๒๖

ฝ่ายคนซึ่งเจียงแผงให้ไปบอกยงอ๋องนั้น ครั้นถึงจึงแจ้งความทุกประการ ยงอ๋องได้ฟังก็ตกใจจึงว่า คนหนีมาบอกว่าห้วนโก้ยทำทางจั๋นโต๋ยังไม่แล้ว บัดนี้มีทัพมาติดด่านซัวก๊วนรวดเร็ว จึงใช้คนขึ้นม้าไปแจ้งความแก่เมืองเล็กเอี๋ยง เมืองเก่าหนอตามหนังสือเจียงแผงบอกมา แล้วจึงสั่งลีแบ๊ถองสุงอานให้เกณฑ์ทหารขึ้นรักษาหน้าที่เชิงเทินพอเจียงแผงเดินร้องไห้เข้าไปคำนับยงอ๋อง ยงอ๋องเห็นใบหูเจียงแผงขาดก็ตกใจ จึงคิดว่าฮั่นสินผู้นี้ฟัมแจ้งสรรเสริญว่ามีสติปัญญามาตีด่าน ซัวก๊วนได้โดยอุบาย เห็นสมคำฟัมแจ้งทุกประการ ครั้นจะชมว่าดีเกลือกทหารได้ยินจะท้อใจจึงว่า ทำไมกับคนโซหนีไปเข้าด้วยข้าศึกตีได้แต่ด่านซัวก๊วนฝีมืออ่อน ถ้าได้รบกับเราๆ ตีเวลาเดียวก็จะแตก จึงสั่งให้เจียงแผงอยู่รักษาตัวในเมือง เราจะยกทหารไปจับฮั่นสินมาฆ่าเสีย ทหารทั้งปวงจึงว่า ท่านอย่าประมาท ทัพครั้งนี้เห็นจะเป็นศึกใหญ่ด้วยฮั่นสินหนีไป ชะรอยจะมีสติปัญญาจึงได้เป็นแม่ทัพยกมาครั้งนี้เป็นศึกใหญ่ จำจะดูท่วงทีก่อนแต่รักษาเมืองไว้ให้มั่นคง ยงอ๋องได้ฟังจึงตอบว่า เราปราบหัวเมืองมาถึงสามสิบปี มีแต่ได้ชัยชนะกว่าร้อยครั้ง จนเมืองห้ำเอี๋ยงได้ตั้งเป็นเมืองหลวง พระเจ้าฌ้อปาอ๋องไปครองสมบัติจึงให้เรามาเป็นเจ้าเมืองฮุยขิว จะไม่คิดสนองคุณหาควรไม่ จำจะไปตัดศึกเสียจงได้ ยงอ๋องก็ยกทัพออกไปตั้งค่ายรับอยู่นอกเมือง

ฝ่ายแฮเฮาหยิน ครั้นเดินทัพไปใกล้เมืองทางประมาณห้าร้อยเส้นเห็นค่ายชาวเมืองตั้งอยู่ จึงสั่งให้ทหารตั้งค่ายมั่นลงไว้

ฝ่ายฮั่นสินรีบยกทัพไปใกล้จะถึง จึงรู้ว่าทหารชาวเมืองมาตั้งรับ จึงให้หาแฮเฮาหยินมากระซิบว่า ยงอ๋องเป็นคนเก่าเคยทำศึกมามาก ครั้นจะยกไปรบโดยซื่อทแกล้วทหารจะล้มตาย จำจะคิดเป็นกลอุบายซุ่มทัพ ท่านจงจัดทหารให้แยกกองอยู่ในดง ถ้าได้ยินเสียงประทัดก็เอาไฟจุดป่าขึ้นทั้งสามด้าน คิดฆ่าทหารชาวเมืองแลตัวเจียงหำเสียจงได้ แฮเฮาหยินได้ฟังก็คำนับลาฮั่นสินไปจัดตัวนายแลทหารทำการตามแม่ทัพสั่ง ครั้นรุ่งเช้าแฮเฮาหยินถือง้าวขึ้นม้าพาทหารออกไปยืนอยู่หน้าค่ายเจียงหำ

