๒๙

ฝ่ายคนซึ่งหนีไปจากเมืองห้ำเอี๋ยง ถึงเมืองแพเสียก็เข้าไปเฝ้าพระเจ้าฌ้อปาอ๋องทูลว่า ฮั่นอ๋องกับฮั่นสินตีเมืองสามจีนแตก เจียงหำเชือดคอตาย สุมาหืนตั้งอี้ไปเข้าด้วยข้าศึก บัดนี้ฮั่นอ๋องตั้งอยู่เมืองห้ำเอี๋ยง พระเจ้าฌ้อปาอ๋องได้ฟังดังนั้นจึงตรัสว่า ฮั่นอ๋องตีเมืองหํ้าเอี้ยงได้ เราเสียเขตแดนกว้างยาวถึงห้าสิบหมื่นเส้น จำจะยกทัพไปจับตัวฮั่นอ๋องกับอ้ายฮั่นสินฆ่าเสีย แม้นมิได้ไม่กลับมาอยู่เมืองแพเสีย ฟัมแจ้งจึงทูลว่า เพราะไต้อ๋องไม่เชื่อข้าพเจ้าปล่อยฮั่นอ๋องไปอยู่เมืองโปต๋ง กับไม่รักษาฮั่นสินไว้ จึงเสียแผ่นดินได้ความอายถึงเพียงนี้ พระเจ้าฌ้อปาอ๋องจึงว่า เจียงหำเป็นคนชรา ทั้งกำลังแลสติปัญญาก็น้อยลงถึงตั้งอี้สุมาหืนฝีมือก็อ่อนไม่ควรที่จะรับศึกกำลังกล้า ผู้รักษาเมืองห้ำเอี๋ยงก็เป็นแต่ผู้น้อยเพราะประมาทไม่จัดแจงทหารที่มีฝีมือไปอยู่รักษา ได้ผิดแล้วก็ทำเนา ถึงจะเสียเขตแดนเท่านั้นแก่ฮั่นอ๋อง แผ่นดินของเรายังมากกว่า

ขณะนั้นมีขุนนางเข้าไปทูลว่า เตียวเหลียงชาวเมืองหันใช้คนถือหนังสือมาเฝ้าพระเจ้าฌ้อปาอ๋องก็ให้รับเข้ามา

ฝ่ายผู้ถือหนังสือก็เข้าไปคำนับแล้วชูหนังสือถวาย พระเจ้าฌ้อปาอ๋องรับมาฉีกผนึกออกอ่านได้ความว่า ข้าพเจ้าเตียวเหลียงเป็นเชื้อขุนนางชาวเมืองหัน ขอคำนับพระเจ้าไซฌ้อปาอ๋องฮองเต้ ด้วยเมื่อไต้อ๋องได้ราชสมบัติในเมืองหลวงเมตตาจะชุบเลี้ยง หากตัวข้าพเจ้าเป็นคนโรค จะทำราชการยังมิได้จึงไปรักษาตัว แต่ใจข้าพเจ้าคิดถึงเหมือนได้เฝ้าเช้าเย็นมิได้ขาด บัดนี้พึ่งค่อยคลายขึ้น ฮั่นอ๋องแต่งคนมาว่ากล่าวหลายครั้ง จะให้เป็นขุนนางข้าพเจ้าก็มิยอมไปทำราชการกับฮั่นอ๋อง ถึงจะเอ็นดูให้มาหาสักร้อยครั้งก็ไม่ยินดีด้วยฮั่นอ๋องมีความคิดน้อย การศึกก็ไม่กล้าแข็ง ถึงตีเมืองห้ำเอี๋ยงได้เห็นจะเลี้ยงทแกล้วทหารไว้แต่พอรับศึก ซึ่งจะกลับมาชิงแผ่นดินให้กว้างขวางเหมือนอย่างไต้อ๋อง นั้นหาเป็นไม่ อนึ่งเจ้าเมืองเจ๋เจ้าเมืองเหลียงเมามัวด้วยยศศักดิ์ มีหนังสือมาชวนเจ้าเมืองหันจะให้แข็งเมืองขึ้น ใช้คนมาเชิญข้าพเจ้าหวังจะเอาเป็นที่ปรึกษาในการศึก ข้าพเจ้าคิดถึงพระคุณจึงให้คนถือหนังสือมาคำนับกับต้นหนังสือเจ๋อ๋องเหลียงอ๋องสองฉบับ เพราะเห็นว่าเมืองเจ๋เมืองเหลียงอยู่ใกล้กับไต้อ๋องจะมาตีเมืองตะวันตก สองเมืองจะยกเข้าตีเมืองแพเสียเกลือกจะเสียที ข้าพเจ้าจึงมีหนังสือมาให้ทราบเหมือนสนองคุณไต้อ๋องซึ่งกรุณามาแต่ก่อน พระเจ้าฌ้อปาอ๋องแจ้งความในหนังสือเตียวเหลียงแล้ววางลงไว้ หยิบฉบับหนึ่งขึ้นอ่านได้ความว่า เจ๋อ๋องเหลียงอ๋องขออวยพรคำนับมาถึงหันอ๋อง ด้วยประเพณีแผ่นดินสืบมาผู้ใดมีบุญญาธิการจึงครองเมืองหลวงบำรุงราษฎรได้ แม้นไม่มีวาสนามากจะเกิดวิบัติต่างๆ เหมือนเจ้าเมืองห้ำเอี๋ยง ถึงจะตั้งผู้ใดให้เป็นเจ้าครองเมือง แม้นเดือดร้อนขึ้นเมื่อใดก็ไปหาที่พึ่งดังเล่าปังกับห้างอี๋ รับคำพระเจ้าไผ่อ๋องงี่เต้ว่า ผู้ใดเข้าเมืองได้ให้ครองเมือง เล่าปังเข้าเมืองได้ก่อนราษฎรรู้ทั่วทั้งแผ่นดิน ห้างอี๋มาภายหลังตั้งตัวขึ้นเป็นไซฌ้อปาอ๋องครองเมืองห้ำเอี๋ยง ถอดพวกหัวเมืองทั้งปวงซึ่งเป็นฮองเต้ออกจากยศศักดิ์ ใช้ทหารไปฆ่างี่เต้ซึ่งเป็นเชื้อกษัตริย์แต่ก่อน กับให้เล่าปังไปเป็นฮั่นอ๋องครองเมืองโปต๋ง ทำให้ผิดกับรับสั่ง ฮั่นสินเห็นการลึกซึ้งจึงหนีไปอยู่ด้วยฮั่นอ๋องกลับมาตีเมืองห้ำเอี๋ยง เราจึงว่าแผ่นดินทุกวันนี้ถึงจะมีรี้พลมาก ทำผิดประเพณีกษัตริย์ก็จะต้องจากพระนคร ถึงจะเป็นแต่ชาวบ้านชาวเมือง แม้นสติปัญญากล้าแข็งถึงจะกำจัดกษัตริย์ซึ่งกระทำผิดอย่างธรรมเนียมได้เหมือนเกียงไทก๋งเป็นที่ปรึกษาของพระเจ้าบู๊อ๋อง ซึ่งกำจัดพระเจ้าติวอ๋องนั้น ถ้าฮั่นอ๋องแจ้งหนังสือแล้วก็เร่งออกไปพร้อมกับหัวเมืองทั้งปวงช่วยกำจัดฌ้อปาอ๋อง ถ้าผู้ใดมีอานุภาพควรจะปราบแผ่นดินได้ จึงจะพร้อมใจกันเชิญผู้นั้นเป็นกษัตริย์ พระเจ้าฌ้อปาอ๋องแจ้งความในหนังสือแล้วโกรธเอามือตบโต๊ะลง จึงว่าเมืองเจ๋เมืองเหลียงเราชุบเลี้ยงตั้งให้เป็นเจ้า ทั้งสองคนมันจะหาที่ตาย แล้วตรัสแก่คนถือหนังสือว่า ท่านไปบอกเตียวเหลียงว่าเราขอบคุณยิ่งนัก ผู้ถือหนังสือก็คำนับลากลับไปเมือง

