๔๙

ฝ่ายพระเจ้าฮั่นอ๋องตั้งอยู่ ณ เมืองเซงโก๋ จึงปรึกษาเตียวเหลียงตันแผงว่า เราให้หาฮั่นสิน หยินโป้แพอวดนานแล้วยังไม่มาถึง ฌ้อปาอ๋องมาตีเราต้องหนีจากเมืองกุเหลงมาอยู่เมืองเซงโก๋ ฌ้อปาท่องก็ตามมาหากว่าขัดเสบียงจึงถอยทัพ แม้นฌ้อปาอ๋องยกมาอีกจะคิดประการใด เตียวเหลียงจึงทูลว่าฮั่นสินหยินโป้แพอวดสามคนนี้ความชอบมาก ถึงไต้อ๋องตั้งฮั่นสินเป็นเจ๋อ๋องแต่ยังมิได้มอบอาณาเขตให้ ใจฮั่นสินเห็นจะรักเป็นผู้ใหญ่ครองเมืองเจ๋แต่ผู้เดียว ด้วยเมืองเจ๋นั้นมีเมืองใหญ่ถึงสามเมือง เมืองขึ้นก็มาก ผู้คนยังไม่ราบคาบจึงไม่มา ถ้าตั้งให้ฮั่นสินเป็นสำเจ๋อ๋องต้องกับในใจจะมาช่วยไต้อ๋อง หยินโป้เล่าก็เป็นคนของฌ้อปาอ๋อง ได้ครองเมืองกิ๋วกั๋งมีเมืองขึ้นสิบห้าเมือง มาอยู่กับไต้อ๋องก็ยังมิได้ให้อนุญาต แพอวดนั้นเมื่อไต้อ๋องไปตีเมืองแพเสีย เขาก็สามิภักดิ์มาทำราชการ ถึงจะตีตัดเสบียงอาหารก็ได้แพอวดผู้เดียว ไต้อ๋องยังมิได้ปูนบำเหน็จมอบเมืองไตเหลียง แลเมืองขึ้นให้ ใจคนสามคนนี้รักอิสริยยศ ขอไต้อ๋องจงแต่งตราตั้งมอบเมืองให้สิทธิ์ขาดแล้วเห็นจะมาโดยเร็ว

พระเจ้าฮั่นอ๋องได้ฟังเห็นชอบ จึงตรัสว่าผู้อื่นจะไปเห็นจะเสียการ ท่านจงแต่งหนังสือไปพูดจาว่ากล่าวจึงจะสมคิด เตียวเหลียงคำนับลามาแต่งหนังสือแล้วก็รีบไป ครั้นถึงเมืองเจ๋เข้าไปหาฮั่นสิน ๆ ครั้นเห็นเตียวเหลียงแต่ไกล ก็ออกมาต้อนรับคำนับกันตามธรรมเนียม แล้วพากันเข้าไปเชิญให้นั่งที่เสมอกัน เตียวเหลียงจึงว่าท่านเป็นเจ้าเมืองมีเมืองขึ้นถึงเจ็ดสิบสองเมือง ข้าพเจ้าจะนั่งเสมอท่านนั้นไม่สมควร ฮั่นสินหัวเราะแล้วตอบว่า ข้าพเจ้าได้ดีทั้งนี้เพราะท่านช่วยทำนุบำรุง มิใช่ว่าข้าพเจ้าได้ดีแล้วจะลืมคุณท่านเสีย ท่านมีคุณแก่ข้าพเจ้าเป็นที่สุด ชอบแต่จะนั่งต่ำกว่าท่านอีก ถ้าเป็นผู้อื่นข้าพเจ้าจะต้องทำตามยศฐาศักดิ์ เตียวเหลียงก็หยิบหนังสือตราตั้งออกส่งให้ฮั่นสิน ๆ คุกเข่าคำนับรับหนังสือมาอ่านได้ความว่า มีรับสั่งพระเจ้าฮั่นอ๋องครองเมืองหลวง ว่าฮั่นสินเป็นแม่ทัพบังคับทหารหลายสิบหมื่น ไปตีเมืองใหญ่น้อยได้หลายร้อยเมือง ถึงฌ้อปาอ๋องก็ต้องกลเสียทีฮั่นสินหลายครั้ง ตั้งแต่ทำศึกมามีความชอบยิ่งกว่านายทหารทั้งปวง เมืองเจ๋นั้นแต่ก่อนตั้งเจ้าเมือง ใหญ่สามเมือง บัดนี้ให้ฮั่นสินเป็นสำเจ๋อ๋องครองเมืองใหญ่สามเมืองแต่ผู้เดียวให้อาณาเขตสิทธิ์ขาด ราษฏรบรรดาหัวเมืองขึ้นทั้งเจ็ดสิบสองเมือง ให้อยู่ในอำนาจสำเจ๋อ๋องจะได้รักษาแผ่นดินสืบไป ครั้นอ่านหนังสือแล้วผันหน้าไปตามทิศซึ่งพระเจ้าฮั่นอ๋องอยู่ คุกเข่าลงคำนับแล้วเชิญหนังสือขึ้นวางไว้บนที่สมควร จึงสั่งให้ยกโต๊ะมาตั้งเชิญเตียวเหลียงกินร่วมกัน

