๕๒

ฝ่ายพระเจ้าฌ้อปาอ๋องก็ยกทหารออกจากค่าย มากลางคืนยังรุ่ง พอเวลาเช้าถึงตำบลเมืองเซียงกวนใกล้กับเมืองแพเสียทางประมาณห้าร้อยเส้น พระเจ้าฌ้อปาอ๋องแลดูไปข้างหน้าเห็นกองทัพทหารฮั่นอ๋องเดินขึ้นไป ณ เมืองแพเสียมิได้ขาด ข้างเขาตังซัวฝ่ายตะวันออกก็เห็นธงปักอยู่เป็นอันมาก ได้ยินเสียงผู้คนแลฆ้องกลองอื้ออึงไป พระเจ้าฌ้อปาอ๋องจึงถามขุนนางทั้งปวงว่า เหตุไรจึงมีกองทัพฮั่นอ๋องมาตั้งอยู่ที่นี่มากมายเล่า หรือหัวเมืองทั้งแผ่นดินไปเข้าด้วยฮั่นอ๋องเสียสิ้นแล้วกระมัง จงลิมวยจึงทูลพระเจ้าฌ้อปาอ๋องว่าข้างหน้านั้นก็แต่ล้วนกองทัพฮั่นอ๋องตั้งสกัดอยู่รอบ ข้างหลังฮั่นสินก็ยกทหารไล่ติดตามมาเป็นอันมาก เห็นเมืองแพเสียจะได้แก่ข้าศึกเสียแล้ว ขอพระองค์อย่ายกไปให้ถึงเมืองแพเสียเลย จงยกข้ามไปตั้งมั่น ณ เมืองกังตั๋งเถิด ถ้าพระองค์จะคิดเรรวนอยู่ก็เห็นจะไม่พ้นมือข้าศึกแล้ว จงเร่งคิดอ่านเอาตัวรอดแต่ยังไม่สู้คับขันฉะนี้จึงจะได้ อนึ่งเสบียงอาหารในกองทัพเราก็น้อย รี้พลก็เหนื่อยอิดโรยนัก ถ้ากองทัพฮั่นอ๋องล้อมไว้ได้ครั้งนี้แล้ว ถึงจะคิดอ่านรบพุ่ง เห็นจะเสียทีเป็นมั่นคง ที่ปรึกษาแลขุนนางทั้งปวงได้ฟังจงลิมวยว่าดังนั้นก็เห็นชอบด้วย จึงทูลพระเจ้าฌ้อปาอ๋องว่า ซึ่งจงลิมวยว่ากล่าวทั้งนี้สมควรนัก

พระเจ้าฌ้อปาอ๋องได้ฟังขุนนางทั้งปวงทูลดังนั้นก็โกรธ จงร้องด้วยเสียงอันดังว่า ท่านทั้งปวงไม่ได้เห็นฝีมือเรารบมาแต่ก่อนบ้างหรือจึงครั่นคร้ามนัก ถึงเล่าปังมีทแกล้วทหารมากก็จริง แต่ท่านเห็นว่าทหารเล่าปังคนไรที่จะสู้ฝีมือเราได้ ครั้งนี้ท่านทั้งปวงก็อย่าช่วยเรารบพุ่งเลยคอยแต่ตามดูเถิด เราจะสู้กับทหารฮั่นอ๋องแต่ผู้เดียว ถ้าเราสู้ฝีมือทหารฮั่นอ๋องมิได้แล้วย่อท้อหย่อนลงเราหาอยู่เป็นคนไม่ จะฆ่าตัวเสียเองให้ท่านทั้งปวงเห็น ขุนนางทั้งปวงได้ฟังพระเจ้าฌ้อปาอ๋องตรัสดังนั้นก็ก้มหน้านิ่งอยู่สิ้น

พระเจ้าฌ้อปาอ๋องก็สั่งให้ยกทหารไป ณ เมืองแพเสีย ไปทางประมาณห้าสิบเส้น มีชาวบ้านคนหนึ่งแตกกองทัพฮั่นอ๋องมา เข้าไปบอกพระเจ้าฌ้อปาอ๋องว่า บัดนี้ทหารฮั่นอ๋องยกเข้าตีเอาเมืองแพเสียได้ ขึ้นรักษาหน้าที่เชิงเทินมั่นคงอยู่ ข้างหน้านั้นทหารฮั่นอ๋องก็ตั้งสกัดอยู่ทั้งสี่ทิศ พระเจ้าฌ้อปาอ๋องได้ฟังดังนั้นก็ยิ่งมีความโกรธ โดดลงจากหลังม้าจัดแจงตัวให้มั่นคง แล้วขึ้นม้าถือทวนออกหน้าทหารทั้งปวง พอแลเห็นทหารฮั่นอ๋องตั้งสกัดอยู่ ก็ขับม้าตรงเข้าไล่บุกบันไปด้วยกำลังโกรธ ทหารฮั่นอ๋องก็รบพุ่งลวงให้ไล่ไปตามเชิงเขาเกถีสัวแล้ว กลับหนุนแน่นต้านหน้าไว้ แกล้งล่อให้พระเจ้าฌ้อปาอ๋องไล่เลี้ยววกเข้าไปข้างช่องเขากิวลิสาร ห้วนโก้ยเห็นพระเจ้าฌ้อปาอ๋องไล่รบพุ่งเข้ามาก็ โบกธงสำคัญขึ้น ทัพซุ่มทั้งปวงก็ขับทหารโห่ร้องระดมออกมาทั้งแปดด้าน ล้อมพระเจ้าฌ้อปาอ๋องกับทหารทั้งปวงไว้รอบ พระเจ้าฌ้อปาอ๋องก็ไล่ฝ่าฟันทหารฮั่นอ๋องล้มตายลงเป็นอันมาก

ฝ่ายนายทหารเอกฮั่นอ๋องประมาณหกสิบเศษ ก็ขับม้าเข้ากลุ้มรุมรบพระเจ้าฌ้อปาอ๋องเป็นอันมาก พระเจ้าฌ้อปาอ๋องมีกำลังแลฝีมือเข้มแข็งนัก แต่ผู้เดียวรบพุ่งป้องกันอยู่ในกลางศึก ดูองอาจดังมังกรเล่นนํ้าอยู่กลางทะเล แลเสือทำสีหนาทคะนองอยู่ในป่ามิได้มีผู้ใดเข้าใกล้ได้ รบกันตั้งแต่เช้าจนเย็น ทหารทั้งปวงอ่อนลงเห็นจะทานกำลังพระเจ้าฌ้อปาอ๋องมิได้ ก็ขับม้าพาทหารถอยออกไปสิ้น พระเจ้าฌ้อปาอ๋องก็ชักม้ากลับเข้ามาหาทหารทั้งปวง จึงถามทหารว่าท่านดูเรารบกับทหารฮั่นอ๋องตั้งแต่เช้าจนเย็น เห็นกำลังเราหย่อนบ้างหรือไม่ ขุนนางทั้งปวงจึงทูลพระเจ้าฌ้อปาอ๋องว่า ไต้อ๋องมีฝีมือแลกำลังดังเทพยดาทีเดียว แต่บรรดามนุษย์ในแผ่นดินถึงผู้ใดที่ว่ามีกำลังมาแต่ก่อนก็หาเสมอพระองค์ไม่ แต่เวลาวันนี้คํ่าแล้วขอให้หยุดพักเสียบ้าง พระเจ้าฌ้อปาอ๋องเห็นชอบด้วย จึงให้ตั้งค่ายลงที่นั่นพักทแกล้วทหารอยู่ พระเจ้าฌ้อปาอ๋องจึงให้หานางหงอกี๋ออกไป แล้วถามว่าเวลาวันนี้ทหารฮั่นอ๋องล้อมอยู่รอบ ข้ารบพุ่งออกไปเจ้าจะมิตกใจแล้วหรือ นางหงอกี๋จึงทูลพระเจ้าฌ้อปาอ๋องว่า ข้าพเจ้ามิได้มีความสะดุ้งตกใจเลย ด้วยหมายบารมีของพระองค์ปกป้องอยู่ แล้วหงอจูกี๋ก็คุมทหารห้อมล้อมอยู่เป็นอันมาก เวลาวันนี้ข้าพเจ้าได้ยินข่าวว่าพระองค์รบกับทหารเอกของฮั่นอ๋องถึงหกสิบเศษ ตั้งแต่เช้าจนเย็น พระองค์จะมิเหนื่อยหนักแล้วหรือ เชิญหยุดเสียให้สบายเถิด พระเจ้าฌ้อปาอ๋องได้ฟังนางหงอกี๋ว่าดังนั้นก็หัวเราะแล้วว่า เมื่อครั้งเข้ารบกับเจียงหำมิได้กินอาหารเลยเป็นสองวัน ข้าก็รบเอาชัยชนะได้ นี่รบวันเดียวนิดหนึ่งเท่านี้ยังไม่ทันเหน็ดเหนื่อยดอก ทหารทั้งปวงได้ฟังพระเจ้าฌ้อปาอ๋องตรัสดังนั้นสั่นศีรษะทุกคน