ฝ่ายพระเจ้าฌ้อปาอ๋องจึงสั่งให้เกณฑ์กองทัพ จะไปจับเจ๋อ๋องเหลียงอ๋องมาฆ่าเสียก่อน คิดจะตีเล่าปังกับฮั่นสินต่อภายหลัง ฟัมแจ้งจึงว่า ซึ่งเมืองเจ๋เมืองเหลียงแข็งเมืองก็จริง ครั้นพิเคราะห์ดูหนังสือเตียวเหลียงเล่าเห็นเป็นอุบาย จะให้ยกไปทำสองเมืองก่อน ไม่ให้ไปตีเมืองห้ำเอี๋ยง จะให้ฮั่นอ๋องเกลี้ยกล่อมเมืองเราให้เข้าด้วย รวมเป็นทัพใหญ่ตั้งตัวถนัดแล้วจึงจะยกมา ไต้อ๋องจงมีหนังสือไปกำชับเจ้าเมืองลกเอี๋ยงเมืองเปงเอี๋ยงให้รักษาเมืองไว้อย่าให้เสียแก่ฮั่นอ๋อง ถ้าขัดสนประการใดให้บอกมาจะยกไปช่วยให้ทัน แม้นจะมีคนฮั่นอ๋องมาว่ากล่าวอย่าให้เชื่อ พระเจ้าฌ้อปาอ๋องได้ฟังเห็นด้วย จึงสั่งให้คนถือหนังสือไปแจ้งการทั้งสองเมือง แล้วตรัสกับนายทหารว่า เราจะคอยฟังข่าวฮั่นอ๋อง ถ้ายังไม่ยกมาเราจะยกไปตีเมืองเจ๋เมืองเหลียงเสียก่อนจึงจะยกไปตีเมืองห้ำเอี๋ยง ท่านจงเตรียมกองทัพไว้ให้พร้อม

ฝ่ายเตียวเหลียงครั้นมาถึงเมืองเปงเอี๋ยง จึงบอกนายประตูว่า เราชื่อเตียวเหลียงมาแต่เมืองหัน จะขอเข้าไปชมบุญท่านเจ้าเมือง นายประตูก็เข้าไปแจ้งความแก่งุยป่าว่าเตียวเหลียงจะเข้ามาคำนับ