เตียวเหลียงจึงว่าบัดนี้ฌ้อปาอ๋องยกมาตีเมืองเซงโก๋ พระเจ้าฮั่นอ๋องให้เตียวชิงจังถูไปตัดลำเลียง เผาเสบียงอาหารเสียสิ้น ฌ้อปาอ๋องถอยทัพไป ข้าพเจ้าเห็นว่ากำลังทหารฌ้อปาอ๋องน้อยลงคงจะเสียเมือง พระเจ้าฮั่นอ๋องตั้งพระทัยคอยกองทัพท่านกับแพอวดอยู่ ถ้าไปพร้อมแล้วจะได้ปรึกษาไปตีเมืองแพเสียให้เสร็จศึกแต่ครั้งเดียว ท่านก็เป็นคนมีสติปัญญาอยู่ ทำไมจึงให้มีพระอาทิตย์ส่องโลกอยู่สองดวง ถึงเป็นสำเจ๋อ๋องครองเมืองใหญ่ที่ไหนจะเป็นสุข เจ๋อ๋องฮั่นสินได้ฟังจึงว่าข้าพเจ้าทำศึกกับฌ้อปาอ๋องครั้งกองบู๊ก็รู้ว่าสมคิด แต่หากพระเจ้าฮั่นอ๋องมีความวิตกด้วยพระบิดากับนางหงวนฮองเฮา จึงต้องทำเป็นไมตรีกับฌ้อปาอ๋อง ข้าพเจ้าก็ไม่รู้ที่จะทัดทาน บัดนี้ได้ฟังท่านมาว่าพระเจ้าฮั่นอ๋องกลับจะทำศึกก็สมที่นึกไว้ หมายจะให้พระเจ้าฮั่นอ๋องเป็นกษัตริย์แต่พระองค์เดียว เตียวเหลียงได้ฟังฮั่นสินว่าต้องใจ ก็ลุกขึ้นคำนับจึงว่าท่านทูลนี้เหมือนช่วยธุระของ ราษฎรให้เป็นสุข ควรที่เป็นสำเจ๋อ๋องครองเมืองใหญ่ ท่านจงเร่งไปเฝ้าพระเจ้าฮั่นอ๋อง ข้าพเจ้าจะลาท่านไปหาหยินโป้แพอวด ให้ยกทัพไปพร้อมกัน ณ เมืองเซงโก๋ ฮั่นสินจึงว่าท่านจงรีบไปเมืองกิ๋วกั๋ง เมืองไตเหลียงก่อนเถิด ข้าพเจ้าจะจัดแจงกองทัพพร้อมแล้วจึงจะยกไปให้ทันท่าน เตียวเหลียงก็ลาสำเจ๋อ๋องฮั่นสินไป ณ เมืองกิ๋วกั๋ง ครั้นถึงจึงเข้าไปหาหยินโป้ ๆ เห็นแต่ไกลก็ออกมาต้อนรับ คำนับเชิญให้นั่งที่สมควร เตียวเหลียงจึงว่าพระเจ้าฮั่นอ๋องตรัสว่า ท่านสมัครมาทำราชการโดยสุจริต ตัวท่านก็มีสติปัญญาแลฝีมือ จะช่วยกำจัดศัตรูในแผ่นดินได้ จึงให้ข้าพเจ้านำหนังสือมาตั้งท่านเป็นใหญ่แล้วเชิญหนังสือตราตั้งขึ้นวางไว้บนโต๊ะ หยินโป้คุกเข่าลงคำนับตรารับสั่งพระเจ้าฮั่นอ๋อง เตียวเหลียงฉีกผนึกออกอ่านในหนังสือนั้นว่า พระเจ้าฮั่นอ๋องครองเมืองหลวงมีรับสั่งว่าหยินโป้ สามิภักดิ์มาอยู่ด้วยช่วยราชการครั้งทัพรถ ณ เมืองเอ๊กเอี๋ยง ฝีมือหยินโป้แหลมกว่าทหารทั้งปวง ควรที่จะครองเมืองใหญ่ได้ แต่วิตกด้วยเดิมอยู่กับฌ้อปาอ๋องได้ครองเมืองกิ๋วกั๋งมีเมืองขึ้นสี่สิบห้าเมือง แต่อยู่ในแดนเมืองฌ้อ กลัวหัวเมืองทั้งปวงจะไม่ราบคาบ บัดนี้ฌ้อปาอ๋องถอยกำลังลงแล้ว คงจะอยู่แต่ฝ่ายตะวันออกเมืองแพเสีย เราได้หัวเมืองขึ้นไว้ถึงแปดส่วน แลซึ่งหยินโป้ครองเมืองกิ๋วกั๋ง ยังหาสมกับความชอบซึ่งมีใจสามิภักดิ์ต่อเราไม่ เห็นว่าเมืองห้วยหลำเป็นเมืองใหญ่กว่าเมืองกิ๋วกั๋ง จึงให้เตียวเหลียงนำตรามาตั้งหยินโป้เป็นห้วยหลำอ๋องครองอาณาเขต บังคับบัญชาตลอดลงไปแต่เมืองกิ๋วกั๋งจนสุดแดนทิศใต้ ประชานราษฎร์จะอยู่เย็นเป็นสุข หยินโป้ได้แจ้งมีความยินดีนัก ผินหน้ามาข้างเมืองเซงโก๋คุกเข่าลงคำนับพระเจ้าฮั่นอ๋อง แล้วว่ากับเตียวเหลียงว่าพระเจ้าฮั่นอ๋องชุบเลี้ยงครั้งนี้พระคุณหาที่สุดไม่ ข้าพเจ้านึกไว้หมายจะตีเอาเมืองแพเสียถวายพระเจ้าฮั่นอ๋องให้จงได้ แล้วให้เจ้าพนักงานยกโต๊ะมาตั้งเชิญเตียวเหลียงเสพสุรา เตียวเหลียงจึงว่าเมื่อท่านมาแล้วอยู่ภายหลัง ฌ้อปาอ๋องกลับมากระทำศึกล้อมเมืองเซงโก๋อยู่สามวัน กลัวกองทัพท่านจะไปตีกระหนาบถอยเลิกไปเอง บัดนี้ข้าพเจ้าเกรงอยู่ว่าฌ้อปาอ๋องยังไม่ตาย ถึงท่านจะได้สมบัติประการใดก็ยังหามีความสุขไม่ คิดจะให้ท่านไปช่วยพระเจ้าฮั่นอ๋องกำจัดฌ้อปาอ๋องเสีย จะได้มีความสบายถ้วนหน้า ข้าพเจ้าจะลาไป หยินโป้จึงว่าข้าพเจ้าจะจัดแจงกองทัพพร้อมแล้ว จึงจะไปเฝ้าพระเจ้าฮั่นอ๋องโดยเร็ว