ฝ่ายจี๋วลันแลทหารทั้งปวงจึงทูลพระเจ้าฌ้อปาอ๋องว่า พระองค์รบกับทหารฮั่นอ๋องวันนี้ได้ชัยชนะก็จริง แต่อย่าเพ่อวางพระทัยนัก ด้วยฮั่นอ๋องมีกำลังศึกมากมายนัก บัดนี้ก็ล้อมเราอยู่รอบ ข้าพเจ้าเกรงอยู่ เกลือกฮั่นอ๋องจะยกทหารมาตีค่ายเราในเวลาค่ำวันนี้ จำจะตรวจเตรียมป้องกันให้มั่นคงจึงจะได้ พระเจ้าฌ้อปาอ๋องเห็นชอบด้วย จึงสั่งนายทหารทั้งปวงให้ตรวจตรากันนั่งยามตามเพลิง อย่าให้เห็นแก่หลับนอน รักษาค่ายจงกวดขัน แล้วสั่งให้ทหารคู่ใจพระเจ้าฌ้อปาอ๋องแปดพันนอนล้อมอยู่ชั้นใน พระเจ้าฌ้อปาอ๋องกับนางหงอกี๋ก็นั่งกินโต๊ะเสพสุราอยู่ด้วยกันจนได้เวลาแล้วก็นอน

ฝ่ายฮั่นสินเห็นทหารทั้งปวงสู้พระเจ้าฌ้อปาอ๋องมิได้ ก็มีความวิตกนัก จึงให้หาหลีโจเฉียเข้าไปปรึกษาว่า เวลาพรุ่งนี้เราอย่าให้ทหารออกรบกับพระเจ้าฌ้อปาอ๋องเลย พระเจ้าฌ้อปาอ๋องมีกำลังแลฝีมือเข้มแข็งนัก เห็นทหารเราจะสู้พระเจ้าฌ้อปาอ๋องไม่ได้ก็จะตายเปลืองเสียเปล่า ให้แต่รักษาหน้าด่านล้อมอยู่ข้างนอกให้มั่นคง เอารถที่ทำไว้มาล้อมเข้าด้วย อย่าให้พระเจ้าฌ้อปาอ๋องแหกออกไปได้ พระเจ้าฌ้อปาอ๋องก็หามีกองทัพหนุนข้างนอกคอยส่งลำเลียงไม่ ถ้าขัดเสบียงอาหารลงก็เห็นจะเสียทีแก่เรา หลีโจเฉียจึงว่าพระเจ้าฌ้อปาอ๋องจะหมดเสบียงอาหารลงไป ทหารทั้งปวงจะหนีไปสิ้น แต่ทหารคู่ใจพระเจ้าฌ้อปาอ๋องแปดพันนั้น ข้าพเจ้าเห็นหาทิ้งพระเจ้าฌ้อปาอ๋องไม่ แม้นพระเจ้าฌ้อปาอ๋องจะแหกออกไปจริง ที่ไหนทหารเราจะรบต้านทานไว้ได้ ถ้ามีกลอุบายคิดให้ทหารทั้งนั้นแลทหารคู่ใจแตกกระจายออกจากพระเจ้าฌ้อปาอ๋องแล้ว ถึงพระเจ้าฌ้อปาอ๋องจะมีกำลังแลฝีมือเป็นประการใด ก็เห็นหาพ้นมือเราไม่ ถ้าไม่คิดให้ทหารทั้งปวงหนีออกจากพระเจ้าฌ้อปาอ๋อง แลพระเจ้าฌ้อปาอ๋องแหกออกไปได้ ตั้งซ่องสุมผู้คนอยู่ ณ เมืองกังตั๋งกลับมากระทำศึกไปใหม่ ง่วนโซ่ยก็จะต้องป่วยการไปอีกประมาณบีหนึ่งสองปีได้กว่าจะสำเร็จ จำจะคิดตัดศึกเสียให้สิ้นแต่ในขณะนี้จึงจะได้

ฮั่นสินจึงว่าแก่หลีโจเฉียว่า ซึ่งซินแสว่ากล่าวทั้งนี้ข้าพเจ้าก็เห็นควรอยู่แล้ว แต่ข้าพเจ้ายังไม่เห็นผู้ใดเลยที่จะคิดอ่านกลอุบายอย่างนี้ได้ เห็นอยู่คนหนึ่งแต่เตียวเหลียงมีสติปัญญาลึกซึ้ง ได้เรียนรู้ในตำราพิชัยสงครามมามาก เห็นพอจะทำกลอุบายอย่างนี้ได้ หลีโจเฉียก็เห็นชอบด้วย ฮั่นสินจึงให้เล็กแกไป ณ ค่ายปีกขวา เชิญเตียวเหลียงมาปรึกษาราชการ ครั้นเตียวเหลียงมาถึงฮั่นสินจึงว่าแก่เตียวเหลียงว่า แต่ข้าพเจ้าดูพระเจ้าฌ้อปาอ๋องกระทำศึกมากับเรา แต่บรรดาทหารในกองทัพเราไม่มีผู้ใดที่จะต้านทานกำลังพระเจ้าฌ้อปาอ๋องได้ แล้วจี๋วลัน จงลิมวย กี๋โป้ ควั่นฌ้อ หงอจูกี๋ แลทหารคู่ใจพระเจ้าฌ้อปาอ๋องแปดพันนั้นก็รบพุ่งเป็นใจเดียวกันสิ้น