ฝ่ายงุยป่าจึงปรึกษาขุนนางว่า เตียวเหลียงจะมีประสงค์สิ่งใดจึงมาถึงเมืองเรา กิวซกจึงว่า อันเตียวเหลียงผู้นี้มีสติปัญญามากไม่มีผู้ใดเสมอ ท่านอย่าเพิ่งเชื่อถ้อยคำเห็นจะมาว่ากล่าวให้ไปเข้าด้วยฮั่นอ๋อง ท่านจงตรึกตรองดูก่อน งุยป่าจึงว่า เตียวเหลียงจะเข้ามาหาครั้งนี้กระบี่อยู่กับมือเรา ถ้าจะคิดทำอันตรายคงจะตายก่อนเรา กิวซกจึงว่าพระเจ้าฌ้อปาอ๋องร้ายกาจมือไวยิ่งกว่าท่าน โกรธเตียวเหลียงยังคิดฆ่าไม่ได้ ครั้งนี้เตียวเหลียงก็เป็นแขกมา ถ้าท่านจะคิดฆ่าเห็นจะเป็นเสี้ยนหนามสืบไปไม่บังควร งุยป่าได้ฟังกิวซกว่าจึงสั่งให้ไปรับเตียวเหลียงเข้ามา ครั้นเตียวเหลียงมาถึงงุยป่า งุยป่าจึงถามว่าเราได้ยินข่าวว่าท่านเป็นคนเก่าอยู่ในเมืองฮั่นอ๋อง จะประสงค์สิ่งใดจึงมาหาเรา เตียวเหลียงจึงตอบว่า เมื่อแรกจะไปอยู่ในฮั่นอ๋องนั้นเจ้าเมืองหันให้ยืมไป พอเสร็จการเมืองห้ำเอี๋ยง จะไปเมืองโปต๋ง ข้าพเจ้าก็ลากลับมาอยู่เมืองหัน ครั้นฮั่นอ๋องกลับมาตีเมืองห้ำเอี๋ยงได้ให้มาเชิญ หลายครั้งข้าพเจ้าไม่รักทำราชการ แต่เกรงใจจึงไปเยี่ยมเยือนแล้วลากลับมาเมือง พอได้ยินคำคนสรรเสริญว่าท่านเมตตาแก่ราษฎรดีกว่าหกหัวเมือง ข้าพเจ้ามาครั้งนี้อุปมาดุจคนอันเดินฝ่าแดดเมื่อยามร้อน ตัวเกลือกด้วยเถ้าธุลีมีความอยากน้ำเป็นกำลัง มาถึงท่านดังพบบ่อแลสระได้กินอาบชำระตัวให้สดใส งุยป่าได้ฟังมีความยินดีนัก เชิญเตียวเหลียงให้นั่งที่สูงแล้วจึงว่า ข้าพเจ้าเห็นท่านมีสติปัญญาลึกซึ้งจะขอถาม ด้วยหกหัวเมืองทุกวันนี้กำเริบถือตัวถึงเป็นบ่าวก็ไม่รู้จักนาย ฝ่ายฮั่นอ๋องกับฌ้อปาอ๋อง ก็คิดการจะรบพุ่งกันเป็นศึกใหญ่ ท่านเห็นผู้ใดจะแพ้แลชนะ ใครจะตั้งตัวบำรุงแผ่นดินได้ เตียวเหลียงจึงว่า ไซฌ้อปาอ๋องกับฮั่นอ๋องสองเมืองนี้ก็มีบุญญาธิการ แต่นานไปฮั่นอ๋องจะมีชัยชนะ ด้วยขณะเมื่อฮั่นอ๋องจะเกิดนั้นมารดาฝันว่าเทพยดาขี่มังกรลงมาสังวาส ฮั่นอ๋องเป็นบุตรเทพยดาคนจึงนับถือว่าดังแก้วหาค่ามิได้ แล้วได้ฮั่นสินเป็นแม่ทัพยกมาตีเมืองสามจีนอ๋องแลเมืองห้ำเอี๋ยงได้โดยง่าย ดุจพลิกมือหงายให้คว่ำ ได้เขตแดนถึงห้าสิบหมื่นเส้น จึงเห็นบุญญาธิการพระเจ้าฮั่นอ๋องควรจะปราบเสี้ยนศัตรูในแผ่นดินบำรุงราษฎรเป็นสุขได้ อนึ่งเมื่อข้าพเจ้าอยู่เมืองหันดูดาวในท้องฟ้า เห็นดาวฮั่นอ๋องผ่องใสบริสุทธิ์มีรัศมีถึงห้าอย่าง ดาวบริวารก็ห้อมล้อม พอแจ้งว่าฮั่นอ๋องได้เมืองหลวง ข้าพเจ้าอุตส่าห์เดินทางถึงหมื่นเส้นไปหาฮั่นอ๋อง เห็นเครื่องบรรณาการเจ้าเมืองเจ๋เจ้าเมืองเหลียงแลหัวเมืองใหญ่น้อยส่งไปขอขึ้นเป็นข้าขอบขัณฑสีมา เจ้าเมืองเจ๋เจ้าเมืองเหลียงสองเมืองนี้ก็มีสติปัญญาอยู่ ถ้าไม่รู้ว่าฮั่นอ๋องมีบุญมากกว่าฌ้อปาอ๋อง เมืองใหญ่น้อยที่ไหนจะชวนกันไปขึ้นฮั่นอ๋องเล่า อันฌ้อปาอ๋องถึงจะมีกำลังแลฝีมือ แม้นออกชื่อความชั่วปรากฏทั้งแผ่นดิน ฮั่นสินจึงหนีไป ทแกล้วทหารก็มีความแค้น อันหัวเมืองซึ่งเอาใจออกหากไปอยู่ด้วยฮั่นอ๋องนั้น ก็คิดกันกับทหารพร้อมใจจะยกมาตีฌ้อปาอ๋อง
งุยป่าได้แจ้งจึงว่า ถ้าจริงเหมือนท่านพูดกับเราจะใคร่พึ่งบุญพระเจ้าฮั่นอ๋องแต่ยังไม่มีผู้จะนำไปจึงช้าอยู่ ถ้าท่านเมตตาช่วยพาคนสนิทของเราไปเฝ้าพระเจ้าฮั่นอ๋อง ว่าแล้วก็ยกโต๊ะมาตั้งรินสุราส่งให้เตียวเหลียงเป็นคำนับ เตียวเหลียงจึงรับสุรามากินแล้วว่าท่านก็มีสติปัญญาแต่ข้าพเจ้ากลัวจะเป็นอุบาย ถ้าไม่มีแยบคายพอจะนำไปได้ งุยป่าจึงว่าเราพูดกับท่านทั้งนี้โดยสุจริตมิได้คิดล่อลวงท่าน กิวซกได้ยินจึงว่า ซึ่งเตียวเหลียงจะชวนท่านไปหาฮั่นอ๋อง ณ เมืองห้ำเอี๋ยง แม้นฌ้อปาอ๋องรู้จะยกทัพใหญ่มาใครจะอาสาออกสู้ฌ้อปาอ๋องได้