ฝ่ายเตียวเหลียงก็ลาหยินโป้ ครั้นถึงเมืองไตเหลียงก็เข้าไปหาแพอวด ขณะนั้นพอแพอวดมานั่งพูดกับนายทหาร เห็นเตียวเหลียงมา ก็ลุกออกไปต้อนรับคำนับเชิญพาเตียวเหลียงเข้าไปนั่งที่สมควร เตียวเหลียงก็ส่งตราให้ แพอวดคำนับรับตราตั้งมาอ่านได้ความว่า พระเจ้าฮั่นอ๋องครองเมืองหลวงมีพระทัยคิดถึงแพอวดว่ามีน้ำใจสามิภักดิ์โดยสุจริต แต่เสียทัพครั้งแม่น้ำโปจุยยังอุตส่าห์มาทำราชการ สู้เอาตัวเข้าฝ่าลูกเกาทัณฑ์หลายครั้ง แต่ตัดลำเลียงเผาเสบียงอาหารฌ้อปาอ๋องก็หลายหน บัดนี้ฌ้อปาอ๋องมีเมืองขึ้นก็น้อยถอยกำลังลง เราได้เมืองขึ้นไว้ถึงแปดส่วนควรที่จะให้แพอวดเป็นเจ้าเมือง จึงมีตราตั้งให้แพอวดเป็นไตเหลียงอ๋องครองเมืองไตเหลียง มอบเมืองขึ้นให้ห้าสิบหัวเมือง ให้ไตเหลียงอ๋องบังคับบัญชาสิทธิ์ขาด จะได้บำรุงราษฎรให้เป็นสุข