ครั้งนี้พระเจ้าฌ้อปาอ๋องก็เข้าอยู่ในที่ล้อมเราแล้ว แต่ข้าพเจ้าคิดเกรงอยู่ เกลือกพระเจ้าฌ้อปาอ๋องจะแหกออกไปได้ จะข้ามไปตั้ง อยู่ ณ เมืองกังตั๋งเห็นเราจะต้องลำบากต่อไปอีก จะคิดประการใดจะให้ทหารทั้งปวงแตกออกจากพระเจ้าฌ้อปาอ๋องได้ ข้าพเจ้าคิดยังไม่เห็น ก็ให้มีความวิตกนักนอนตามิหลับ จึงให้เชิญซินแสมาในกลางคืน หวังจะขอความคิดแลกลอุบายบ้าง ครั้งนี้ซินแสช่วยคิดอ่านให้ข้าพเจ้าสิ้นวิตกสักครั้งหนึ่งเถิด เตียวเหลียงจึงว่าแก่ฮั่นสินว่า ซึ่งจะคิดอ่านให้ทหารทั้งปวงเอาใจออกหากพระเจ้าฌ้อปาอ๋องนั้น ข้าพเจ้าเห็นไม่ยากดอก เดี๋ยวนี้ทัพพระเจ้าฌ้อปาอ๋องก็เหมือนอยู่แต่ตัวผู้เดียว ถ้าประมาณสิบวันเราจะจับตัวพระเจ้าฌ้อปาอ๋องได้

ฮั่นสินจึงว่าข้าพเจ้าคิดอยู่อย่างนี้แล้ว แต่ซึ่งจะทำกลอุบายประการใดข้าพเจ้าคิดไม่เห็นเลย เตียวเหลียงจึงลุกเข้าไปใกล้ฮั่นสินแล้วกระซิบให้ฟังตามกลอุบายที่คิดไว้นั้น ฮั่นสินก็เห็นชอบด้วย เตียวเหลียงจึงเล่าให้ฮั่นสินฟังว่า เมื่อน้อยข้าพเจ้าเที่ยวไป ณ เมืองแหฝือ พบผู้วิเศษคนหนึ่งชำนาญเป่าปี่แก้ว ถ้าผู้ใดได้ยินเสียงปี่แล้วก็ให้คิดสลดใจนัก ถึงมาตรว่าผู้ใดน้ำใจกระด้างดุจหนึ่งเหล็กแลศิลาก็มิอาจแข็งขืนอยู่ได้ แต่คนผู้นั้นมักพอใจเสพสุรานัก ข้าพเจ้าก็ปรนนิบ้ติให้ชอบนํ้าใจจึงเข้าร่ำเรียนเอาวิชาอันนี้ได้ ครูจึงเล่าให้ข้าพเจ้าฟังว่า แต่ต้นแผ่นดินนั้น กษัตริย์แลราษฎรทั้งปวงก็นุ่งใบไม้สิ้น มาเมื่อครั้งอยู่เต้ซึ่งเป็นต้นตำราปี่อันนี้ได้เป็นกษัตริย์ จึงมีเครื่องนุ่งห่มแลผ้าผ่อนต่าง ๆ อยู่เต้จึงให้ตัดเอาไม้ไผ่มายาวประมาณยี่สิบสองนิ้วกึ่ง จึงเอาธาตุทั้งห้าตั้งเป็นกำลัง เอาเสียงสิบสอง นักษัตรตั้งเป็นเพลงต้น จึงเป่าได้เป็นเสียงสัตว์ทุกภาษา ถ้าจะเป่าให้เป็นบทกลอนประการใดก็ได้ดุจหนึ่งน้ำใจทุกอย่าง เมื่อครั้งไต้ซุ่นฮองเต้ได้เป็นกษัตริย์ จึงเอาวิชาปี่นี้มาแปลงออกไปเป่าได้เป็นเสียงหงส์ จึงสืบมาจนพระเจ้าจี๋นอ๋องซึ่งเป็นกษัตริย์อยู่ในเมืองจี๋นนั้น ครั้นพระเจ้าจี๋นอ๋องมีพระราชบุตรหญิงคนหนึ่งชื่อนางลั่งหยก แลนางนั้นพอใจเรียนวิชาเป่าปี่ ครั้นนางลั่งหยกมีอายุเจริญขึ้น พระเจ้าจี๋นอ๋องให้จัดแจงการจะแต่งตามประเพณี นางลั่งหยกจึงทูลพระเจ้าจี๋นอ๋องว่า ถ้าแลผู้ใดมิได้รู้ในการวิชาเป่าปี่อันนี้ดีเสมอข้าพเจ้า ๆ ก็ไม่ยอมเป็นภรรยาผู้ใดเลย พระเจ้าจี๋นอ๋องมีความกรุณา