เตียวเหลียงได้ฟังกิวซกว่าดังนั้นก็หัวเราะด้วยเสียงอันดัง กิวซกจึงถามเตียวเหลียงว่า ท่านหัวเราะด้วยเหตุอันใด เตียวเหลียงจึงว่า ซึ่งเราหัวเราะท่านด้วยไม่เห็นการภายหน้ากลับทัดทานท่าน ผู้มีสติปัญญารู้ความลึกซึ้งอีกเล่า ประการหนึ่งเจียงหำกระทำศึกกับฌ้อปาอ๋องถึงสามปี ต่อเจียงหำเข้าด้วยฌ้อปาอ๋องจึงได้เมืองห้ำเอี๋ยง แล้วเจียงหำได้เป็นยงอ๋องครองเมืองฮุยขิว ฮั่นสินเป็นแม่ทัพมาทำศึกคิดถึงบุญพระเจ้าฮั่นอ๋อง ตัวฮั่นสินก็ฉลาดคิดทดน้ำเวลาเดียวก็มีชัยแก่เจียงหำ ๆ ต้องหนีไปอยู่เมืองทัวหลิมจนเชือดคอตาย ซึ่งท่านไม่เกรงพระเจ้าฮั่นอ๋องนั้นผิด ไม่พิเคราะห์ดูลักษณะเป็นมังกรประจำกาย แล้วได้ฆ่างูใหญ่ ณ เขามังตั๋งเป็นปฐม ราษฎรสรรเสริญว่าบารมีจะสืบเชื้อพระวงศ์ไปถึงร้อยชั่วกษัตริย์ ท่านว่าทั้งนี้เหมือนไม่มีสติปัญญาที่จะหาความชอบใส่ตัว เราจึงอดยิ้มไม่ได้ กิวซกจึงว่า พระเจ้าฌ้อปาอ๋องคนกลัวทั้งแผ่นดิน เมืองใดประมาทฌ้อปาอ๋องเหมือนหนึ่งฮั่นอ๋องบ้างหรือ เตียวเหลียงจึงว่า ฌ้อปาอ๋องมืดมัวด้วยราชสมบัติ กำจัดจูหยินแลเชื้อพระวงศ์ซึ่งหาความผิดมิได้ แต่คนจะร้องไห้รักก็ให้ฆ่าเสียแทบครึ่งเมือง ครั้นเคืองพระเจ้างี่เต้ก็แต่งทหารไปทำอันตรายจนสิ้นพระชนม์ หัวเมืองทั้งปวงจึงโกรธ บัดนี้ฌ้อปาอ๋องจะยกไปตีเมืองเจ๋เมืองเหลียง ถึงเมืองท่านกับเมืองลกเอี๋ยงก็มีโทษ ได้ข่าวว่าจะแต่งกองทัพมาตีด้วย ถ้าผู้ใดดูหมิ่นพระเจ้าฮั่นอ๋องว่าช่วยไม่ได้ นานไปพระเจ้าฮั่นอ๋องจะยกมาเห็นจะเป็นศึกกระหนาบ งุยป่าจึงว่าแก่กิวซกซึ่งเตียวเหลียงบอกเหตุทั้งนี้เพราะมีเมตตาจำจะเอาพระเจ้าฮั่นอ๋องเป็นที่พึ่งคุ้มครองไว้ คิดจะให้ท่านกับเตียวเหลียงคุมเครื่องบรรณาการไปถวายพระเจ้าฮั่นอ๋อง แม้นฌ้อปาอ๋องจะยกมาเราจะรักษาเมืองไว้ คอยท่าทัพพระเจ้าฮั่นอ๋องมาช่วย ถ้าฌ้อปาอ๋องแตกไปจะตามตีให้ถึงเมืองแพเสีย งุยป่าจึงสั่งให้แต่งหนังสือกับเครื่องบรรณาการส่งให้กิวซกไปกับเตียวเหลียง ๆ ก็ลางุยป่าพากิวซกออกจากเมืองเปงเอี๋ยงไปถึงเมืองห้ำเอี๋ยง เตียวเหลียงก็พากิวซกเข้าไปเฝ้าถวายหนังสือกับเครื่องบรรณาการ พระเจ้าฮั่นอ๋องรับหนังสือมาอ่านได้ความว่า ข้าพเจ้างุยป่าเป็นไซงุยอ๋องขอคำนับไต้อ๋องอันเป็นเจ้าเมืองห้ำเอี๋ยง ด้วยข้าพเจ้าได้ยินคำโบราณพูดมาว่า แม่น้ำอันน้อยย่อมไหลลงสู่มหาสมุทรลึกห้วงใหญ่ สัตว์ซึ่งมีปีกต้องอาศัยต้นไม้อันมีคุณ แลไต้อ๋องมีพระทัยโอบอ้อมอารีดังแผ่นดิน ดังต้นไม้อันใหญ่เป็นที่อาศัยแห่งฝูงสัตว์ เจียงหำถือทิฐิมานะไม่อ่อนน้อมก็ต้องคมกระบี่ของตัวตาย หัวเมืองทั้งปวงรู้น้ำพระทัยจึงมาอ่อนน้อมขอขึ้นเป็นอันมาก ตัวข้าพเจ้าเหมือนนกอยู่ในกรงขัง คิดจะแหกกรงออกให้พ้นบินไปพึ่งต้นไม้ใหญ่ จึงให้กิวซกถือหนังสือแลเครื่องบรรณาการมาถวาย หมายจะเป็นเมืองขึ้นให้ใช้ในการสงคราม พระเจ้าฮั่นอ๋องแจ้งในหนังสืองุยป่าแล้วจึงปราศรัยกิวซกว่า เมืองท่านเป็นต้นทางหว่างศึก ถึงฌ้อปาอ๋องจะยกมาประการใด เราไม่ให้เสียแก่ชาวเมืองฌ้อ ตรัสแล้วจึงสั่งให้ยกโต๊ะมาเลี้ยงกิวซก ๆ ได้ฟังรับสั่งมีใจยินดี ก็คำนับลาออกมากินโต๊ะแลสุราเป็นที่สำราญ พระเจ้าฮั่นอ๋องสั่งให้จัดสิ่งของอันมีราคา กับแต่งหนังสือไปให้งุยป่าฉบับหนึ่งส่งให้กิวซก ๆ ก็คำนับลาพระเจ้าฮั่นอ๋องกลับไปเมืองเปงเอี๋ยง ครั้นถึงจึงเข้าไปแจ้งความแล้วส่งหนังสือกับสิ่งของทั้งปวงให้งุยป่า ๆ รับหนังสือมาอ่านได้ความว่า มีรับสั่งพระเจ้าฮั่นอ๋องมาถึงไซงุยอ๋อง ด้วยเดิมเราก็แจ้งว่าท่านเป็นเชื้อวงศ์จิวปีก๋งซึ่งเป็นเอี๋ยนอ๋อง บัดนี้จะช่วยกำจัดฌ้อปาอ๋องซึ่งเป็นเสี้ยนศัตรูในแผ่นดินก็ขอบใจยิ่งนัก ควรที่จะเป็นงุยอ๋องครองเมืองใหญ่สืบวงศ์บำรุงราษฎรสืบไป งุยป่าครั้นแจ้งในหนังสือพระเจ้าฮั่นอ๋อง ประสานมือขึ้นคำนับแล้วให้เจ้าพนักงานรับสิ่งของแลรักษาหนังสือไว้

ฝ่ายเตียวเหลียงเมื่อกิวซกไปแล้ว จึงทูลพระเจ้าฮั่นอ๋องว่า เจ้าเมืองลกเอี๋ยงยังไม่มาคำนับไต้อ๋อง ข้าพเจ้าจะต้องไปพูดจาว่ากล่าว ถ้ามิยอมจะต้องทำอุบาย ขอนายทหารห้วนโก้ยกับกวนหยินไปด้วยจะได้ช่วยคิดราชการ

ฝ่ายพระเจ้าฮั่นอ๋องจึงตรัสว่า ซึ่งท่านจะเอาทหารใดไปก็ตามแต่น้ำใจของท่าน เตียวเหลียงจึงออกมาพูดจาเป็นความลับกับห้วนโก้ยให้คอยเป็นโจรสกัดทาง กวนหยินนั้นให้ซุ่มทัพไว้คอยเข้าเมือง ห้วนโก้ยกับกวนหยินจัดทหารได้กองทัพสามพันรีบยกไปทางเมืองลกเอี๋ยง เตียวเหลียงจึงเข้าไปเฝ้าคำนับพระเจ้าฮั่นอ๋องแล้วรีบไปทางเมืองลกเอี๋ยงได้สองวัน

ฝ่ายฮั่นสินจึงคิดว่าเตียวเหลียงไปครั้งนี้รี้พลก็น้อย เซงเอี๋ยงก็มีสติปัญญาฝีมือก็กล้าแข็ง เล็กแกไปช้านานแล้วซึ่งจะว่าขานเกลี้ยกล่อมเห็นจะไม่ฟังยังจะกลัวฌ้อปาอ๋องอยู่ พิเคราะห์ดูเห็นจะซ้อนกลกลัวเตียวเหลียงจะเสียที จำจะจัดกองทัพไปป้องกัน จึงสั่งตันบูกับจิวพุนให้คุมทหารห้าพันยกตามไป ณ เมืองลกเอี๋ยง