แพอวดได้แจ้งมีความยินดีนัก ผินหน้าไปข้างเมืองเซงโก๋คุกเข่าลงคำนับพระเจ้าฮั่นอ๋องแล้ว ให้ยกโต๊ะมาตั้ง ไตเหลียงอ๋องจึงรินสุราส่งให้เตียวเหลียงเป็นคำนับ เตียวเหลียงรับจอกสุรากินแล้วจึงว่า แดนเมืองท่านใกล้เมืองฌ้อ ถ้าฌ้อปาอ๋องยังไม่ตายท่านจะเอาความสุขมาแต่ไหน บัดนี้พระเจ้า ฮั่นอ๋องให้หาหัวเมืองมาพร้อม จะไปตีเมืองแพเสียให้สำเร็จศึกแต่ในครั้งเดียว ไพร่ฟ้าข้าแผ่นดินจะได้อยู่เย็นเป็นปกติ ซึ่งพระเจ้าฮั่นอ๋องใช้ข้าพเจ้าเชิญตราตั้งมาทั้งนี้ด้วยเห็นว่าท่านเป็นเมืองใหญ่ ครั้นจะให้ผู้อื่นมาก็ไม่สมควร ไตเหลียงอ๋องจึงว่าพระเจ้าฮั่นอ๋องก็มีพระคุณเป็นอันมาก ซึ่งจะยกไปกำจัดฌ้อปาอ๋องนั้นข้าพเจ้าก็จะยกไปทำศึกฉลองพระคุณให้ถึงขนาด ท่านเล่าก็มีความกรุณาแก่ข้าพเจ้านัก ได้มาถึงเมืองแล้วเชิญอยู่ด้วยข้าพเจ้าคืนหนึ่งจึงค่อยไป เตียวเหลียงจึงว่า ครั้นจะอยู่ช้านัก พระเจ้าฮั่นอ๋องจะคอยท่า จำจะไปเฝ้าก่อน ว่าแล้วก็ออกจากประตูเมืองไป

ฝ่ายกวยถองซึ่งเป็นบ้าอยู่เมืองเจ๋นั้น ครั้นเตียวเหลียงไปแล้วก็เข้าไปหาฮั่นสินคุกเข่าลง คำนับถอยออกมายืนอยู่ ฮั่นสินครั้นเห็นจึงเรียกเข้าไปนั่งใกล้แล้วถามว่า ครั้งก่อนท่านกลัวพระเจ้าฮั่นอ๋องอยู่หรือ จึงไม่ไปกับเรา เรากลับมาอยู่เมืองเจ๋ก็ช้านาน ท่านไปเที่ยวอยู่ข้างไหนจึงไม่เห็นมาบ้าง ซึ่งท่านมาวันนี้มีธุระประการใดหรือ กวยถองจึงว่าท่านมีคุณต่อข้าพเจ้า ๆ มีนํ้าใจรักจึงมาหา ด้วยเห็นว่าท่านเคลิ้มสติจะหลงยกทัพไปเสียแรง ท่านมีปัญญาเชี่ยวชาญในการศึก เป็นแม่ทัพคุมทหารหลายสิบหมื่นไปตีหัวเมืองน้อยใหญ่ได้ ครั้งนี้มาดูหมิ่นประมาทไม่รู้จักความตายจะมาถึงตัว อุปมาเหมือนชายหนุ่มมีจักษุอันบริสุทธิ์แลดูได้แตที่ไกล ครั้นผงมาติดตาของตัวดูหาเห็นไม่ ต่อเมื่อได้ส่องกระจกจึงจะเห็น ข้าพเจ้ามาทั้งนี้หมายจะเตือนสติให้ท่านพิเคราะห์ดูเหตุในตัว ฮั่นสินจึงว่าทำไมท่านจึงพูดดังนี้ กวยถองจึงว่าได้ยินข่าวฮั่นอ๋องตั้งอยู่เมืองกุเหลง ฌ้อปาอ๋องมาตี ฮั่นอ๋องหนีมาอยู่เมืองเซงโก๋ ฌ้อปาอ๋องก็ตามมาล้อม ชะรอยฌ้อปาอ๋องจะระวังกองทัพท่าน ประการหนึ่งจะมีเหตุในกองทัพจึงกลับไปเมืองแพเสียโดยเร็ว บัดนี้ฮั่นอ๋องก็เกรงฝีมือฌ้อปาอ๋องอยู่ จึงมีหนังสือมาเร่งกองทัพท่านถึงสองครั้ง ท่านก็ยังไม่ไป จึงให้เตียวเหลียงมาตั้งท่านเป็นสำเจ๋อ๋อง พอยั่วใจหมายจะให้ไปทำศึกกับฌ้อปาอ๋องให้สำเร็จ ฮั่นอ๋องก็จะได้ครองแผ่นดินแต่ผู้เดียว ข้าพเจ้าเห็นว่าฌ้อปาอ๋องตายวันใด ภัยจะมาถึงท่านสามประการ ๆ หนึ่งจะเอาโทษด้วยข้อขัดรับสั่ง ประการหนึ่งฮั่นอ๋องระวังตัวกลัวฝีมือความคิดท่าน ประการหนึ่งบุตรแลหลานพระเจ้าฮั่นอ๋องจะสืบเชื้อวงศ์ไปภายหน้า เห็นว่าท่านหลักแหลมจะเป็นเสี้ยนศัตรูในแผ่นดิน อันท่านทุกวันนี้ข้าพเจ้าพิเคราะห์ดูเหมือนภูเขาทั้งสามอันใหญ่มาใกล้จะทับอกท่าน แม้นไม่ไปช่วยฮั่นอ๋อง ท่านแข็งเมืองไว้ ตั้งตัวขึ้นเป็นใหญ่แยกเป็นสามก๊กเหมือนยกภูเขาออกไปตั้งเสียให้ไกล ตั้งใจดูกษัตริย์ทั้งสองทำศึกแก่กันจะดีกว่า

