ว่าที่ได้ความรู้เช่นนี้หมายความว่ากระไร คิดดูก็ย่อมจะเห็นว่า จะเกิดเป็นทรัพย์มากมายที่สุด พูดจำเพาะเมืองเอเด็นนี้เมืองเดียว ต้องใช้ถ่านหินเดือนละเท่าใด แลเวลานี้ต้องขนถ่านมาจากประเทศอังกฤษทุกก้อนที่ใช้ ถ้าขุดถ่านที่นี่เองจะเป็นอย่างไรบ้าง”
เมื่ออธิบายให้เราฟังดังนี้แล้ว นักปราชญ์ก็ถามเจ้าของบ้านถึงเรื่องลำธารที่ตักน้ำมาใช้กันทุก ๆ วัน เมื่อได้ตอบแล้วก็ดูเหมือนแทบจะออกเดินทางไปดูทันที แต่เผอิญขัดข้องด้วยเรือจะออกค่ำวันนั้นเอง จึงจำเป็นต้องอดใจไว้ในเที่ยวนั้น เป็นแต่ขอตัวอย่างน้ำไปด้วย จะเอาไปส่งศาลาแยกธาตุที่ปารีส การที่นักปราชญ์ของเราใส่ใจในเรื่องน้ำแลลำธารถึงเพียงนี้ ทำให้เจ้าของบ้านมีอาการอึกอักในใจ ชวนแต่จะเปลี่ยนเรื่องพูด แต่นักปราชญ์ของเราก็ไม่ยอม หวนกลับไปพูดเรื่องน้ำร่ำไป แลขอขอดเอาตัวอย่างน้ำไปจนได้
ครั้นเราจะลากลับ ข้าพเจ้าจะกินน้ำอีกถ้วยหนึ่ง ก็ยกคนโทรินใส่ถ้วย มีของแข็งตกจากคนโทลงไปก้นถ้วย ข้าพเจ้ามองดูว่าอะไร เห็นไข่มุกดำเหมือนกับเมล็ดที่แขวนอยู่ที่หูมะดาม ทำให้ข้าพเจ้าอึ้งไปด้วยความประหลาดใจ แล้วนึกถึงกลิ่นในน้ำ อ้อ กระนี้เอง กลิ่นในน้ำก็คือกลิ่นเดียวกับกลิ่นที่แก้มมะดามผู้เป็นภรรยาเพื่อนของข้าพเจ้า ข้าพเจ้าได้กลิ่นที่ตัวมะดามเมื่อก้มหน้าเข้าไปดูไข่มุกที่ห้อยหูอยู่ ข้าพเจ้านึกไม่ทันในเวลานั้นว่ากลิ่นอะไร เพิ่งมารู้เมื่อกินน้ำแล้ว ว่ากลิ่นที่ตัวมะดามกับกลิ่นน้ำนี้กลิ่นเดียวกัน คือกลิ่นไวโอเล็ต
นักปราชญ์ของเราก็คือคนบ้า หลงคิดงุ่มง่ามไปถึงบ่อถ่านหิน เรื่องมันไม่ใช่ถ่านเลย มันคนแท้ ๆ หญิงเมียเพื่อนของข้าพเจ้านี้เอง ไม่น่านึกเลยว่าจะชั่วร้ายถึงเพียงนี้ ส่วนเพื่อนของข้าพเจ้านั้นน่าสงสารเหลือเกิน จะหาอะไรน่าทุเรศยิ่งกว่าถูกเนรเทศไปอยู่ทะเลทรายกับเมียไม่มีสัตย์ แลแขกดำแท้ ๆ เหตุไฉนจึงเป็นไปได้ ข้าพเจ้านึกได้ถึงคำที่ปูโยล์พูดว่า “อากาศที่เอเด็นนี้ชอบกล ทำให้ชายอ่อนเพลีย แต่ทำให้หญิงกระชุ่มกระชวยขึ้น”