ฝ่ายเจียงหำซึ่งเป็นยงอ๋อง ครั้นเห็นก็ขึ้นม้าออกมาร้องว่า ตัวเองเป็นแต่นายทหาร ไม่ทัดทานฮั่นอ๋องให้รักษาอยู่แต่เมืองโปต๋ง พากันเชื่อคำฮั่นสินดูหมิ่นพระเจ้าฌ้อปาอ๋อง จะพากันตายเสียที่เมืองฮุยขิวนี้เป็นมั่นคง แฮเฮาหยินได้ฟังจึงตอบว่า ฌ้อปาอ๋องกับพระเจ้าฮั่นอ๋องถือรับสั่งพระเจ้างี่เต้มาตีเมืองหํ้าเอี๋ยง ครั้นพระเจ้าฮั่นอ๋องตีเมืองได้ฌ้อปาอ๋องไม่ทำตามรับสั่ง กลับให้ทหารไปฆ่าพระเจ้างี่เต้ ตั้งตัวเป็นกษัตริย์ชิงเอาสมบัติทั้งสองเมืองแล้วฆ่าคนซึ่งหาความผิดไม่ ไพร่ฟ้าข้าแผ่นดินได้ความเดือดร้อน กลับให้พระเจ้าฮั่นอ๋องไปครองเมืองโปต๋ง ขุนนางกับนายทหารทั้งปวงพร้อมใจกันเชิญเสด็จพระเจ้าฮั่นอ๋องยกทัพกลับมาปราบศัตรูให้ราบคาบ ใช่จะเชื่อความคิดฮั่นสินผู้เดียวนั้นหามิได้ ท่านถือว่าดีจะต่อสู้เห็นจะเอาเลือดคอมาล้างคมอาวุธทหารเราเสียครั้งนี้เป็นมั่นคง

ฝ่ายยงอ๋องก็โกรธชักม้าเจ้ารุกไล่ ได้ทีเงื้อทวนจะแทงแฮเฮาหยิน แฮเฮาหยินรำเพลงง้าวปัดไว้ แล้วชักม้าหนีขึ้นไปบนไหล่เขาจึงว่า ถ้าเราจะฟันด้วยง้าวคอท่านก็จะขาดตาย แต่คิดอยู่ด้วยเป็นผู้เฒ่าเราจึงงดไว้ ยงอ๋องได้ฟังก็โกรธขับม้าไล่แฮเฮาหยิน ทหารทั้งสองฝ่ายถ้อยทีรบกัน ผงคลีฟุ้งกลบไม่เห็นแฮเฮาหยิน เห็นแต่ฮั่นสินจำได้ถนัดก็หยุดทหารยืนม้าอยู่ ฮั่นสินเห็นเจียงหำจึงร้องว่า ท่านจะมาลองคมกระบี่เราหรือๆ จะไปคำนับพระเจ้าฮั่นอ๋อง ยงอ๋องจึงตอบว่า อ้ายคนโจทเจ้า จะเอาเลือดคอมาติดคมอาวุธทหารเมืองฮุยขิวเสียครั้งนี้ ฮั่นสินได้ฟังเจียงหำว่าก็ขับม้าเข้ารบแล้วทำเป็นหนีไปริมเหวแล้วลงจากม้าแกล้งทำอุบายให้ทหารเอาเชือกหย่อนลงในเหว ร้องอึงว่าฮั่นสินแม่ทัพตกเหว

ฝ่ายยงอ๋องมิได้รู้ในกลอุบาย ก็ขับม้าพาทหารติดตาม กุยเหลียงกุยหวนรีบขับม้าไปทันจึงร้องว่า ฮั่นสินรบยังไม่เสียกระบวนทัพหนีต่อหน้า เห็นจะเป็นกลศึกอย่าไล่ถลำเข้าไปจงหยุดก่อน พอทหารมาบอกยงอ๋องว่าฮั่นสินขี่ม้าไปตกเหว แฮเฮาหยินกับทหารทั้งปวงยังช่วยกันเอาเชือกหย่อนลงไปในเหว จะเอาตัวฮั่นสินขึ้นมา ยงอ๋องได้ฟังจึงใช้คนไปสืบ คนใช้ขึ้นไปยืนแลดูแล้วกลับมาบอกความแก่ยงอ๋องว่าไม่เห็นฮั่นสิน เห็นแต่แฮเฮาหยินกับทหารหย่อนเชือกแลขอรับกันอยู่ ยงอ๋องได้ฟังจึงว่า ที่ไหนอ้ายฮั่นสินจะพ้นมือ ก็รีบติดตามไปถึงหน้าเขาช่องแคบแลไปมีแต่ป่าไม้ไม่เห็นผู้คน พอเวลาคํ่าลงจึงหยุดทัพอยู่ในดง

ฝ่ายฮั่นสินให้จุดประทัดสัญญาณ ทหารซึ่งคอยเตรียมอยู่จุดไฟเผาป่าขึ้นทั้งสามด้าน พร้อมระดมกันตีขนาบเข้าไป

ฝ่ายยงอ๋องแลไปเห็นแสงเพลิงทั้งสามด้าน ทหารฮั่นสินก็ไล่ฆ่าทหารชาวเมืองเข้ามา ยงอ๋องรู้ว่าต้องกลฮั่นสินเสียทีก็ตกใจนัก จึงลงจากม้าพากุยเหลียงกุยหวนยุดเถาวัลย์คลานขึ้นไปบนเขา แอบอยู่ได้ยินเสียงพลอื้ออึง ยงอ๋องเสียใจก็พากันหนีเลียบเขาไปถึงศาลเจ้าเข้านอนซ่อนตัวอยู่

ฝ่ายเจียงแผงอยู่ภายหลังคิดว่า ยงอ๋องยกออกไปครั้งนี้มีใจประมาทเกลือกจะต้องกลฮั่นสิน เจียงแผงไม่ไว้ใจจึงให้ลีแบ๊ถองคุมทหารพันหนึ่งยกตามไป ลีแบ๊ถองก็พาทหารรีบไปไม่เห็นกองทัพ เห็นแต่แสงไฟรอบภูเขา จึงพาทหารเดินตามทางน้อยไปหน้าศาลเจ้า พูดกันว่ายงอ๋องไปอยู่ไหนหรือจะไปตายเสียแล้ว

ฝ่ายกุยเหลียงได้ยินเป็นเสียงชาวเมืองพูดกันดังนั้น ก็ออกไปบอกว่า ยงอ๋องอยู่นี่ ลีแบ๊ถองได้ยินดังนั้นก็ลงจากม้าไปคำนับยงอ๋อง ยงอ๋องจึงถามว่า เหตุใดท่านจึงรู้ว่าเราเสียทัพจึงได้พากันมาตาม ลีแบ๊ถองจึงว่า เจียงแผงแจ้งความแก่ข้าพเจ้าว่า กลัวท่านจะต้องอุบายฮั่นสิน จึงให้ข้าพเจ้ากับทหารพันหนึ่งรีบตามท่าน ถึงกลางทางเห็นแสงไฟสว่างรอบภูเขาไม่เห็นท่าน ข้าพเจ้าจึงเที่ยวหา ยงอ๋องได้ฟังมีความยินดีนักก็พาลีแบ๊ถองกลับไป

ฝ่ายเจียงแผงกับสุงอานมีความวิตก จัดทัพยกออกไปตามยงอ๋องพบที่กลางทางบอกว่า คนซึ่งแตกทัพหนีไปพันเศษป่วยเจ็บทุกตัวคน ยงอ๋องได้ฟังก็พากันกลับมาเมืองจึงให้คนถือหนังสือไปเมืองเก่าหนอเมืองเล็กเอี๋ยงขอกองทัพมาช่วย

ฝ่ายฮั่นสินตามเจียงหำมาใกล้เมืองฮุยขิว ประมาณทางสามร้อยเส้น ให้ตั้งค่ายมั่นลงไว้ ถ่ายเสบียงอาหารเสร็จแล้ว ก็ยกเข้าไปตั้งประชิดใกล้เมือง แล้วให้ทหารร้องว่ากล่าวหยาบช้าท้าทายจะให้เจียงหำโกรธ ทหารชาวเมืองซึ่งรักษาหน้าที่ได้ยินเข้าไปบอกความแก่ยงอ๋องๆ ได้ฟังดังนั้นก็โกรธ จึงว่าเราเป็นทหารเมืองหลวง หัวเมืองน้อยใหญ่ก็ลือชื่อเรา พระเจ้าฌ้อปาอ๋องชุบเลี้ยงในเมืองหลวงก็มิได้มีผู้ใดดูหมิ่น อ้ายฮั่นสินนี้หยาบคาย จำจะล้างชีวิตมันเสียให้จงได้ กุยเหลียงกับขุนนางทั้งปวงจึงว่า ซึ่งฮั่นสินให้ทหารมาว่ากล่าวหมายจะให้ท่านมีความโกรธ เปิดประตูเมืองออกไปรบ เพราะเห็นว่าเราเสียทัพทหารก็ป่วยเจ็บอิดโรย อย่าเพิ่งยกกองทัพออกไป จงตรึกตรองดูก่อน