ฮั่นสินได้ฟังดังนั้นจึงคิดว่ากวยถองมีความชั่ว พูดกันเราไว้แต่ครั้งก่อนกลัวฮั่นอ๋องจะได้เป็นใหญ่ ถ้าผู้ใดทูลความขึ้นจะให้มาจับตัวไปลงโทษจึงมาว่าดังนี้ เราจะทำตามกวยถองจะเป็นคนอกตัญญู คิดแล้วจึงว่าซึ่งท่านมาว่าแก่เราว่ายกไปจะมีโทษสามประการนั้น เราก็เห็นว่าไม่ยกไปก็มีโทษสามประการเหมือนกัน ประการหนึ่งพระเจ้าฮั่นอ๋องชุบเลี้ยงให้มียศฐาศักดิ์ถึงเพียงนี้ มีการศึกมาติดพันจะไม่ยกไปช่วยนั้นไม่ควร ประการหนึ่งเราก็ได้รับคำเตียวเหลียงว่าจะยกทัพไป จึงให้เกณฑ์กองทัพหัวเมืองทั้งปวงมา ครั้นจะกลับคำเสียไม่ไปก็จะมีคำนินทาว่าวาจาของเราไม่ยั่งยืน ใครจะนับถือต่อไปเล่า เราจะดูหน้าทหารที่เกณฑ์เข้ามานั้นกระไรได้ ประการหนึ่งซึ่งจะแข็งเมืองอยู่คนก็จะติเตียนว่า พระเจ้าฮั่นอ๋องตั้งให้เราเป็นสำเจ๋อ๋องแล้วยังไม่คิดถึงคุณ มีใจกำเริบเมามัวด้วยยศศักดิ์ รักจะเป็นเจ้าแผ่นดินเล่า ชื่อเราก็จะชั่วไปหมื่นชาติ ถ้าเราไปเฝ้าพระเจ้าฮั่นอ๋องถึงมาตรว่าพระเจ้าฮั่นอ๋องจะพาลเอาผิดฆ่าเราเสีย เราก็จะสู้ด้วยความสัตย์กตัญญู เทพยดามนุษย์ก็จะสรรเสริญไปชั่วพระจันทร์พระอาทิตย์ กวยถองจึงว่าท่านไม่เชื่อข้าพเจ้าแล้วนานไปท่านได้ความทุกข์จึงจะคิดถึงคำข้าพเจ้า ฮั่นสินก็มิได้ว่าประการใดลุกเข้าไปข้างใน

ฝ่ายกวยถองมีความโกรธก็กลับออกไปเสีย ทำเป็นวิกลจริตไปดังเก่า จึงเที่ยวทำเพลงว่า รูปร่างดีมีสติปัญญาแลยศศักดิ์ ถ้าตกยากไม่มีใครช่วยได้ ครั้งนี้ท่านตั้งให้เป็นใหญ่พอยั่วใจไว้ทำศึก จะยกกองทัพไปเล่า คนเราเอ๋ย อันฌ้อปาอ๋องเหมือนนายประกัน ถ้าฌ้อปาอ๋องยังอยู่ก็จะมียศฐาศักดิ์ ถ้าฌ้อปาอ๋องตายวันใดเขาไม่ไว้ชีวิต เหมือนลีสือเมื่อจะตายคิดถึงอึ้งเคี้ยน คือสุนัขเลี้ยงซึ่งเคยไปไล่เนี้อเป็นที่สบายแต่ก่อน หลีเสงเอ๋ยเมื่อจะตายคิดถึงจอกเหล้าด้วยเป็นคนขี้เมา หมายแต่จะชิงเอาความชอบไม่รู้ว่าตัวจะตาย จะต้องคิดถึงเราเมื่ออับจน แล้วจะให้ได้ดียังเก่าก็ยาก ได้ดีอย่างนี้แล้วทำไมมิฉวยเอาความสุขแต่ผู้เดียว อันอยู่ในเมืองเจ๋นี้เหมือนอยู่ที่เนินอันสูงแลดูที่ต่ำ ชอบแต่จะยืนดูคนทั้งสองทำศึกเพลี่ยงพลํ้ากันสิ้นกำลังลง จึงค่อยซํ้าเติมต่อภายหลังก็จะได้เป็นใหญ่ในแผ่นดิน อุปมาเหมือนพรานเบ็ดนั่งตกปลา เห็นหอยอ้าปากคอยกินเหยื่อ พอนกบินมาเห็นเนื้อหอยสำคัญว่าก้อนเนื้อ นกก้มลงกินหอย ๆ ก็หนีบปากนกไว้ ผู้ตกเบ็ดก็ได้ทั้งหอยทั้งนกมา มีผู้ใดคอยดูอยู่ก็จะได้สัตว์ทั้งสองจำพวกเหมือนคนตกเบ็ดอันนั้น ทำไมจึงไม่ทำ จะทิ้งเมืองเจ๋เสียเหมือนละเกียรติยศซึ่งจะลือไปหมื่นชาติ ซึ่งจะยกไปครั้งนี้ดุจเข้าในกองไฟ อันคำซึ่งเราพูดนี้เหมือนอยู่ในแผ่นทองแลแผ่นศิลา แต่หากเจ้าของไม่คิดทำ ซึ่งเราเป็นบ้าเพราะกลัวคนปากบอนจะไปบอก อันเพลงของเรานี้คนทั้งปวงจงจำไว้ ถ้าผู้ใดไม่เชื่อนานไปจึงจะเห็น