ฝ่ายเตียวเหลียงไปถึงเมืองลกเอี๋ยง จึงบอกนายประตูว่าเราชื่อเตียวเหลียงจะมาคำนับเซงเอี๋ยงเจ้าเมือง

ฝ่ายนายประตูเข้าไปถึงเห็นเซงเอี๋ยงนั่งอยู่กับเล็กแก จึงแจ้งความว่า เตียวเหลียงจะเข้ามาหาท่าน

ฝ่ายเซงเอี๋ยงจึงปรึกษาเล็กแกว่า เตียวเหลียงมาหาเราครั้งนี้เห็นจะมีความสักสิ่งเป็นมั่นคง เล็กแกจึงว่า พระเจ้าฮั่นอ๋องเห็นข้าพเจ้ามาอยู่ช้า จึงใช้เตียวเหลียงมาเห็นว่าจะเกลี้ยกล่อมท่าน แม้นจะยอมเข้าด้วยพระเจ้าฮั่นอ๋องจงฟังคำเตียวเหลียงว่ากล่าว ท่านยังกลัวไซฌ้อปาอ๋องอยู่ ดูทีเตียวเหลียงจะเข้ามาชิงพูดความลับ ท่านจงจับตัวเตียวเหลียงส่งไปเมืองแพเสียก็จะมีความชอบ ด้วยฟัมแจ้งมีใจเจ็บแค้นเตียวเหลียงอยู่ เซงเอี๋ยงจึงว่า ซึ่งพระเจ้าฌ้อปาอ๋องชุบเลี้ยงเราเป็นเจ้า จะเป็นบ่าวฮั่นอ๋องหาควรไม่ เล็กแกจึงว่าถ้าท่านจะจับเตียวเหลียงข้าพเจ้าจะหลบเสียก่อน จึงให้หาเตียวเหลียงมาว่าจะพูดด้วยข้อราชการ จึงให้ทหารจับตัวเตียวเหลียงส่งไปถวายพระเจ้าฌ้อปาอ๋องโดยเร็วอย่าให้ทันทัพฮั่นอ๋องยกมา เล็กแกก็ซ่อนตัว เซงเอี๋ยงจัดแจงทหารไว้แล้วจึงสั่งให้หาตัวเตียวเหลียงเข้ามา ทหารคำนับรับคำแล้วออกไปบอกเตียวเหลียงว่า เซงเอี๋ยงให้เชิญท่านเข้าไป เตียวเหลียงได้ฟังนายประตูก็รู้ว่าเซงเอี๋ยงจะไม่ยอมโดยดี จึงให้เรามาคอยอยู่ช้านานพึ่งให้ออกมาเห็นจะจับเรา ถึงจะเอาไปส่งฌ้อปาอ๋องก็ต้องความคิดซึ่งแต่งมา คิดแล้วก็ค่อยเดินเข้าไปเป็นปกติ

ฝ่ายเซงเอี๋ยงถือกระบี่นั่งอยู่ แลดูเห็นเตียวเหลียงเข้ามาใกล้จึงร้องว่า ฮั่นอ๋องให้ท่านมาเกลี้ยกล่อมเราหรือ พระเจ้าฌ้อปาอ๋องก็มีหนังสือมาถ้าพบท่านแล้วให้จับส่งไป จึงสั่งทหารให้จับเตียวเหลียง ทหารเซงเอี๋ยงก็จับเตียวเหลียงใส่กรงเหล็กขังไว้ เตียวเหลียงมิได้ว่ากล่าวประการใดนั่งยิ้มอยู่ เซงเอี๋ยงจึงสั่งกวยหมีกับทหารร้อยหนึ่งให้คุมตัวเตียวเหลียงไปส่ง ณ เมืองแพเสีย

ฝ่ายกวยหมีก็คำนับลาออกมาจัดทหารได้พร้อมแล้ว หามกรงซึ่งใส่เตียวเหลียงขึ้นเกวียนออกจากเมือง เล็กแกก็เข้าไปว่ากับเซงเอี๋ยงว่า ซึ่งกวยหมีคุมเตียวเหลียงไปถวายพระเจ้าฌ้อปาอ๋องนั้น ถ้าถึงเมืองแพเสียกวยหมีจะไม่รู้ความเดิมเพ็ดทูลไม่ได้ ข้าพเจ้าจะขอไปด้วย ถึงพระเจ้าฌ้อปาอ๋องจะยกไปตีเมืองเจ๋เมืองเหลียง ข้าพเจ้ากับฟัมแจ้งก็ชอบกันจะไปหาพูดจาขอความชอบท่าน เซงเอี๋ยงได้ฟังเห็นชอบด้วยจึงสั่งเล็กแกว่าท่านไปอย่าช้านัก เล็กแกก็คำนับลาเซงเอี๋ยงออกจากเมืองไปตามทาง

ฝ่ายกวยหมีคุมเอาเตียวเหลียงไปทางห้าร้อยเส้น ได้ยินเสียงกลองรบเห็นคนขับม้าออกมา จากเนินเขาเข้าใกล้

ฝ่ายห้วนโก้ยจึงร้องว่า จะคุมคนไปเมืองไหนจงหยุดอยู่ กูจะเอาม้าที่มึงขี่กับเงินทองสิ่งของไว้ก่อนจึงจะปล่อยไป กวยหมีจึงตอบว่า มึงไม่รู้หรือกูชื่อกวยหมีเป็นไต้เจียงทหารใหญ่ เซงเอี๋ยงให้คุมคนโทษไปถวายพระเจ้าฌ้อปาอ๋อง ณ เมืองแพเสีย ตัวไม่กลัวกำลังแลฝีมือเซงเอี๋ยงหรือ จึงยังอาจมากั้นทางไว้ มึงจงหลีกไปให้พ้นทางกูจะไปโดยเร็ว ห้วนโก้ยจึงร้องว่า มึงยกเซงเอี๋ยงว่ามีฝีมือ กูไม่นับถือกับคนเช่นนี้ แต่จะสู้กับเด็กน้อยก็ไม่ได้ ห้วนโก้ยก็ขับม้าเข้าไล่ได้ทีเอาทวนแทงถูกกวยหมีตกม้าตาย บรรดาทหารกวยหมีก็ทิ้งเตียวเหลียงไว้ต่างคนก็หนีไปสิ้น ห้วนโก้ยก็ให้ทลายกรงเหล็ก เชิญเตียวเหลียงออกมาพาทหารไล่พวกกวยหมี พอพบเล็กแกกลางทางก็จับเล็กแกมัดมือมาส่งให้เตียวเหลียงที่ต้นไม้ใหญ่