ก็ผ่อนผันตามนํ้าใจนางลั่งหยกจึงให้ข้าราชการไปเที่ยวหาผู้ซึ่งรู้ในวิชาเป่าปี่ ข้าราชการก็เที่ยวไปพบชายผู้หนึ่งชื่อเซียวซู้นั่งเป่าปี่อยู่บนภูเขา รูปร่างงาม จึงกลับเข้าไปทูลพระเจ้าจี๋นอ๋อง ๆ ก็สั่ง ให้หาผู้นั้นเข้าไปแล้วเป่าปี่โต้กันกับนางลั่งหยก ครั้นเซียวซู้เป่าปี่ขึ้น ฝูงหงส์แลนกยูงก็พากันมารำอยู่เป็นอันมาก แต่โบราณก็ย่อมสรรเสริญเซียวซู้กับนางลั่งหยกสองคนเท่านี้ ว่าชำนาญเป่าปี่แก้วหาผู้เสมอมิได้ เตียวเหลียงจึงว่าอันเสียงปี่อันนี้ ถ้ามนุษย์ได้ฟังแล้วก็ให้คิดถึงมารดาแลบุตรภรรยานัก ครั้งนี้ข้าพเจ้าก็เห็นว่าเป็นหน้าใบไม้หล่นลมพัดเสมออยู่ เวลากลางคืน พรุ่งนี้ข้าพเจ้าจะขึ้นไปเป่าปี่ อยู่บนเขาเกถีสัว ให้ได้ยินมาถึงเขากิวลิสาร จะให้ทหารพระเจ้าฌ้อปาอ๋องทั้งปวงนั้นมีน้ำใจสลดลง รำลึกถึงบ้านช่องของตัว ทิ้งพระเจ้าฌ้อปาอ๋องเสียให้จงได้ ไม่ให้ง่วนโซ่ยต้องรบพุ่งเสียลูกเกาทัณฑ์เลย ฮั่นสินได้ฟังเตียวเหลียงว่าดังนั้นก็ลุกขึ้นคำนับแล้วว่า ถึงนางลั่งหยกแลเซียวซู้ผู้เป่าปี่ดีมาแต่ก่อนนั้น ก็หาเสมอท่านไม่ เตียวเหลียงก็รับคำนับฮั่นสินแล้วลากลับมาค่าย ฮั่นสินจึงสั่งนายทัพนายกองทั้งปวงว่า เวลาพรุ่งนี้ผู้ใดอย่าได้ออกรบกับพระเจ้าฌ้อปาอ๋องเลย รักษาแต่หน้าด่านไว้ให้มั่นคง ข้างชั้นนอกให้เอารถที่ทำไว้สำหรับรบนั้นไปล้อมเข้าไว้ แล้วสั่งเสียวโหให้เอาเสบียงอาหารไปแจกจ่ายกองทัพให้ทั่วกันอย่าให้อดอยากได้ ห้วนโก้ยซึ่งคุมทหารถือธงอยู่บนเขานั้น ก็ให้ระดมตีม้าล่อแลฆ้องกลองอื้ออึงไว้อย่าให้ขาด แล้วฮั่นสินสั่งแฮเฮาหยินให้คุมทหารไปซุ่มอยู่ใกล้ค่ายพระเจ้าฌ้อปาอ๋อง ถ้าเห็นพระเจ้าฌ้อปาอ๋องออกไปก็ให้รบพุ่งป้องกันไว้ แล้วเร่งบอกกันให้รู้จงทุกค่าย ให้กวนหยินไปบอกแก่นายทัพนายกองทั้งปวงว่า ถ้าทหารพระเจ้าฌ้อปาอ๋องจะแหกออกไป ก็ให้แหวกทางปล่อยไปสิ้น ให้รบพุ่งจับกุมไว้แต่พระเจ้าฌ้อปาอ๋องผู้เดียว ทหารทั้งปวงก็ทำตามคำฮั่นสินสั่ง

ฝ่ายพระเจ้าฌ้อปาอ๋องก็มิได้ยกออกรบรักษาแต่ค่ายมั่นอยู่ ห้างเป๊กกับกี๋โป้แลขุนนางทั้งปวงจึงทูลพระเจ้าฌ้อปาอ๋องว่า ทหารทั้งปวงขาดเสบียงอาหารแล้ว หญ้าก็ไม่มีจะให้ม้ากิน บัดนี้ทหารทั้งปวงเรรวนอยู่ ข้าพเจ้าคิดเกรงเกลือกทหารจะเอาใจออกหากเสีย ขอให้พระองค์คุมทหารแปดพันเป็นกองหน้า ข้าพเจ้าจะคุมทหารทั้งปวงเป็นกองหนุนรีบแหกออกไปจากที่ล้อมเสียให้ได้ เมื่อพ้นกองทัพฮั่นอ๋องออกไปแล้ว จะยกไปตั้งอยู่ ณ เมืองเกงฌ้อแลเมืองกังตั๋งก็ตามเถิด