ฝ่ายฝูงคนซึ่งเป็นสมัครพรรคพวกฮั่นสิน ได้ยินกวยถองทำเพลงดังนั้น ก็เอาเนื้อความไปบอกแก่ฮั่นสินๆ ได้ฟังก็หัวเราะ แล้วว่ากวยถองเป็นคนบ้าไม่ควรจะถือถ้อยคำ อยู่สองวันทหารหัวเมืองซึ่งต้องเกณฑ์มาพร้อม ได้วันฤกษ์ดีฮั่นสินก็ยกทัพออกจากเมืองเจ๋มาหลายวัน ครั้นใกล้เมืองเซงโก๋จึงพักทหารไว้แต่นอกเมือง ตัวฮั่นสินก็พาทหารซึ่งสนิทเข้าไปเฝ้าพระเจ้าฮั่นอ๋อง ครั้นถึงคุกเข่าคำนับแล้วนั่งตามตำแหน่งเฝ้า พระเจ้าฮั่นอ๋องเห็นฮั่นสินมา ขยับพระองค์ขึ้นจากพระที่นั่ง ลุกไปต้อนรับเรียกฮั่นสินเข้ามาใกล้ให้นั่งที่สมควร แล้วจึงตรัสว่าท่านมาช่วยเราทำศึกกับฌ้อปาอ๋องก็มีชัยทุกครั้ง ไม่ควรเราจะเป็นไมตรีกับฌ้อปาอ๋อง แต่จนใจด้วยพระบิดาตกอยู่ในเงื้อมมือเขา จึงต้องจำใจ แบ่งแผ่นดินให้ แต่ฌ้อปาอ๋องดูหมิ่นเมื่อจะส่งพระบิดามิได้มีความเกรงใจ ให้ทหารพามาส่งกลางสนามได้ความอัปยศนัก บัดนี้เห็นว่าท่านไปตีเมืองใหญ่น้อยได้เชลยมาก็มาก หัวเมืองมาสามิภักดิ์ก็หลายสิบหมื่น ถ้าจะรวมทหารประมาณร้อยหมื่น จึงให้เตียวเหลียงไปหาท่านปรึกษาราชการจะคิดไปตีเมืองแพเสีย ฮั่นสินคำนับรับสั่งแล้วทูลว่า ซึ่งไต้อ๋องตรัสทั้งนี้ต้องใจกับข้าพเจ้าที่คิดมาว่า จะไปทำศึกกับฌ้อปาอ๋องให้เสร็จเสียครั้งเดียว ด้วยไต้อ๋องชุบเลี้ยงข้าพเจ้าถึงขนาด มาตรว่าเสียชีวิตในกลางศึกก็ไม่เสียดาย ข้าพเจ้าคิดจะไปตัดศีรษะฌ้อปาอ๋องมาถวายสนองคุณให้จงได้

พระเจ้าฮั่นอ๋องได้ฟังมีพระทัยยินดีนัก จึงส่งตราอาชญาสิทธิ์สำหรับแม่ทัพให้ฮั่นสิน แล้วว่าท่านจงไปจัดแจงทหารเข้ากระบวนทัพให้พร้อมไว้ จะยกไปเมื่อใดจงมาบอกเรา ฮั่นสินคำนับลาออกมาตั้งค่ายอยู่นอกเมือง ให้หาบรรดานายทหารซึ่งสามิภักดิ์แลทหารซึ่งตีได้มาใหม่พร้อมแล้ว มอบให้นายทหารเก่าฝึกเพลงอาวุธตามกระบวนศึก