ฝ่ายเตียวเหลียงจึงถามเล็กแกว่า ตัวท่านไปอยู่กับพระเจ้าฮั่นอ๋องจนได้เมืองห้ำเอี๋ยง ก็ชุบเลี้ยงให้ตัวเป็นขุนนางตามบรรดาศักดิ์ กลับไปเข้าด้วยฌ้อปาอ๋องคนพาลคิดการให้เซงเอี๋ยงจับเราครั้งนี้ ตัวลืมคุณพระเจ้าฮั่นอ๋องเสียแล้วหรือประการใด เล็กแกจึงว่าท่านก็เป็นชาวเมืองหันมีกตัญญูต่อหันอ๋อง ข้าพเจ้าเป็นชาวเมืองลกเอี๋ยงมีกตัญญูต่อเซงเอี๋ยง เหตุใดท่านว่าข้าพเจ้าเป็นสองใจเล่า พระเจ้าฮั่นอ๋องก็มีพระคุณมาหาลืมไม่ เตียวเหลียงจึงว่าท่านไม่ลืมคุณพระเจ้าฮั่นอ๋อง ชอบแต่จะชักชวนเซงเอี๋ยงให้สามิภักดิ์ เพราะตัวไม่จงรักพระเจ้าฮั่นอ๋องเซงเอี๋ยงจึงทำเราได้ถึงเพียงนี้ เล็กแกจึงว่า เมื่อข้าพเจ้าพูดกับเซงเอี๋ยงเป็นความสองข้อ ถ้าเซงเอี๋ยงจะเข้าด้วยพระเจ้าฮั่นอ๋องก็ให้เชื่อถ้อยคำท่าน ถ้าจะรักฌ้อปาอ๋องให้จับท่านไปส่ง ณ เมืองแพเสีย เซงเอี๋ยงบอกว่าฌ้อปาอ๋องได้ตั้งเป็นเจ้าเมืองยังคิดถึงคุณอยู่ ไม่รู้ที่จะเข้าด้วยฮั่นอ๋องได้ข้าพเจ้าก็จนใจอยู่ ครั้นจะขัดเล่ากลัวเซงเอี๋ยงจะโกรธ เมื่อทำโทษท่านนั้นข้าพเจ้าหารู้ไม่ลาไปอยู่บ้าน ห้วนโก้ยจึงร้องตวาดว่ามึงจะใคร่เอาความชอบ จึงยุยงเซงเอี๋ยงให้จับเตียวเหลียงแล้วกลับแก้ว่าไม่รู้ กูจะจับมึงไปถวายพระเจ้าฮั่นอ๋อง ณ เมืองห้ำเอี๋ยง จึงให้ทหารไปมัดเล็กแกไว้

ฝ่ายทหารกวยหมีซึ่งแตกหนีเข้าไปเมือง จึงแจ้งความแก่เซงเอี๋ยงว่าโจรคุมพวกมาฆ่ากวยหมีเสียแล้วจับเล็กแกได้ เตียวเหลียงก็หนีไปพวกข้าพเจ้าตามหาก็ไม่พบตัว เซงเอี๋ยงได้ฟังก็โกรธขึ้นม้าพาทหารพันหนึ่งไปตามทางไม่พบโจร พอค่ำลงจึงกลับมาเดินทางน้อยเห็นแสงไฟสว่างทั้งป่าก็รอม้าอยู่

ฝ่ายห้วนโก้ยขับม้ามาเงื้อทวนจะแทงเซงเอี๋ยง ๆ ครั้นเห็นก็ตกใจชักม้าหนี

ฝ่ายทหารห้วนโก้ยเอาเชือกขึงกันทางไว้ เซงเอี๋ยงขับม้าไปพานเชือกเข้าล้มลงทหารทั้งปวงก็เข้าจับเซงเอี๋ยงได้มัดพาตัวไปหาเตียวเหลียงในค่าย

ฝ่ายเตียวเหลียงเห็นห้วนโก้ยมัดเซงเอี๋ยงมา ก็ลุกออกไปแก้มัดเซงเอี๋ยงเชิญขึ้นนั่งที่เสมอกัน แล้วจึงว่าพระเจ้าฮั่นอ๋องเห็นว่าท่านมีสติปัญญาจึงให้มาหาท่าน จะคิดการกำจัดฌ้อปาอ๋อง ท่านไม่คิดภายหน้าว่าพระเจ้าฮั่นอ๋องจะครองอาณาเขตได้ โทษท่านผิด แต่คิดถึงความชอบท่านซึ่งให้เล็กแกไปด้วยช่วยราชการจนเสร็จศึก แม้นท่านกลับใจสามิภักดิ์ต่อพระเจ้าฮั่นอ๋องก็จะได้ครองเมืองอยู่เหมือนแต่ก่อน ราษฎรก็จะเป็นสุข เซงเอี๋ยงจึงตอบว่าท่านเมตตาข้าพเจ้าครั้งนี้คุณหาที่สุดมิได้ ท่านเห็นประการใดดีข้าพเจ้าก็จะทำตามท่าน

ฝ่ายกวนหยินเมื่อเซงเอี๋ยงออกจากเมืองไปรบโจร เห็นได้ทีก็พาทหารเข้าเมืองได้ให้ทหารรักษาหน้าที่ไว้เป็นสามารถ คนซึ่งอยู่ในเมืองลกเอี๋ยงก็แตกตื่นร้องอื้ออึงออกมาว่าเมืองลกเอี๋ยงเสียแก่ข้าศึกแล้ว ห้วนโก้ยจึงบอกเล็กแกว่าซึ่งเสียเมืองนั้นเพราะเตียวเหลียงให้กวนหยินคุมทหารไปคอยเข้าเมือง เล็กแกอยู่ในค่ายจึงออกมาว่าแก่เซงเอี๋ยงซึ่งเตียวเหลียงเอ็นดูท่านว่ากล่าวทั้งนี้หวังจะให้มีความชอบไปภายหน้า ทั้งพระเจ้าฮั่นอ๋องก็มีบุญญาธิการได้คนมีสติปัญญาไว้ใช้มาก คิดการสิ่งใดก็ได้โดยสะดวก ถ้าท่านอ่อนน้อมต่อพระเจ้าฮั่นอ๋องแล้ว ท่านก็ได้เป็นเจ้าเมืองลกเอี๋ยงดังเก่า บ้านเมืองก็อยู่เย็นเป็นสุข ท่านจงคิดผ่อนหาความชอบใส่ตัว เซงเอี๋ยงจึงตอบว่าครั้งนี้ชีวิตเราตกอยู่ในเงื้อมมือเตียวเหลียง เตียวเหลียงมีใจกรุณามิได้ฆ่าเสียทั้งนี้ก็เป็นบุญนัก เราจะยอมทำราชการด้วยพระเจ้าฮั่นอ๋อง เซงเอี๋ยงพูดกับเล็กแกแล้วจึงว่าแก่เตียวเหลียง ซึ่งห้วนโก้ยจับได้ตัวข้าพเจ้ามาส่งให้แก่ท่านมิได้มีใจพยาบาท ยังนับถือยำเกรงข้าพเจ้าให้นั่งที่สูงกว่าท่าน แล้วมีใจกรุณาจะให้ข้าพเจ้าไปอยู่ด้วยพระเจ้าฮั่นอ๋อง ทั้งนี้ขอบคุณท่านหาที่สุดมิได้ ข้าพเจ้าขอเอาท่านเป็นที่พึ่งทำราชการด้วยพระเจ้าฮั่นอ๋องสืบไป เชิญท่านเข้าเมืองลกเอี๋ยงก่อน ข้าพเจ้ากับเล็กแกจะได้จัดแจงสิ่งของเครื่องบรรณาการให้ท่านพาไปคำนับพระเจ้าฮั่นอ๋อง เตียวเหลียงเห็นชอบด้วย ครั้นเวลารุ่งเช้าก็ยกเข้ามาถึงเชิงกำแพงเมือง