ฝ่ายฮั่นสินเห็นทหารในเมืองไม่ออกมารบ จึงสั่งให้จุดประทัดแล้วให้รำทำเพลงเยาะเย้ยยิ่งกว่าแต่ก่อน

ฝ่ายทหารซึ่งรักษาเชิงเทินก็เข้าไปบอกว่า ทหารฮั่นสินกินเหล้าเมาเต้นรำอื้ออึงอยู่ ยงอ๋องได้ฟังจึงพาขุนนางไปบนเชิงเทินเห็นทหารฮั่นสินทำหยาบช้า จึงพูดกับขุนนางว่า มันกำเริบเหมือนเมื่อครั้งห้างเหลียงล้อมเมืองเต้งโถ กุยเหลียงจึงว่า แต่กิตติศัพท์นับถือฮั่นสินว่ามีความคิด เมื่อพิเคราะห์ดูแต่ตั้งค่ายก็ไม่มั่นคงหาสมคำที่ลือไม่ แม้นเราจะออกไปปล้นค่ายก็จะแตกเหมือนครั้งห้างเหลียง

ฝ่ายสุงอานจึงว่า ซึ่งค่ายไม่มั่นคงฮั่นสินจะแกล้งทำให้ไว้ใจ แม้นจะยกกองทัพออกไป เกลือกจะต้องกลศึก ยงอ๋องจึงว่า เวลาวานนี้เรารบเสียทีฮั่นสินเพราะเราไม่เห็นปัญญา ครั้งนี้เราเห็นความคิดแล้ว ถึงมาตรว่าจะแต่งกลอุบายเราจะปล้นค่ายให้จงได้ จึงสั่งกุยเหลียงกุยหวนให้คุมทหารสามพันออกประตูทิศใต้ ให้สุงอานลีแบ๊ถองคุมทหารสามพันออกด้านเหนือคอยตีกระหนาบ ยงอ๋องคุมทหารหมื่นหนึ่งเป็นกองปล้นคอยเวลาอยู่

ฝ่ายฮั่นสินครั้นยงอ๋องไม่ออกรบอยู่แต่ในเมือง จึงคิดว่าเจียงหำจะทำเหมือนเมื่อครั้งปล้นห้างเหลียง ณ เมืองเต้งโถ คิดแล้วจึงสั่งให้ห้วนโก้ยกับตันบูคุมทหารสามพันไปคอยอยู่ด้านเหนือ ให้แฮเฮาหยินกับจิวพุนคุมทหารสามพันไปซุ่มอยู่ด้านใต้คอยสกัดทัพ ฮั่นสินพาทหารออกไปซุ่มอยู่นอกค่าย ให้ทหารอยู่รักษาค่ายพอจะได้จุดประทัดสัญญาณ ครั้นค่ำจึงสั่งให้สินกีกินหิบคุมทหารพันหนึ่งไปซุ่มอยู่ข้างซ้าย ให้โลก๋วนกับกวนหยินคุมทหารห้าพันไปซุ่มอยู่ข้างขวา ถ้าเจียงหำแตกจะกลับไปท่านจงตีกระหนาบทำให้เข็ดฝีมือจงได้ นายทหารรับคำลาไปซุ่มทัพ

ฝ่ายเจียงหำเวลายามเศษ จึงเปิดประตูเมืองทิศตะวันออกไปถึงค่ายใหญ่ ไม่เห็นคนก็ตกใด เกรงจะต้องกลอุบายจึงสั่งให้ถอยทัพ