แต่ซึ่งจะนิ่งนอนใจอยู่ในที่ล้อมนี้ไม่ได้ พระเจ้าฌ้อปาอ๋องจึงว่า ทหารเราก็ขาดเสบียงอาหารอิดโรยอยู่แล้ว ทหารฮั่นอ๋องก็ล้อมไว้เป็นอันมาก เห็นทหารเราจะรบพุ่งหักโหมตามเราไปมิได้ กี๋โป้จึงทูลพระเจ้าฌ้อปาอ๋องว่า อันพวกทหารคู่ใจพระองค์แปดพันนี้ ก็ได้เคยรบพุ่งอับจนมาแต่ก่อนเป็นอันมาก ข้าพเจ้าเห็นจะหาทิ้งพระองค์ไม่ ถึงทหารฮั่นอ๋องก็ขยาดฝีมือทหารเหล่านี้อยู่ ถ้าพระองค์คุมทหาร คู่ใจเป็นกองหน้าตีแตกออกไปแล้ว ก็เห็นจะพากันออกจากที่ล้อมได้สิ้น พระเจ้าฌ้อปาอ๋องได้ฟังกี๋โป้ทูลดังนั้นก็เห็นชอบด้วย จึงสั่งทหารคู่ใจว่า เวลาพรุ่งนี้เราจะแหกกองทัพฮั่นอ๋องออกไป ท่านทั้งปวงจงติดตามเรารบพุ่งให้เป็นใจเดียวกันทุกคน คอยหนุนเราให้ได้ พระเจ้าฌ้อปาอ๋องสั่งดังนั้นแล้วก็ลุกเข้าไปที่ข้างใน ทหารทั้งปวงจึงออกไปปรึกษากันว่า เราตามพระเจ้าฌ้อปาอ๋องมากระทำศึกครั้งนี้ได้ความลำบากนัก หน้านี้เป็นฤดูหนาวเสื้อแลกางเกงขาดหมดแล้ว อาหารเราก็ไม่ได้กินอิ่มนอนก็มิได้ปกติ เฝ้าแต่ทนความเวทนาอยู่ฉะนี้จะตายก็มิตายเสีย ซึ่งจะแหกกองทัพฮั่นอ๋องออกไป เราจะเอาแรงที่ไหนมารบพุ่งไปได้ ทหารฮั่นอ๋องก็ล้อมไว้เป็นอันมาก น่าที่เราทั้งปวงก็จะพากันตายเสียสิ้นในเวลาพรุ่งนี้แล้ว ทหารทั้งปวงนั่งปรึกษาปรับทุกข์เป็นพวก ๆ แห่งละห้าคนบ้างหกคนบ้าง จนเวลาค่ำลงประมาณยามเศษเงียบสงัด ได้ยินแต่เสียงใบไม้หล่นลมรวย ๆ พอได้ยินเสียงปี่เป่าอยู่บนภูเขานั้น เยือกเย็นเข้าไปในใจทหารทั้งปวงต่างคนก็นิ่งตรับฟังอยู่สิ้น จึงได้ยินเป่าเป็นเพลงว่า เดือนยี่ฤดูหน้าหนาวหน้านํ้าค้างตกเย็นมั่วไปทั้งสี่ทิศ จะดูฟ้าก็สูง แม่น้ำก็กว้าง ฤดูนี้คนทั้งปวงได้ความเวทนานัก ที่จากบ้านเมืองมาต้องกระทำศึกอยู่นั้น บิดามารดาแลบุตรภรรยาอยู่ภายหลังก็ยื่นคอคอยอยู่แล้ว ถึงมีเรือกสวนแลไร่นาก็จะทิ้งรกร้างไว้ไม่มีผู้ใดจะทำ เพื่อนบ้านที่เขาไม่ต้องไปทัพอยู่พรักพร้อมกัน ก็จะอุ่นสุรากินเล่นเป็นสุข น่าสงสารผู้ที่จากบ้านช่องมาหลายปีนั้น ที่บิดามารดาแก่ชราอยู่ก็ป่วยเจ็บล้มตายเสีย หาได้เห็นใจบิดามารดาไม่ แลตัวเล่าต้องกระทำศึกอยู่ฉะนี้ ถ้าเจ็บป่วยล้มตายลงก็จะกลิ้งอยู่กลางแผ่นดินแต่ผู้เดียว บุตรภรรยาแลญาติพี่น้องก็มิได้ปฏิบัติรักษากัน เป็นผีหาญาติมิได้ ถ้าแต่งตัวออกรบครั้งไรก็มีแต่ฆ่าฟันกัน กระดูกแลเนื้อถมแผ่นดินลงทุกครั้งดูสังเวชนัก ท่านทั้งปวงก็เป็นมนุษย์มีสติปัญญาอยู่ทุกคน เร่งคิดเอาตัวรอดไปบ้านช่องของตัวเถิด