ฝ่ายเตียวเหลียงครั้นกลับมาถึงเมืองเซงโก๋ ก็เข้าไปเฝ้าพระเจ้าฮั่นอ๋องทูลความซึ่งได้ทูลกับฮั่นสินหยินโป้แพอวดนั้นทุกประการ พระเจ้าฮั่นอ๋องจึงตรัสสรรเสริญเตียวเหลียงว่า ครั้งนี้ถ้าท่านไม่ไปที่ไหนนายทหารทั้งสามคนจะยกมา เตียวเหลียงจึงทูลว่าซึ่งข้าพเจ้าไปได้การทั้งนี้ก็เพราะบารมีของไต้อ๋องปกแผ่จึงสำเร็จ ครั้นอยู่มาประมาณสิบวันหยินโป้แพอวดแลทัพหัวเมืองก็ยกมาถึงพร้อมกัน เข้าไปกระทำคำนับพระเจ้าฮั่นอ๋อง ๆ จึงตรัสแก่หยินโป้แพอวดว่า เราจะทำศึกกับฌ้อปาอ๋องครั้งนี้ให้ถึงแพ้แลชนะ ท่านทั้งสองมีสติปัญญาแลฝีมือเข้มแข็งเป็นที่วางใจ ซึ่งท่านอุตส่าห์รีบยกมาเรามีความยินดีนัก ท่านจงออกไปคิดราชการกับสำเจ๋อ๋องเถิด หยินโป้แพอวดแลขุนนางหัวเมืองทั้งปวงก็ ออกไปหาสำเจ๋อ๋อง ณ ค่าย บอกบัญชีม้าแลคนตามหมวดกอง ฮั่นสินจึงบังคับให้ตั้งค่ายรายกันออกไป แต่เมืองเซงโก๋ไปจนถึงเมืองเอ๊กเอี๋ยงทางแปดพันเส้น ดูพู่จามรีที่คอทวนซึ่งปักไว้บนค่ายโปร่งดุจดอกเลาในพงแขม

ฝ่ายฮั่นสินจึงทำบัญชีคนแต่บรรดาหัวเมืองทั้งปวงมาได้จำนวนเมืองเอี๋ยนสิบห้าหมื่น ทัพหยินโป้เจ้าเมืองห้วยหลำห้าหมื่น ทัพแพอวดเจ้าเมืองไตเหลียงห้าหมื่น กองทัพกีสินเจ้าเมืองหันสามหมื่น เมืองงุยยี่สิบหมื่น กองทัพจังถูเจ้าเมืองเหลียงสามหมื่น กองทัพฮอก๋งเจ้าเมืองลกเอี๋ยงห้าหมื่น กองทัพเมืองสามจีนหกหมื่น กองทัพฮั่นสินยกมาแต่เมืองเจ๋สิบห้าหมื่น กองทัพหลวงอยู่ในพระเจ้าฮั่นอ๋องแต่เดิมมายี่สิบหมื่น กองลำเลียงเสียวโหส่งเสบียงสิบห้าหมื่น เข้ากันเป็นคนร้อยสิบสองหมื่น แต่นายทหารซึ่งมีฝีมือประมาณแปดร้อยเศษ กับคนมีสติปัญญาเป็นที่ปรึกษาประมาณห้าสิบเศษ ฮั่นสินได้แจ้งดังนั้นจึงจดหมายเข้าไปทูลพระเจ้าฮั่นอ๋อง ๆ ได้แจ้งความยินดีนัก จึงสั่งให้เสียวโหหนึ่ง ตันแผงหนึ่ง แฮเฮาหยินหนึ่ง เป็นนายกองส่งลำเลียงเสบียงอาหาร อย่าให้พวกพลกองทัพอดอยาก ถ้าผู้ใดเจ็บไข้ให้เกณฑ์แพทย์ไปพยาบาล ถ้าล้มตายลงพระราชทานเครื่องเซ่นให้ฝังตามสมควร แล้วให้ทำบัญชีบรรดาสมัครพรรคพวกผู้ตายไว้ สำเร็จราชการแล้วจะชุบเลี้ยงปูนบำเหน็จตามบรรดาศักดิ์ เสียวโหแฮเฮาหยินตันแผงก็ออกไปจัดแจงตามรับสั่ง แต่บรรดาทหารในกองทัพได้รับพระราชทาน ก็มีความยินดีทุกตัวคน ครั้นรุ่งขึ้นวันหนึ่งพระเจ้าฮั่นอ๋องจึงให้หาฮั่นสินเข้ามาปรึกษาว่า บัดนี้ทหารก็พร้อมแล้ว การซึ่งจะไปตีเมืองแพเสียท่านจะคิดประการใด ฮั่นสินจึงทูลว่านายทหารแลรี้พลก็รื่นเริง พร้อมหน้า บรรดาทหารขึ้นใหม่ก็ฝึกหัดสันทัดเพลงอาวุธทุกตัวคน แต่ยังมิได้จัดเป็นกระบวนทัพ ครั้งนี้ข้าพเจ้าหมายจะทำศึกกับฌ้อปาอ๋องให้ลึกซึ้งกว่าก่อน พระเจ้าฮั่นอ๋องจึงตรัสว่า เราจะให้คนถือหนังสือไปชวนฌ้อปาอ๋องให้มารบดีหรือ หรือเราจะยกไปตีเมืองแพเสียทีเดียว ฮั่นสินจึงทูลว่า ฌ้อปาอ๋องยกมาทำศึกกับไต้อ๋อง ณ เมืองเซงโก๋เมืองเอ๊กเอี๋ยง เสียเสบียงแตกยับเยินหลายครั้ง ครั้นไปตั้งอยู่เขากองบู๊ก็หลงกล จนส่งพระบิดามาถวายไต้อ๋อง ครั้งนี้ยิ่งรู้ว่ากองทัพพร้อมมูลรี้พลมาก ถึงจะมีผู้ไปว่ากล่าวที่ไหนจะมา ถ้าไต้อ๋องเสด็จไปอยู่เมืองไภก้วนแต่งคนไปอยู่เป็นไส้ศึก เห็นจะออกมารบด้วยใกล้เมืองแพเสีย แม้นฌ้อปาอ๋องยกทัพใหญ่ออกมา ข้าพเจ้าจะคิดวางทัพไม่ให้ฌ้อปาอ๋อง กลับเข้าเมืองได้