ข้าพเจ้าจะทำอย่างไรได้ ในบ้านแขกอาหรับหนุ่ม สวย มั่งมี อยู่เรือนตกแต่งอย่างมั่งคั่ง ข้าพเจ้าพบไข่มุกซึ่งตกจากหูมะดามปูโยล์ซึ่งรู้ว่าหายเช้าวันนี้เอง แต่มะดามกล่าวว่าไม่ได้ไปที่บ้านนั้นกว่า ๑๕ วันมาแล้ว ถ้าไม่ได้ไปเหตุไฉนไข่มุกจึงไปอยู่ที่นั่น แลไม่ใช่อยู่แต่ไข่มุก แม้กลิ่นหอมที่กายมะดามก็อยู่ที่นั่นด้วย ข้าพเจ้าจะทำอะไรได้บ้าง เวลานั้นเจ้าของบ้านแลดูข้าพเจ้าเหมือนนึกว่าข้าพเจ้าจะถามอะไร คงจะเป็นเพราะสีหน้าข้าพเจ้าแสดงความพิศวง แต่ข้าพเจ้าจะถามอะไรก็ไม่ได้ เพราะผัวของมะดามก็อยู่ที่นั่น ข้าพเจ้าซึ่งคืนนี้ก็จะลงเรือไป จะเปิดความลับให้กระเจิงทันทีกระไรได้ ข้าพเจ้านึกในใจว่า กงซุลเป็นผู้แทนของประเทศ ประเทศย่อมคุ้มครองทุกแห่งที่ให้กงซุลไปอยู่ แต่ภรรยาของกงซุลนั้น...
ขณะที่นักปราชญ์กำลังเอาก๊อกอุดขวดตัวอย่างน้ำอยู่นั้น ข้าพเจ้าทำเป็นเอาน้ำในถ้วยเทใส่มือเพื่อจะให้เย็น เทจนไข่มุกตกอยู่ในกำมือ ข้าพเจ้าก็กำเอาไว้ ถ้าปูโยล์จะเสียหายอะไรไปบ้างแล้ว ก็ให้ได้ไข่มุกคืนสักอย่างหนึ่งเถิด
กลับจากบ้านเศรษฐีแขก นักปราชญของเราเลยไปลงเรือทีเดียว แลปูโยล์ก็เลยไปเหมือนกัน เพราะมีธุระจะไปหากัปตันเรือ แต่ข้าพเจ้าต้องแวะไปที่บ้านปูโยล์เสียก่อน อ้างว่าจะไปลามะดาม แต่อันที่จริงจะนำไข่มุกไปส่งให้ ข้าพเจ้าไม่ได้บอกปูโยล์เรื่องไข่มุก แลเข้าใจมูลัดเศรษฐีแขกก็ไม่ทราบ เคราะห์ดีที่ปูโยล์มีธุระจะรีบไปเรือ หาได้แวะเข้าบ้านกับข้าพเจ้าไม่
ข้าพเจ้าเข้าไปถึงตัวมะดาม ก็พูดเสียงแข็งหน้าบึ้งว่า “ก่อนจะลามะดามไป ฉันขอนำไข่มุกมาคืนให้”
มะดามเปล่งเสียงแสดงความยินดี “ไข่มุกของฉันหรือ ดีจริง ท่านไปพบเข้าที่ไหน”
ข้าพเจ้าตอบเน้นคำทุกพยางค์ “พบที่บ้านมูลัด ที่บ้านมูลัดนั่นแหละที่ ๆ ฉันพบไข่มุกเมล็ดนี้ แต่ต้องขอบใจพระเจ้าที่สามีของมะดามไม่ทราบ”
มะดามทำหน้าอย่างพิศวงเหลือเกิน
ข้าพเจ้าพูดต่อไปว่า “ฉันไม่ทราบอะไรยิ่งกว่านั้น แลไม่ต้องการทราบ ไม่ต้องการคำอธิบายจากใคร ขอให้มะดามทราบแต่เพียงว่าฉันเป็นผู้ดีพอที่จะไม่เอาเรื่องนี้ไปเอ่ยให้ใครฟังเลย”