ท่านไม่รู้หรือ ม้านั้นก็เป็นแต่ชาติสัตว์เดียรัจฉาน ถ้าผู้ใดพาไปจากโรงแลมิได้ผูกถือกักขังไว้ ก็ย่อมกลับคืนมาถิ่นที่อยู่ของตัว อันประเพณีมนุษย์ถ้าจะเจ็บป่วยล้มตายก็ย่อมให้อยู่ที่บ้านของตัว พร้อมบิดามารดาแลญาติพี่น้องจึงจะดี ครั้งนี้เทพยดารู้ว่าพระเจ้าฌ้อปาอ๋องสิ้นวาสนาแล้ว แลมีความกรุณาแก่ท่านทั้งปวงว่าจะมาพลอยตายเสียเปล่า จึงใช้เรามาบอกให้รู้ ให้เร่งคิดเอาตัวรอดเสียแต่พระเจ้าฌ้อปาอ๋องยังไม่ตาย ฉะนี้ ถ้าช้าอยู่อีกวันหนึ่งสองวัน ฮั่นอ๋องก็จะจับตัวพระเจ้าฌ้อปาอ๋องได้ ถึงผู้ใดมีกำลังแลหมายจะสู้รบก็เห็นจะไม่พ้นมือฮั่นอ๋องแล้ว อันกำลังศึกฮั่นอ๋องครั้งนี้ อย่าว่าแต่คนเข้าต้านทานเลย ถึงมาตรว่าหยกแลศิลาก็มิอาจทนทานอยู่ได้ อันฮั่นอ๋องนั้นเป็นคนมีบุญน้ำใจก็โอบอ้อมอารีนัก ถึงผู้ใดจะเป็นข้าศึกแลเข้าไปสามิภักดิ์แล้วก็ชุบเลี้ยงมิได้ทำอันตรายเลย ฮั่นอ๋องจะได้เป็นเจ้าแผ่นดินเป็นแท้ ท่านทั้งปวงจงคิดอ่านเอาตัวรอดรักษาชีวิตไว้เอาความชอบดีกว่า ซึ่งเพลงของเราทั้งสามร้อยคำนี้ ท่านทั้งปวงตรึกตรองดูทุกคำเถิด เตียวเหลียงก็เป่าซ้ำอยู่ดังนั้นถึงเก้าครั้งสิบครั้ง ทหารทั้งปวงได้ยินเสียงปี่แลถ้อยคำที่เป่ารำพันไป ดังนั้นก็ยิ่งมีนํ้าใจสลดลง กลัวความตายให้คิดถึงบิดามารดานัก นั่งกอดเข่าทอดใจใหญ่ร้องไห้อยู่ แล้วจึงปรึกษากันว่า นี่ชะรอยเทพยดามาบอกเหตุแก่เราเป็นมั่นคง ควรเราจะทำตามถ้อยคำเทพยดาจึงจะชอบ อนึ่งข้าวปลาอาหารเราก็ไม่มีจะกิน แลจะมาเฝ้ารักษา ค่ายเปล่าอยู่ฉะนี้ ถ้าฮั่นอ๋องยกทหารมาโจมตีค่าย เราเป็นคนอดอาหารหาแรงมิได้ก็จะมิพากันตายเสียสิ้นหรือ ที่ไหนจะได้กลับไปเห็นหน้าบิดามารดาเล่า แล้วประการหนึ่งถ้าเราไม่ออกจากพระเจ้าฌ้อปาอ๋องเสีย ก็เหมือนหาเชื่อถือถ้อยคำเทพยดาไม่ บัดนี้ก็เป็นข้างขึ้นเดือนสว่างเห็นหนทางถนัด เราชวนกันหนีพระเจ้าฌ้อปาอ๋องไปเถิด ถึงมาตรว่าฮั่นอ๋องจะจับเราได้ เราก็จะบอกแก่ฮั่นอ๋องว่าอดอาหารไม่มิแรงจะสู้รบ แล้วขอท่านได้กรุณาให้ทานชีวิตไว้แต่พอได้กลับไปเห็นบิดามารดาเถิด เห็นฮั่นอ๋องก็จะมีความกรุณาปล่อยเราเสีย เราก็จะได้กลับไปบ้านช่องของเรา ทหารทั้งปวงปรึกษาเห็นพร้อมกัน ก็พากันหนีพระเจ้าฌ้อปาอ๋องไปเป็นอันมาก นายทัพนายกองทั้งปวงห้ามก็มิฟัง ครั้นจะเอา เนื้อความเข้าไปทูลพระเจ้าฌ้อปาอ๋อง ๆ แลนางหงอกี๋ก็ยังหลับสนิทอยู่ นายทหารทั้งปวงเห็นทหารเลวพากันหนีไปดังนั้นก็คิดเสียใจนัก