ฝ่ายกวนหยินขึ้นบนเชิงเทินคอยเตียวเหลียงอยู่ พอเห็นเตียวเหลียงยกมาจึงร้องบอกว่า ข้าพเจ้าจัดแจงเมืองลกเอี๋ยงสำเร็จแต่เวลาคืนนี้แล้ว เชิญท่านเข้ามาในเมืองเร่งคิดการต่อไป

เซงเอี๋ยงเห็นกวนหยินอยู่บนเชิงเทินร้องบอกความดังนั้น ก็รู้ว่าเตียวเหลียงแต่งกองทัพซุ่มไว้ให้วกหลังเข้าเมืองได้แล้วยิ่งมีใจสะทกสะท้าน ศีรษะชมสติปัญญาเตียวเหลียงว่าคิดการกลศึกครั้งนี้ดุจหนึ่งความคิดเทพยดาหาผู้เสมอมิได้ เซงเอี๋ยงก็พาเตียวเหลียงเข้าเมืองลกเอี๋ยงทางประตูทิศใต้ กวนหยินลงจากเชิงเทินมาคำนับเตียวเหลียงแล้วพากันไปถึงประตูที่อยู่เซงเอี๋ยง ๆ จะขอเข้าไป กวนหยินจึงห้ามว่าซึ่งท่านจะยอมเข้าด้วยพระเจ้าฮั่นอ๋องนั่น เกรงเกลือกใจจะไม่เหมือนกับวาจา เราไม่เห็นความจริงจะให้เข้าไปยังมิได้ เซงเอี๋ยงจึงว่าเราก็เป็นชาติชายมีสัตย์ คิดทำราชการเอาความชอบมิได้เจรจากลับกลอกเป็นคำสอง ซึ่งท่านยังรังเกียจสงสัยอยู่ดังนี้เราจะตั้งความสัตย์ให้แก่ท่าน เซงเอี๋ยงจึงหยิบเกาทัณฑ์มาหักออกเป็นสองท่อนแล้วสาบานว่า ถ้าข้าพเจ้าไม่ชื่อสัตย์สุจริตจะคิดประทุษร้ายต่อพระเจ้าฮั่นอ๋อง อยู่ไปภายหน้าขอให้อาวุธต้องกายข้าพเจ้าถึงสิ้นชีวิต ซึ่งลูกเกาทัณฑ์หักออกเป็นสองท่อนจะคืนติดกันมิได้นั้น เปรียบดังตัวข้าพเจ้ากับฌ้อปาอ๋องขาดจากกันแต่วันนี้ไป ข้าพเจ้าจะตั้งใจทำราชการด้วยพระเจ้าฮั่นอ๋องโดยสุจริต

ฝ่ายกวนหยินได้ฟังเซงเอี๋ยงตั้งความสัตย์ดังนั้นก็สิ้นสงสัย พอทหารเข้ามาบอกเตียวเหลียงว่า กองทัพจิวพุนกับตันบูยกตามมาตั้งค่ายเชิงกำแพงนอกเมืองจะเข้ามาหาท่าน เตียวเหลียงครั้นแจ้งจึงให้ออกไปรับจิวพุนตันบูเข้ามา แล้วถามว่าท่านยกทัพตามเรามาไยเล่า จิวพุนตันบูจึงบอกว่าเมื่อท่านออกจากเมืองได้สองวันฮั่นสินมิไว้ใจจึงให้ข้าพเจ้ายกตามมา แล้วให้คนเร็วม้าใช้มาสืบข่าวอยู่เนืองๆ เมื่อข้าพเจ้ายกมาถึงด่านทองก๋วนรู้ข่าวว่าท่านคิดการคืนหนึ่งกับครึ่งวันได้เมืองลกเอี๋ยง ข้าพเจ้ามีความยินดีชมสติปัญญาท่าน แล้วได้แต่งหนังสือให้ผู้ที่มาสืบกลับไปแจ้งความกับฮั่นสิน

ฝ่ายเซงเอี๋ยงจึงให้แต่งโต๊ะเลี้ยงขุนนางพร้อมกัน แล้วจึงปรึกษากับเล็กแกจัดแจงสิ่งของเครื่องบรรณาการที่ดีมีราคาสำหรับคำนับพระเจ้าฮั่นอ๋องไว้เป็นอันมาก ครั้นรุ่งเช้า เตียวเหลียงก็พาเซงเอี๋ยงกับเล็กแกแลทหารทั้งปวงยกทัพกลับมาถึงเมืองห้ำเอี๋ยง เตียวเหลียงจึงพาเซงเอี๋ยงกับเล็กแกเข้าไปในวัง ให้นั่งอยู่แต่ชั้นนอกก่อน เตียวเหลียงกับนายทหารทั้งปวงก็เข้าไปเฝ้าพระเจ้าฮั่นอ๋อง แล้วทูลความตามเรื่องที่คิดอุบายได้เมืองลกเอี๋ยงทุกประการ