ข้าพเจ้าออกจากบ้านนั้นไปโดยกริยาที่ทำให้เห็นความโกรธ ต้องการให้มะดามรู้ว่า อย่างน้อยที่ข้าพเจ้าคนหนึ่งที่รู้ความลับ ครั้นไปถึงเรือ พบปูโยล์ที่นั่น ก็ร่ำลาแสดงความเศร้าที่จะจากไป แต่ปูโยล์คงจะพิศวง ว่าทำไมข้าพเจ้าจึงเสียใจถึงเพียงนั้น อีกประมาณชั่วโมงหนึ่ง เรือก็ออกจากเอเด็น คืนนั้นข้าพเจ้านอนไม่ใคร่หลับ นึกสงสารเพื่อนที่ต้องไปอยู่ในที่เช่นนั้นกับเมียไม่มีสัตย์แลไม่ไว้ตัวว่าเป็นฝรั่ง
ต่อมาอีกหลายเดือน ข้าพเจ้าพบปูโยล์กับมะดามในปารีส ดูท่าทางรักใคร่กันยิ่งกว่าแต่ก่อน แลมะดามแขวนไข่มุกดำไว้ที่หูทั้งคู่ ผัวเมียสองคนฉุดตัวข้าพเจ้าไปกินข้าวที่โฮเต็ล จะคิดหลีกเลี่ยงก็ไม่ยอม ครั้นไปนั่งโต๊ะแล้ว ก็พูดกันถึงเรื่องต่าง ๆ รวมทั้งเรื่องเมืองเอเดนด้วย
ปูโยล์ “เมื่อท่านไปค้างอยู่กับเราคราวนั้น ท่านกลับแล้วก็ทำให้เราพิศวงอยู่ตั้ง ๗ วัน ท่านเองในเวลานั้นก็เร่าร้อนกระสับกระส่ายในใจมากอยู่มิใช่หรือ
ตามความจริงในคราวนั้น ข้าพเจ้าเดือดร้อนในใจมาก แต่จะย้อนเอากลับมาพูดเวลานี้ก็กระไรอยู่ ข้าพเจ้าจึงตอบเลี่ยง ๆ ไม่ได้ความว่ากระไร
ปูโยล์ “น่าประหลาดเหลือเกินที่ท่านไปพบไข่มุกของเราที่เรือนมูลัด ของจากที่เรือนเราเองไฉนจึงไปอยู่ที่นั่นในวันเดียวกัน เราสอบสวนอยู่หลายวันจึงได้ความ คือว่าแขกพวกมั่งมีนั้นเมื่อซื้อน้ำกลั่นจากเจ้าพนักงานไม่ได้ก็หาซื้อทางอื่น บ่าวของเราเห็นได้ทีก็คิดค้ากำไร คือถ่ายเอาน้ำจากถังที่เมียฉันอาบแล้วนั้นไปขาย เมียฉันทำไข่มุกตกไว้ในถังน้ำ ไข่มุกก็ติดน้ำไปด้วย เหตุนั้นมันจึงไปอยู่ที่เรือนมูลัด ท่านพบไข่มุกอย่างไร”
ข้าพเจ้าตอบว่า “เกือบจะกลืนเข้าไป”
ปูโยล์หัวเราะ มะดามหน้าแดง
ที่สมาคมนักปราชญ์ ได้มีสมาชิกเขียนหนังสือไปอ่านในที่ประชุม ว่าด้วยถ่านหินซึ่งคงจะมีเป็นแน่ที่เขาใกล้ ๆ เมืองเอเด็น อธิบายเหตุที่ทำให้รู้ว่าเป็นเช่นนั้น แต่ชี้แจงว่าบ่อถ่านหินคงจะนำมาซึ่งทรัพย์หาประมาณไม่ได้
-
๑. ทรงเขียนจากนิทานฝรั่งเศส ↩