จึงปรึกษากันว่าถ้าฮั่นอ๋องรู้ว่าทหารในกองทัพเราหนีไปสิ้นแล้ว ฮั่นอ๋องยกมาตีค่ายแล้วจับตัวพระเจ้าฌ้อปาอ๋องได้ เราทั้งปวงจะมิพลอยตายด้วยหรือ อันเราจะมาหลงตายอยู่กับพระเจ้าฌ้อปาอ๋องดังท่อนไม้ท่อนฟืนอยู่ฉะนี้ เห็นหาต้องการไม่ จงลิมวยจึงว่าซึ่งท่านทั้งปวงว่าดังนี้ก็ชอบอยู่แล้ว ตามแต่จะคิดอ่านเอาตัวรอดเถิด นายทหารทั้งปวงก็พากันหนีปลอมปนออกไปกับทหารเลวนั้น

ฝ่ายห้างเป๊กจึงคิดแต่ในใจว่า เมื่อครั้งพระเจ้าฌ้อปาอ๋องให้หาฮั่นอ๋องเข้าไปกินโต๊ะ ณ ห้องหมุยนั้น เราก็ได้ช่วยชีวิตเตียวเหลียงไว้ครั้งหนึ่งแล้ว ฮั่นอ๋องกับเราก็ได้ทำไมตรีไว้ต่อกันเป็นอันมาก เราจะหนีไปหาเตียวเหลียง ให้เตียวเหลียงพาไปอยู่กับฮั่นอ๋องเห็นจะดีกว่าหนีไปอื่น ห้างเป๊กคิดดังนั้นแล้วก็ถือกระบี่เดินตรงเข้าไป ณ ค่ายเตียวเหลียง ๆ ก็รับห้างเป๊กไว้ ขณะนั้นในกองทัพพระเจ้าฌ้อปาอ๋อง แต่บรรดานายทหารแลทหารเลวทั้งปวงก็พากันหนีไปสิ้น ยังแต่ควั่นฌ้อกับจี๋วลันแลหงอจูกี๋ ซึ่งเป็นน้องนางหงอกี๋กับทหารเลวแปดร้อยที่ควั่นฌ้อกับจี๋วลันคุมไว้นั้น ควั่นฌ้อปรึกษากับจี๋วลันว่าพระเจ้าฌ้อปาอ๋องชุบเลี้ยงเราถึงเพียงนี้ พระคุณหาที่สุดมิได้ อันน้ำใจของเราถ้ายังมีชีวิตอยู่ ถึงพระเจ้าฌ้อปาอ๋องจะอับจนเป็นประการใด เราก็หาทิ้งพระเจ้าฌ้อปาอ๋องไม่ คนทั้งปวงที่พากันหนีไปนั้นมันเหมือนสัตว์เดียรัจฉาน มิได้คิดถึงคุณท่านเลย ดีแต่ทำราชการเอาความชอบด้วยปาก ครั้นเจ้านายอับจนเข้าแล้วต่างคนก็คิดเอาตัวรอดพากันหนีไปสิ้น ครั้งนี้ท่านกับเราเอาชีวิตทำราชการ สนองพระคุณพระเจ้าฌ้อปาอ๋องเถิด ถ้าพระเจ้าฌ้อปาอ๋องตื่นขึ้นแล้ว เราคุมทหารแปดร้อยที่เหลืออยู่นั้นฟันฝ่าทหารฮั่นอ๋องออกไป ให้พระเจ้าฌ้อปาอ๋องออกจากที่ล้อมให้จงได้ ถ้าเทพยดาไม่โปรดแล้ว แลพระเจ้าฌ้อปาอ๋องเป็นอันตรายลงในท่ามกลางศึก เราก็จะตายตามพระเจ้าฌ้อปาอ๋องไป เป็นเจ้าข้ากันในเมืองผีอีก ตัวเราเสียแรงเกิดมาเป็นชาติชายแล้ว ถึงจะตายก็จะให้มีชื่อปรากฏไว้

จี๋วลันได้ฟังควั่นฌ้อว่าดังนั้น ก็ยกมือขึ้นคำน้บแล้วว่า ถึงตัวเราก็คิดว่า ถ้าพระเจ้าฌ้อปาอ๋องหาบุญไม่แล้ว เราก็จะฆ่าตัวตายตามพระเจ้าฌ้อปาอ๋องไป ซึ่งจะยอมอยู่เป็นข้าผู้อื่นสืบไปอีกนั้นหามิได้ ควั่นฌ้อกับจี๋วลันพูดจากันดังนั้นแล้ว ก็แต่งตัวใส่เกราะถือกระบี่ออกไปยืนรักษาประตูค่ายอยู่

แชร์ชวนกันอ่าน

แจ้งคำสะกดผิดและข้อผิดพลาด หรือคำแนะนำต่างๆ ได้ ที่นี่ค่ะ