พระเจ้าฮั่นอ๋องมีความยินดีนัก จึงสรรเสริญเตียวเหลียงว่าท่านทำการครั้งนี้องอาจไม่เสียดายชีวิต คิดเอาการได้หลายอย่าง อันจะหาผู้มีสติปัญญาเหมือนดังท่านนี้ยากนัก การซึ่งจะรักษาแผ่นดินให้เป็นสุขจะได้สำเร็จก็เพราะท่าน ครั้นแล้วสั่งให้หาเซงเอี๋ยงกับเล็กแกเข้ามา ณ ที่เฝ้า จึงตรัสว่าซึ่งท่านได้ครองเมืองลกเอี๋ยงชื่อก็ปรากฏมาช้านาน อันเมืองท่านเคยขึ้นกับเมืองห้ำเอี๋ยงมาแต่ก่อน บัดนี้เราได้เป็นเจ้าเมืองห้ำเอี๋ยงแล้ว จึงให้เตียวเหลียงไปเชิญมาหวังจะปรึกษาด้วยการทำนุบำรุงแผ่นดินให้อาณาประชาราษฏร์อยู่เย็นเป็นสุข ท่านกลับจับตัวเตียวเหลียงใส่กรงเหล็กจะส่งไปให้ฌ้อปาอ๋อง ณ เมืองแพเสียนั้น หากว่าเตียวเหลียงมีสติปัญญาคิดกลอุบายแก้ตัวจึงได้ท่านกับเล็กแกมาถึงเรา แต่ทว่าท่านกลับใจสาบานแล้วเราก็จะเชื่อความสัตย์ มิได้มีใจพยาบาทสืบไป เซงเอี๋ยงจึงทูลว่าพระองค์นี้บุญญาธิการปกแผ่ไปแก่หัวเมืองทั้งปวง ๆ ก็เกรงกลัว ทั้งทหารก็มีฝีมือแลความคิดมาก ควรที่จะรักษาแผ่นดินให้เป็นสุข ข้าพเจ้าคิดกระทำความให้ขัดเคืองนั้นโทษข้าพเจ้าถึงตาย ซึ่งทรงพระเมตตางดโทษไว้ครั้งนี้พระคุณหาที่สุดมิได้ ข้าพเจ้าจะขอทำราชการสนองพระเดชพระคุณไปกว่าจะสิ้นชีวิต พระเจ้าฮั่นอ๋องจึงแลดูเล็กแก ๆ หน้าซีดสลดลง จึงตรัสเอาใจว่าเราใช้ให้ไปหาเซงเอี๋ยงเหตุใดจึงไม่กลับมาแจ้งความ จนต้องให้เตียวเหลียงไปตามจึงได้ตัวมาทั้งนี้ท่านมีความผิด แตเราคิดเมตตาท่านอยู่จะยกโทษไว้ครั้งหนึ่ง ท่านอย่าเสียใจเลย เล็กแกได้ฟังดังนั้นค่อยมีนํ้าใจชื่นขึ้น จึงทูลว่าซึ่งข้าพเจ้าเป็นขุนนางในตำแหน่งมียศฐาศักดิ์เป็นอันมาก ข้าพเจ้ามีความอกตัญญู คิดเอาใจออกหากไปอยู่ด้วยเซงเอี๋ยง ทำราชการในฌ้อปาอ๋องโทษข้าพเจ้าถึงสิ้นชีวิต ซึ่งโปรดทั้งนี้พระคุณหาที่สุดมิได้ พระเจ้าฮั่นอ๋องจึงสั่งให้แต่งโต๊ะเลี้ยงเซงเอี๋ยงเล็กแกแลขุนนางนายทัพนายกองทั้งปวงเสร็จแล้ว จึงตรัสสั่งให้เซงเอี๋ยงเป็นที่เจ้าเมืองลกเอี๋ยงดังเก่า ให้ฮั่นสินเอาตัวเล็กแกไว้ใช้

ฝ่ายเซงเอี๋ยงมีความยินดีนัก ก็คำนับลาพระเจ้าฮั่นอ๋องไปครองเมืองลกเอี๋ยง อยู่วันหนึ่ง ฮั่นสินเข้าไปเตรียมเฝ้า จึงปรึกษาขุนนางทั้งปวงว่าเมืองเปงเอี๋ยงกับเมืองลกเอี๋ยงก็ราบคาบเป็นปกติอยู่แล้ว พระเจ้าฮั่นอ๋องคิดการจะยกไปตีเมืองแพเสียกำจัดฌ้อปาอ๋องแต่วิตกด้วยไทก๋งซึ่งตกอยู่ในเมืองไภก้วนแดนเมืองแพเสียนั้นผู้ใดจะอาสาไปรับมาได้บ้าง อ๋องหลินได้ฟังจึงว่าซึ่งพระเจ้าฮั่นอ๋องวิตกถึงบิดานั้น ข้าพเจ้าจะรับอาสาแปลงเป็นพ่อค้าไปรับมาถวาย ครั้นจะมีกองทัพไปเกลือกฌ้อปาอ๋องรู้จะแต่งทหารมาช่วงชิงเกลือกจะเสียการ ซึ่งจะไปครั้งนี้หมายจะไปอาศัยเพื่อนข้าพเจ้าชื่อจิวกิดจิวลี มีทหารพวกพ้องหมื่นเศษตั้งอยู่ ณ บ้านลำเอี๋ยงตามทางจะไปเมืองไภก้วน จะชวนจิวกิดจิวลีไปด้วย แต่เกรงเกลือกจะมีกองทัพมาช่วงชิง ขอจงแต่งทหารไปรับข้าพเจ้ากลางทาง ฮั่นสินเห็นชอบด้วย ครั้นพระเจ้าฮั่นอ๋องออกขุนนางก็พากันเข้าไปเฝ้า จึงทูลความที่อ๋องหลินรับอาสา พระเจ้าฮั่นอ๋องมีความยินดีนัก จึงตรัสว่าถ้าท่านไปรับบิดาเราได้เราจึงจะสิ้นความทุกข์ ถึงจะยกไปตีเมืองแพเสียก็จะคิดกระทำได้โดยสะดวก พระเจ้าฮั่นอ๋องจึงแต่งหนังสือฉบับหนึ่งถึงไทก๋ง ส่งให้อ๋องหลิน ๆ รับหนังสือทูลลาออกมาแต่งเสบียงอาหารกับบ่าวห้าคนออกจากเมืองห้ำเอี๋ยง ไปถึงบ้านลำเอี๋ยง เข้าหาจิวกิดจิวลีปรึกษาพร้อมใจกันแล้ว ก็จัดทหารสามพันให้ล่วงหน้าไปตั้งกองคอยรับอยู่ที่เปลี่ยวต้นทางน้อยจะมาแต่เมืองแพเสีย ส่วนสามนายกับลูกหาบห้าคนแต่งตัวนุ่งห่มเป็นพ่อค้าไป

แชร์ชวนกันอ่าน

แจ้งคำสะกดผิดและข้อผิดพลาด หรือคำแนะนำต่างๆ ได้ ที่นี่ค่ะ