ฝ่ายทหารผู้รักษาค่าย เห็นทัพชาวเมืองยกมาก็จุดประทัดสัญญาณขึ้น ทหารกองละห้าพันได้ยินเสียงประทัด ก็เข้าโจมตียิงเกาทัณฑ์เป็นห่าฝนถูกทหารชาวเมืองป่วยเจ็บ ตัวยงอ๋องก็ต้องเกาทัณฑ์ที่แขนขวา คนสนิทเข้าพยุงเจียงหำแล้วรบฝ่าทหารฮั่นสินออกมาพอพ้นที่ล้อม กุยเหลืยง กุยหวนซึ่งออกประตูนั้น ครั้นได้ยินเสียงรี้พลอื้ออึงจะเข้าช่วยรบ พอกองทัพห้วนโก้ยสกัดไว้

ฝ่ายห้วนโก้ยก็ให้ทหารเข้าระดมตี ทัพกุยเหลียงกุยหวนก็แตกหนีเข้าเมือง

ฝ่ายสุงอานกับลีแบ๊ถองสองนายซึ่งออกประตูใต้ ครั้นยกทัพมาประมาณทางร้อยเส้นหยุดทัพไว้ สุงอานจึงว่าฮั่นสินมิใช่คนชั่ว เราจะต้องกลอุบายยับเยินเสียจำจะสืบให้แน่นอน ลีแบ๊ถองจึงว่า เราเป็นข้าพระเจ้าฌ้อปาอ๋อง ซึ่งจะกลัวข้าศึกอยู่ฉะนี้ถ้ามีผู้ใดไปกราบทูลเราจะได้ความผิด สุงอานจึงว่า ใช่เราจะกลัวข้าศึกนั้นหาไม่ ถ้าจะไปเพลี่ยงพล้ำลงครั้งนี้รี้พลจะตายความนินทาก็จะมี พูดกันแล้วก็ยกไป พอพบยงอ๋องต้องเกาทัณฑ์ก็พากันเข้ามา ฮั่นสินรู้ว่ามีกองทัพมารับเจียงหำเข้าเมือง จึงกำชับทหารไม่ให้ติดตาม เตียวชังนายทหารก็ขับม้ามาจึงว่า ยงอ๋องต้องกลศึกสิ้นความคิด ท่านมาห้ามเมื่อศึกได้ทีไม่ให้ตาม ทำประการใดจึงจะได้ตัวเจียงหำเล่า ฮั่นสินจึงตอบคำเตียวชังว่า เป็นเวลากลางคืนคนจะแปลกปลอมกันสับสนนัก จำจะหยุดทหารไว้ก่อนด้วยคำโบราณท่านว่าไว้ แม้นได้ทีแก่ข้าศึกเวลาค่ำ ถ้าติดตามมักเสียทัพเราจึงงดไว้ แล้วสั่งให้ตีม้าล่อให้ทหารหยุดตั้งค่ายล้อมเมืองทั้งสี่ด้าน ครั้นเวลาเช้าฮั่นสินจึงพูดกับนายทหารที่เมืองฮุยขิวว่า เมืองนี้มีมาแต่โบราณ กำแพงก็ใหญ่สูงหนาแน่นจะหักเอาโดยเร็วนั้นมิได้ จำจะไปดูที่ทางให้ชอบกล จะเอาชัยชนะในสองวันให้จงได้ ว่าแล้วก็ชวนนายทหารขึ้นม้าไปเที่ยวเหนือน้ำเห็นน้ำไหลเชี่ยวลงมารู้ว่าไหลมาแต่ช่องเขา จึงขึ้นไปบอกโจฉำว่า ทางน้ำหน้ากำแพงเมืองไหลฟากภูเขาข้างทิศตะวันตกไปออกช่องเขาข้างทิศตะวันออกเฉียงใต้ นํ้าไหลถ่ายเดียว ท่านจงคุมทหารพันหนึ่งเอาผ้าทำเป็นกระสอบบรรจุทรายตั้งทำนบข้างท้ายนํ้าไว้ให้น้ำท่วมเข้าไปในเมือง เวลาค่ำฮั่นสินก็สั่งให้ทหารย้ายค่ายขึ้นตั้งตามเนินสูงแลบนเขา