พระเจ้าฮั่นอ๋องได้ฟังพระทัยยินดี ตรัสสรรเสริญฮั่นสินว่ามีปัญญาโดยแท้ควรที่จะเป็นสำเจ๋อ๋อง ท่านจงไปตรึกตรองการศึกจับฌ้อปาอ๋องให้จงได้ ไว้เกียรติยศชื่อท่านในแผ่นดิน ฮั่นสินกับทหารทั้งปวงต่างคนคำนับลาพระเจ้าฮั่นอ๋องออกมา ณ ค่าย พระเจ้าฮั่นอ๋องสั่งให้เตียวเหลียงเอาสุราอย่างดีกับเนื้อแพะไปพระราชทานฮั่นสิน ๆ ก็คำนับรับพระราชทานสิ่งของมีความยินดีนัก เตียวเหลียงจึงว่าบัดนี้ท่านก็ตรวจเตรียมทหารพร้อมแล้วสักกี่วันท่านจะยกไป ฮั่นสินจึงว่าซึ่งจะทำศึกกับฌ้อปาอ๋องเป็นการใหญ่ ข้าพเจ้าก็พิเคราะห์ดูแต่เมืองเอ๊กเอี๋ยงไปจนถึงเมืองแพเสีย เป็นที่เลเพจะซุ่มทัพไม่ได้ เห็นไว้แต่ที่เขาเกาหลีซัวข้างทิศใต้ มีบ้านอันหนึ่งชื่อหวยไห เป็นที่ต้องพระนามพระเจ้าฮั่นอ๋องมีชัย เป็นที่ฌ้อปาอ๋องปราชัย ข้างหน้ามีเขากั้นอยู่หลายเขา ข้างหลังมีต้นไม้ใหญ่แลที่ทางจะ อาศัยหลบหลีกได้ถนัด ให้คนไปทำแผนที่ยังไม่กลับมา ถ้ามาแล้วเมื่อใดข้าพเจ้าจะยกไป เตียวเหลียงจึงว่า เวลาคืนนี้ข้าพเจ้าดูดาวประจำพระองค์พระเจ้าฮั่นอ๋องสุกมีรัศมีถึงห้าประการมีดาวบริวารล้อมอยู่เป็นอันมาก เห็นว่าพระเจ้าฮั่นอ๋องจะได้เป็นเจ้าแผ่นดินสืบเชื้อพระวงศ์ไปหลายร้อยปี ท่านจงอุตส่าห์ตั้งใจทำราชการให้สำเร็จราษฎรทั้งปวงจะได้อยู่เย็นเป็นสุข ท่านก็จะมีชื่อปรากฏไปชั่วพระจันทร์พระอาทิตย์ ฮั่นสินจึงว่าครั้งนี้ทัพหัวเมืองทั้งปวงก็ยกมาบรรจบพร้อมกันคนถึงร้อยสิบสองหมื่นเศษ ถ้าจะอยู่ช้าหลายวันไปเสบียงอาหารก็ฝืดเคือง ถ้าผู้ไปสืบราชการกลับมาข้าพเจ้าก็จะรีบยกไปโดยเร็ว เตียวเหลียงก็กลับเข้าไปเฝ้าพระเจ้าฮั่นอ๋อง แจ้งความตามฮั่นสินว่าทุกประการ

แชร์ชวนกันอ่าน

แจ้งคำสะกดผิดและข้อผิดพลาด หรือคำแนะนำต่างๆ ได้ ที่นี่ค่ะ