ฝ่ายโจฉำก็คำนับลาพาทหารพันหนึ่งไปถึงท้ายน้ำ ทำตามแม่ทัพสั่งน้ำก็ท่วมเข้าไปในเมือง ชาวเมืองที่อยู่ตึกก่อด้วยศิลาใบสอดินก็ทรุดโทรมทลายลง ยงอ๋องเห็นนํ้าท่วมเมืองเข้ามาพาทหารเที่ยวปิดก็ไม่หยุด สิ้นความคิด รู้ว่าฮั่นสินให้ทหารเลิกค่ายขึ้นไปอยู่บนเขา ตกใจว่าไม่รู้เท่าเสียกลกับฮั่นสินถึงสองครั้ง จึงพาขุนนางกับพวกพันหนึ่งยกครอบครัวเปิดประตูเมืองทิศเหนือออกไปทางเมืองทัวหลิมเป็นเมืองขึ้น

ฝ่ายฮั่นสินเห็นไพร่บ้านพลเมืองจะล้มตาย จึงสั่งให้โจฉำเปิดทำนบเสียน้ำก็แห้งลงดังเก่า ฮั่นสินกับนายทหารยกเข้าไปอยู่ในเมืองจัดแจงที่อยู่ของยงอ๋องไว้รับเสด็จ

ฝ่ายพระเจ้าฮั่นอ๋องรู้ว่าฮั่นสินตีเมืองฮุยขิวได้ ก็ยกกองทัพหลวงรีบเข้าไปอยู่ในเมือง บรรดาหัวเมืองที่ขึ้นแก่เมืองฮุยขิวรู้ว่ายงอ๋องเสียทัพหนีไป ก็มายอมสามิภักดิ์เข้าด้วยพระเจ้าฮั่นอ๋องหลายเมือง

ฝ่ายฮั่นสินทูลลาพระเจ้าฮั่นอ๋องจะยกไปตีเมืองเล็กเอี๋ยง พระเจ้าฮั่นอ๋องจึงตรัสชมฮั่นสินว่า ซึ่งท่านตีเมืองฮุยขิวได้โดยสะดวกนั้น เราก็เห็นสติปัญญาอยู่แล้ว ฮั่นสินคำนับลารีบยกกองทัพไปข้างทิศตะวันตก

ฝ่ายคนซึ่งยงอ๋องใช้ไปขอกองทัพเมืองเล็กเอี๋ยง จึงแจ้งความแก่เอ๊กอ๋องยังมิทันจะขาดคำมีคนไปบอกว่า ฮั่นสินทดน้ำท่วมเมืองฮุยขิว ยงอ๋องหนีไปเมืองทัวหลิมแล้วฮั่นอ๋องยกเข้าไปอยู่ในเมือง ฮั่นสินก็ยกมาถึงตำบลเล่าเก๋ แต่ได้ยินเขาพูดว่าจะรีบตีเมืองท่านให้ได้ในวันหนึ่งสองวัน ตั้งอี้ผู้เป็นเอ๊กอ๋องครองเมืองเล็กเอี๋ยงแจ้งความ จึงให้แกว่งเฉียงฮูเจียงหงอหลุนคุมทหารหมื่นหนึ่งออกตั้งค่ายรับอยู่นอกเมืองทางห้าร้อยเส้นตัวตั้งอี้กับขุนนางคุมทหารสองพันยกไปตั้งอยู่ใกล้เมืองทางสองร้อยเส้น

ฝ่ายห้วนโก้ยกับจิวพุนทัพหน้ายกมาเห็นค่ายตั้งรับ ก็แยกออกเป็นสองกองตั้งค่ายมั่นไว้ แกว่งเฉียงกับฮูเจียงเห็นทัพยกมาก็ขึ้นม้าถือทวนพาทหารออกไปหน้าค่ายห้วนโก้ยกับจิวพุนเห็นทหารเมืองเล็กเอี๋ยงยกมา ก็ขับม้าพาทหารออกไปรบตีกระหนาบเป็นสองกอง หมายจะจับนายทหารเมืองเล็กเอี๋ยง ห้วนโก้ยข้บม้าไล่รบได้ทีเอาทวนแทงถูกแกว่งเฉียงตกม้าตาย ฮูเจียงเห็นแกว่งเฉียงตายก็ชักม้าหนี ฮั่นสินได้ทีก็ขับทหารกระโจนไล่ไปถึงหน้าค่ายตั้งอี้ แล้วจึงร้องเรียกเข้าไปให้ตั้งอี้ออกมาพูดกัน

ฝ่ายตั้งอี้ได้ยินก็ขึ้นม้าออกมายืนอยู่หน้าทหารจึงร้องว่า ถ้าเรายกไปช่วยเมืองฮุยขิวทัน ที่ไหนท่านจะได้เมืองฮุยขิว แต่ยงอ๋องผู้เดียวเสียกับท่านยังมาคิดตีเมืองเรา ชีวิตท่านจะอยู่ในเมืองเล็กเอี๋ยงเป็นมั่นคง ฮั่นสินได้ยินจึงตอบว่า ตัวเป็นแต่คนใช้ของเจียงหำซึ่งว่ากล่าวนี้เกินนัก ไม่รู้ว่าตัวกูคือพระกาฬจะผลาญชีวิต ตั้งอี้ได้ฟังก็โกรธขับม้าออกรบ

ฝ่ายห้วนโก้ยกับจิวพุนก็ขับม้าพาทหารไล่บุกบั่น ตั้งอี้เห็นเหลือกำลังชักม้าหนีไปทิศตะวันออก

ฝ่ายกวนหยินสินกีก็ขับทหารเข้าล้อมไว้ ตั้งอี้ตกใจยืนม้าอยู่ไม่ทันจะหนี สินกีจึงร้องว่า ถ้ายอมเข้าด้วยเราจะช่วยขอชีวิตท่านไว้ ตั้งอี้ก็ลงจากม้าถอดเกราะแล้วทิ้งอาวุธเข้ามาหากวนหยินกับสินกี กวนหยินกับสินกีก็จับตัวตั้งอี้มัดมาให้ฮั่นสิน ฮั่นสินนั่งอยู่บนเก้าอี้ลุกออกไปแก้มัดแล้วให้นั่งที่สมควร ตั้งอี้จึงว่าข้าพเจ้าก็เป็นข้าศึกจับมาโทษถึงตาย ท่านกรุณาไม่ฆ่าเสียนั้นขอบคุณยิ่งนัก ฮั่นสินจึงว่า เดิมท่านอยู่กับฌ้อปาอ๋องได้ครองเมืองเล็กเอี๋ยง บัดนี้ท่านมีน้ำใจสุจริตมิให้ทแกล้วทหารไพร่พลล้มตาย มาพึ่งพระเจ้าฮั่นอ๋องคงจะได้ครองเมืองดังเก่า จงช่วยกันตีเมืองหํ้าเอี้ยงถวายพระเจ้าฮั่นอ๋องให้จงได้ ตั้งอี้ได้ฟังฮั่นสินพูดดังนั้นก็ลุกขึ้นคำนับฮั่นสินๆ ก็จับมือตั้งอี้พาขึ้นนั่งที่เสมอกัน จึงว่ายงอ๋องก็เสียเมืองกับเรา ท่านก็ภักดีโดยแท้ ยังแต่สุมาหืนซึ่งเป็นไซ่อ๋อง ท่านจะคิดประการใดไซ่อ๋องจึงจะตาย ตั้งอี้จึงว่า ขอเชิญท่านเข้าหยุดพักทหารก่อน ซึ่งเมืองเก่าหนอนั้น ข้าพเจ้าจะแต่งหนังสือไปถึงไซ่อ๋องว่ากล่าวให้ยอมเป็นข้าพระเจ้าฮั่นอ๋อง ฮั่นสินครั้นได้ฟังตั้งอี้ว่าดังนั้นสั่งทัพหน้าให้ยกเข้าเมือง แล้วเขียนหนังสือไว้กับประตูทั้งสี่ด้าน ห้ามไม่ให้กองทัพกระทำย่ำยีข่มเหงไพร่พลเมือง ตั้งอี้เข้าไปสั่งให้ชาวบ้านแต่งเครื่องบูชาคำนับตามตำแหน่ง จัดการซึ่งจะรับฮั่นสินแม่ทัพ

แชร์ชวนกันอ่าน

แจ้งคำสะกดผิดและข้อผิดพลาด หรือคำแนะนำต่างๆ ได้ ที่นี่ค่ะ